'แก้วสรร' แพร่บทความ สิทธิ 'หวงกันข้อมูลสุขภาพ' ในคดี 'ติดคุกจอมปลอม'

5 ส.ค.2567 - นายแก้วสรร อติโพธิ  เผยแพร่บทความเรื่อง สิทธิ “หวงกันข้อมูลสุขภาพ” ในคดี “ติดคุกจอมปลอม” ผ่าน www.thaipost.net  มีเนื้อหาดังนี้
 
“คดีติดคุกจอมปลอม”
 
ถาม เห็นเลขา ปปช.แถลงว่า  จะมีการไต่สวน “คดีติดคุกจอมปลอม”ของคุณทักษิณ  ตามข้อเสนอของ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ( กสม. ) แล้ว  แล้วอย่างนี้จะมีคดีอะไรเกิดขึ้นได้บ้างครับ
 
ตอบ คดีนี้มีสองมูลคดีครับ  คดีแรกคือคดีที่นักโทษไปนอนโรงพยาบาลตำรวจ ๖ เดือน ตรงนี้ กสม.เห็นว่า  ถ้าป่วยถึงขั้นวิกฤต ก็ต้องนอน ไอซียู   ไม่ใช่นอนห้องพิเศษสบายๆถึง ๖ เดือน  กสม.จึงเสนอให้ ปปช.ใช้อำนาจตรวจสอบให้กระจ่างว่า  ความไม่เสมอภาคนี้  มีการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่  
 
คดีที่สองเป็นช่วงที่นอนโรงพยาบาลครบ ๖ เดือนแล้ว นักโทษคนนี้ก็ได้พักโทษทันที   ตรงนี้กฎหมายระบุไว้ว่าจะสั่งพักโทษได้ก็ต้องมีสภาวะถึงขั้นช่วยตัวเองไม่ได้จริงๆ  ไม่ใช่พอพักโทษแล้ว กลับออกมาเพ่นพ่านไปได้ทั่วประเทศ  ตีกอล์ฟ กินเลี้ยง จิบไวน์ ร้องเพลง  อย่างที่เห็นกัน
 
ถาม กสม. เขาเสนอแต่คดีที่ไปนอนโรงพยาบาล ๖ เดือนเท่านั้น ไม่ใช่หรือ
 
ตอบ คดีพักโทษโดยมิชอบนี้  ปปช.มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบด้วยตัวเองอยู่แล้ว  ถ้าตรวจสอบคดีที่ ๑พบว่าไม่ป่วยหนักจริง    ความสงสัยในคดีที่ ๒ ก็จะตามมาอยู่ดีว่า  แล้วไปพักโทษโดยอ้างว่านักโทษช่วยตัวเองไม่ได้ คือ ลุก นั่งนอน ลงบันได กินข้าว เข้าห้องน้ำ ด้วยตัวเองไม่ได้ได้อย่างไร   พอสงสัยอย่างนี้คณะหมอที่ประเมินก็งานเข้า  ต้องอธิบายให้ได้ว่าประเมินมาอย่างนี้ได้อย่างไร  นี่ก็จะเกิดเป็นคดีที่สอง
 
“ข้อมูลสุขภาพ” ของนักโทษ
 
ถาม ปัญหาว่า คุณทักษิณป่วยจริงหรือไม่นี่  จะพิสูจน์กันได้อย่างไร เรื่องมันผ่านมาเกือบปีแล้วนะครับ
 
ตอบ ตอบ ไม่ยากเลยครับ  เรียกเอกสารจากเรือนจำและโรงพยาบาลตำรวจมาให้ครบ ตรวจไม่กี่วันก็รู้เรื่องแล้ว
 
ถาม เอกสารอะไรบ้าง
 
ตอบ มาตรฐานที่ต้องปฏิบัติในวงการแพทย์มันมีบังคับเป็นเรื่องเป็นราวอยู่ว่า  ในกระบวนการทั้งหมด ต้องมีต้องเก็บรักษาเอกสารใดบ้าง  เอกสารดังต่อไปนี้นี่แหละครับ  ที่ต้องเรียกมาไขความจริงให้ได้
 
๑. บันทึกเวชระเบียนในชั้นตรวจร่างกายรับเข้าเรือนจำ  พร้อมบันทึกแพทย์ดูไบถึงแพทย์ไทย
 
๒. บันทึกเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินยามวิกาลของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เช่นถ้าเส้นเลือดหัวใจตีบตัน ก็ต้องมีผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือรายงานความดันโลหิตสูงถึงขั้นวิกฤต หรือถ้าหกล้มเอ็นหัวไหล่ขาดดิ้นเร่าๆ  เหล่านี้ต้องมีอยู่ในบันทึกของโรงพยาบาล  และมีอยู่ในใบส่งต่อ ( Refer ) คนไข้ทั้งสิ้น  หลักฐานข้อนี้ถ้าไม่มี ก็แสดงว่ามั่วกันแน่นอน
 
๓. บันทึกในฟากโรงพยาบาลตำรวจ ก็ต้องมีบันทึกผู้ป่วยนอก ระบุอาการป่วยเจ็บและข้อบ่งชี้ที่ต้องรับรักษาเป็นผู้ป่วยใน  เมื่อรับไว้แล้วก็ต้องมีบันทึกแสดงพัฒนาการของอาการป่วยเจ็บ โดยหมอเจ้าของไข้ ( Progress Note ) ถ้าต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง ก็มีบันทึกปรึกษาไข้ ( Consultation Note )อีก  บวกด้วยบันทึกการตรวจพิเศษทั้งปวง ทั้ง X-Ray, CT.Scan, MRI  แล้วแถมด้วยบันทึกการพยาบาล,บันทึกวิสัญญี,บันทึกการใช้ยา ฯ  ทั้งหมดในข้อนี้ ได้มาแล้ว ก็ขอผู้ชำนาญจากแพทยสภา มาตรวจสอบ ก็จะรู้ได้โดยพลันเลยว่า  ปรากฏมูลคดีแหกตาชาวบ้านหรือไม่   ปปช.ควรตั้งข้อกล่าวหาใครได้บ้าง มีพยานบุคคลใดต้องเรียกมาสอบ ทั้ง แพทย์,พยาบาล,เภสัช,นักกายภาพ
 
สิทธิหวงกัน “ข้อมูลสุขภาพ”
 
ถาม เห็นในรายงาน กสม.เขาบอกว่า   ฝ่ายโรงพยาบาลอ้าง พรบ.สุขภาพแห่งชาติมาปฏิเสธไม่ส่งข้อมูลสุขภาพของคุณทักษิณให้  กสม.นะครับ  ภายหน้า ปปช.ก็อาจจะถูกยันอย่างนี้อีกเหมือนกัน
 
ตอบ ผมว่าทางโรงพยาบาลตีความไม่ถูกต้อง    พรบ.ข้อมูลส่วนบุคคล มาตรา ๘๐ ก็ระบุชัดเจนเป็นหลักไว้แล้วว่า ข้อมูลส่วนบุคคลไม่เป็นความลับสำหรับกระบวนการยุติธรรม ทั้งในชั้นสืบสวน สอบสวน และชั้นศาล 
 
ถาม แต่เมื่อเรื่องมันแคบเฉพาะลงมาเป็นข้อมูลสุขภาพนั้น   มาตรา ๗ ใน พรบ.สุขภาพแห่งชาติ ก็ระบุชัดเจนนะครับว่า 
 
“มาตรา ๗ ข้อมูลด้านสุขภาพส่วนบุคคล ผู้ใดจะนำไปเปิดเผยในประการที่น่าจะทำให้บุคคลนั้นเสียหายไม่ได้  เว้นแต่การเปิดเผยนั้นเป็นไปตามความประสงค์ของบุคคลนั้นโดยตรง   หรือมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติให้ต้องเปิดเผย  แต่ไม่ว่ากรณีใดๆ ผู้ใดจะอาศัยอำนาจหรือสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลของส่วนราชการหรือกฎหมายอื่น เพื่อขอเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคลที่ไม่ใช่ของตนไม่ได้”
 
ตอบ ผมว่า ปปช.ก็ยังเรียกข้อมูลได้เหมือนเดิมนะครับ  กล่าวคือ มาตรา ๗ นี้   เขาขึ้นเป็นหลักทั่วไปหวงกันไว้แต่แรกก่อนว่า  การเปิดเผยข้อมูลสุขภาพนั้นทำไม่ได้ จากนั้นเขาก็ยกเว้นว่าเปิดเผยได้เมื่อมีอำนาจกฎหมายรองรับ   แล้วก็ถามกันต่อไปว่าทุกกฎหมายเลยหรือ    ซึ่งเขาก็บัญญัติวางข้อยกเว้นซ้อนข้อยกเว้นไว้อีกชั้นหนึ่งว่า   ถ้าเป็นการขอให้เปิดเผยตามกฎหมายข้อมูลของส่วนราชการแล้ว  ก็จะเปิดเผยไม่ได้ไม่ว่าจะอ้างเหตุจำเป็นใดก็ตาม
 
ถาม ก็ในท้ายมาตรา ๗ เขาระบุว่า เปิดเผยไม่ได้ทั้งนั้นนะครับ  ไม่ว่าสิทธิตามกฎหมายข้อมูลราชการ หรือกฎหมายอื่นก็ตาม   กฎหมาย ปปช.ก็เป็น
“กฎหมายอื่น” ด้วยไม่ใช่หรือ
 
ตอบ ไม่ใช่ครับ   คำว่า “กฎหมายอื่น” ในที่นี้ เขาหมายถึงกฎหมายในทำนองเดียวกันกับกฎหมายข้อมูลของส่วนราชการ   ซึ่งไม่ใช่กฎหมาย ปปช.แน่นอน
 
ถาม อะไรคือกฎหมายในทำนองเดียวกับกฎหมายข้อมูลส่วนราชการ
 
ตอบ คือสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนราชการนั้น   มันมีทั้งกลุ่มที่เป็นอำนาจเรียกข้อมูลของกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายเฉพาะต่างๆ    อีกกลุ่มหนึ่งเป็นสิทธิของคนธรรมดาทั่วไปที่อยากรู้โดยไม่ต้องมีส่วนได้เสียอะไร   กลุ่มนี้มีกฎหมายข้อมูลทางราชการรับรองสิทธิไว้ ให้เข้าถึงได้ เว้นแต่จะอยู่ในข้อยกเว้นที่ห้ามเข้าถึง    
 
ด้วยความเข้าใจอย่างนี้   เมื่อผู้บัญญัติกฎหมายสุขภาพแห่งชาติเขาเห็นว่า การเข้าถึงข้อมูลสุขภาพบุคคล ต้องมีอำนาจตามกฎหมายเฉพาะเพื่อกิจการใดในอำนาจรัฐเท่านั้น  เขาจึงไม่รับรองให้ใครอ้างสิทธิสาธารณะมาขอให้เปิดเผยข้อมูลสุขภาพใครได้  โดยบัญญัติว่าห้ามหมดเลยไม่ว่าจะเป็นสิทธิตามกฎหมายข้อมูลส่วนราชการหรือกฎหมายอื่น ( ถ้ามี ) ก็ตาม
 
ถาม แสดงว่า ปัญหานี้เกิดจากการบัญญัติกฎหมายไม่ชัดอย่างนั้นหรือครับ
 
ตอบ ผมว่าเขาน่าจะเขียนได้ดีกว่านี้เท่านั้น  เช่นเขียนว่า “ข้อมูลสุขภาพบุคคลจะขอให้เปิดเผยได้ก็แต่โดยอำนาจของกฎหมายเท่านั้น    แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงการขอให้เปิดเผยตามกฎหมายข้อมูลของส่วนราชการและกฎหมายอื่นในทำนองเดียวกัน ”   ถ้าเขียนชัดอย่างนี้ ก็หมดปัญหา  ภาพความเข้าใจก็จะออกมาถูกต้องดังนี้
ถาม สรุปแล้วการตรวจสอบของ ปปช.ไม่มีอุปสรรคตามกฎหมายข้อมูลมาขัดขวางเลยใช่ไหมครับ
 
ตอบ ผมขอยืนยันว่าไม่มีแน่นอน   มีแต่เรื่องความยึดมั่นในหน้าที่เท่านั้นว่า ปปช.มีปัญหาตรงนี้หรือไม่
 
ถาม แล้วอาจารย์ว่ามีปัญหาไหม
 
ตอบ เรื่องนี้เราหวังการตรวจสอบจากฝ่ายบริหารไม่ได้เลย ทั้งรัฐมนตรียุติธรรม และ นายกรัฐมนตรี ล้วนเป็นลูกน้องนักโทษทั้งสิ้น     ข้างองค์กรอย่างแพทยสภา และ กสม.ที่ออกโรงมาตรวจสอบในทุกวันนี้นั้น  อันที่จริงก็อยู่นอกพรีเมียร์ลีคส์ทั้งสิ้น  
 
ปปช.ต่างหาก คือองค์กรศูนย์หน้าที่มีหน้าที่ตรงที่สุด แต่กลับยืนนิ่งไม่ขยับมาเป็นปี ต้องให้กองหลังอย่าง กสม.ฟันฝ่าด่านหอบแฮ่กๆพาลูกมาประเคนให้ตรงหน้าโกลล์อย่างนี้  แค่นี้ก็น่าอายมากๆแล้วนะครับ
คงต้องช่วยกันจับตาให้ดีๆว่า ขนาดครองบอลอยู่หน้าโกลล์อย่างนี้แล้ว  จะมีตะคริวมากินจนล้มตัวลงนอนหรือไม่???

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เสื้อแดงไม่เข็ด 'จตุพร' ชี้เปรี้ยง 'ทักษิณ' โชว์เหลี่ยมต้มอีกแล้ว!

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า การปราศรัยของทักษิณ ชินวัตร ที่อุดร ส่อถึงอาการไม่มั่นใจในผลการพิจารณาคำร้องของศาล รธน. ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 22 พ.ย.นี้

'เทพไท' ลดชั้น 'เลขาธิการพรรคเพื่อไทย' เป็น 'ลูกจ้างบริษัท'

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กถึง นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ว่าน้องบอย สรวงศ์ ฟังทางนี้