'ชัยธวัช' สรุปคำแถลงข้อต่อสู้คดียุบพรรคก้าวไกล

2 ส.ค.2567 - เมื่อเวลา 16.00 น. ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมแถลงชี้แจงเนื้อหา และสรุปข้อต่อสู้ในเอกสารคำแถลงปิดคดียุบพรรคก้าวไกล ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 7 สิงหาคมนี้

โดยนายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคก้าวไกล ยืนยันว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการรับคำร้องคดีนี้ไว้วินิจฉัย ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญอ้างว่ามีอำนาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น เราขอยืนยันว่า กฎหมายไม่ได้เปิดช่องให้ไปเพิ่มขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ นอกเหนือจากที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ นี่จึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งย่อมไม่สามารถที่จะนำคำวินิจฉัยคดี 3/2567 หรือคดียุบพรรคอนาคตใหม่ มาเป็นบรรทัดฐาน หรือเหตุผลที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องในคดีนี้ได้

นายชัยธวัช ย้ำถึงการยื่นคำร้องคดีนี้ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่ามิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากการไม่รับฟังคู่ความคดีทุกฝ่าย ถือไม่เป็นผล ขอยืนยันว่า เมื่อพิจารณาในหลักของความเป็นที่สุดของคำพิพากษา ทั้งในแง่มูลเหตุและข้อเท็จจริง ย่อมชัดเจนว่า ไม่อาจการรับฟังข้อเท็จจริงในคดีที่ 3/2567 มาผูกพันในคดีนี้ได้

ส่วนข้ออ้างที่ กกต. กล่าวหาว่า ล้มล้างการปกครอง หรือมีการกระทำที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองนั้น ถือเป็นข้อกล่าวหาใหม่ที่ศาลไม่เคยวินิจฉัยมาก่อน การนำผลคำวินิจฉัยในคดีก่อนมาปิดปากวินิจฉัยคดีนี้ จะต้องมีมาตรฐานที่เข้มข้นกว่า หรือระดับเดียวกัน ซึ่งต้องเป็นไปตามมาตรฐานพิสูจน์จนสิ้นสงสัย

“ดังนั้น พรรคก้าวไกล ขอยืนยันว่า กกต. ไม่อาจกล่าวอ้างได้ว่า ข้อเท็จจริงตามคดี 3/2567 เป็นข้อเท็จจริงที่ฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัย ไม่มีเหตุที่จะรับฟังได้เป็นอย่างอื่น และมีผลผูกพันให้ตนเองต้องเสนอต่อศาล โดยที่ไม่จำเป็นต้องแสวงหาข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน รวมทั้งไม่จำเป็นต้องรับฟังผู้ถูกร้องอีกด้วย”

สำหรับการกระทำที่นอกเหนือจากการเสนอแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ทั้งหมด ไม่ได้เป็นการกระทำของพรรคก้าวไกล เนื่องจากไม่ได้เป็นมติของคณะกรรมการบริหารพรรค ทั้งกรณีที่มี สส.เป็นนายประกันของผู้ถูกกล่าวหาในคดี 112 หรือการแสดงออกส่วนตัวอื่นๆ ขอยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นผู้สั่งการ หรือบงการแต่อย่างใด นี่จึงเป็นเพียงการกล่าวอ้างที่ศาลไม่สามารถรับฟังได้ และ
ไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครองที่เป็นการเสนอโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ผ่านกระบวนการนิติบัญญัติ ในอดีตก็มีการเสนอแก้อยู่หลายครั้งแต่ไม่เคยนำไปสู่การล้มลางการปกครองแต่อย่างใด

นายชัยธวัช ยังยกตัวอย่าง กรณีที่ ศ.ดร.อุดม รัฐอมฤต ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาในงานวิจัยที่ได้เสนอให้สำนักเลขาธิการ เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจในการใช้ดุลพินิจพิจารณา ให้มีการเริ่มดำเนินคดีอาญาผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด มาตรา 112 แทนพระมหากษัตริย์ โดยมีหลักการเดียวกันกับร่างแก้ไข มาตรา 112 ทึ่พรรคก้าวไกลเสนอ และ “ตนไม่เชื่อว่า นายอุดม จะมีความคิดล้มล้างการปกครอง”

นายชัยวัช ชี้ว่า นี่จึงเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า เมื่อพิจารณาตามสภาววิสัยตามความเชื่อของวิญญูชนทั่วไป หรือตามความเห็นของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวกับกฎหมายพรรคการเมืองโดยตรง อย่าง กกต. นั้นการกระทำของผู้ถูกร้องในคดีนี้ หรือพรรคก้าวไกล ไม่ได้เป็นการกระทำที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองแต่อย่างใด

นอกจากนี้ หากพิจารณา คำวินิจฉัย 3/2567 โดยละเอียด เป็นเพียงการสั่งให้เลิกกระทำเท่านั้น มิได้ให้พรรคก้าวไกลยกเลิกนโยบายเสนอแก้ไขมาตรา 112 เป็นนโยบายหาเสียงแต่อย่างใด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้กระทำ เนื่องจากหากศาลเห็นเป็นเช่นนั้น ก็ควรที่จะมีการสั่งห้ามไม่ให้มีการนำเสนอนโยบายนี้ด้วยในอนาคต

นายชัยธวัช เห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรยุบพรรคก้าวไกล เพราะการยุบพรรค ควรเกิดขึ้นเมื่อไม่มีมาตรการอื่นที่จะยับยั้งการกระทำที่รุนแรงได้อย่างทันท่วงทีแล้วเท่านั้น มิเช่นนั้นจะเป็นการทำลายหลักการระบอบประชาธิปไตย ยืนยันว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลไม่ใช่การกระทำที่รุนแรงถึงขนาดที่จะต้องยุบพรรค และไม่มีความจำเป็นที่ศาลจะต้องสั่งยุบพรรคก้าวไกลอีกต่อไป ยิ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มีสถานะยิ่งกว่าวิญญูชน ซึ่งต่างเคยเห็นมาก่อนว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลไม่เป็นการกระทำที่ขัดกับมาตรา 92 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง

สุดท้าย แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งยุบพรรค ก็ไม่มีอำนาจในการกำหนดระยะเวลาการเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคแต่อย่างใด ซึ่งหากจะมีการกำจัดสิทธิ ก็ต้องเป็นกระทำตามกฏหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติเท่านั้น

โดยเมื่อพิจารณาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญประกอบกับหลักที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวางหลักเอาไว้ จึงไปจำกัดสิทธิ์และตัดสิทธิ์ไม่ได้ เพราะต้องกระทำตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น และหากศาลเห็นว่ามีอำนาจกำหนดระยะเวลาเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง แต่การกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ต้องอยู่บนหลักความพอสมควรแก่เหตุ ซึ่งไม่ควรเกิน 5 ปี ไม่ใช่ 10 ปี ตามที่ กกต. ร้องขอ และการเพิกถอนนั้น ต้องเพิกถอนเฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด

ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลมิได้รู้หรือควรรู้ได้ว่า การกระทำในคดีนี้เป็นการกระทำต้องห้ามตามมาตรา 92 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง เนื่องจากก่อนหน้านี้ กกต. เคยวินิจฉัยยกคำร้องข้อกล่าวหาในลักษณะเดียวกันนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กกต.เองในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐก็ยัง เคยให้ความเห็นว่า การกระทำนี้ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งย่อมอยู่ในวิสัยที่สามารถเชื่อได้ว่า การกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นตามคำร้องในคดีนี้ ก็ย่อมชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พิธา' หวังได้รับความเป็นธรรมจากศาลรัฐธรรมนูญ

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ ภายหลังการแถลงข่าวถึงแนวทางการต่อสู้คดีของพรรคก้าวไกล ถึงการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 7

อนาคตไกล เตือนเด็กรามฯอย่าตกเป็นเครื่องมือฝ่ายการเมือง ฉะ 'ชัยธวัช-พิธา' ขว้างงูไม่พ้นคอ

"อนาคตไกล" ชี้คำแถลงคัดค้านยุบพรรคก้าวไกล ของสภานักศึกษา ม.รามคำแหง เป็นเพียงสัญลักษณ์การเมืองนักศึกษาในรั้วราม เตือน

ลอกภาพวาดแวนโก๊ะ! 'พิธา' นักก๊อปปี้ส่งภาพประมูลจบที่ 2.6 หมื่นบาท รายได้เข้าสวัสดิการสภาฯ

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดงานตลาดนัดผาสุก ระหว่างวันที่ 30 ก.ค.- 2 ส.ค. โดยเป็นการนำสินค้าอุปโภค บริโภค สินค้า OTOP จากทั่วประเทศมาออกบูธ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น บริเวณรอบสระมรกต

'เศรษฐา' ไม่ขอคิดไกล! อย่าโยง 3 คดีใหญ่ ทำ ครม. ไขว้เขว

'เศรษฐา' ลั่นยังไม่คิดปรับ ครม. ตอนนี้ รับ 3 ปีที่เหลืออาจมีการปรับเปลี่ยน ขออย่าโยง 3 คดีใหญ่เดือน ส.ค. หวั่น รมต.ไขว้เขว ขออย่าคิดไกล ปมข่าววางคนเสียบนายกฯ

'ธนกร' ติง 'ชัยธวัช' อย่าดิสเครดิตก้าวล่วงศาล แนะทุกพรรค ถ้าไม่ทำผิด อย่ากลัวถูกยุบ

'ธนกร ' ชี้ พรรคการเมืองต้องยึดโยงประชาชนตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ติง 'ชัยธวัช' ระวังอย่าดิสเครดิตก้าวล่วงศาล เชื่อมั่น ตุลาการยึดความถูกต้องเป็นธรรม ไม่กลั่นแกล้ง แนะ ทุกพรรคเดินตามกฎหมาย ถ้าไม่ทำผิด อย่ากลัวถูกยุบ

'เศรษฐา' ยังไล่หลัง 'พิธา' ลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล ช่วยรัฐบาลดูดีขึ้น

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนกรกฎาคม 2567” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,318 คน