คิดไปทำไป! พิชัยนำทีมร่ายยาวดิจิทัลวอลเล็ตแบบไม่สะเด็ดน้ำ ก.ย.แถลงอีกรอบ

'พิชัย' นำ 2 รมช.การคลังแถลงดิจิทัลวอลเล็ต เริ่มลงทะเบียน 00.01 น. 1 ส.ค.นี้ ได้ตลอด 24 ชม. มั่นใจไม่ล่ม อุบผลต่อจีดีพี-จัดเก็บภาษีได้เพิ่มเท่าไหร่ แถลงครั้งต่อไปกลาง ก.ย.แจกแจงรายละเอียดกลุ่มไม่มีสมาร์ตโฟน ผู้ป่วยติดเตียง

24 ก.ค.2567 - นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงถึงความคืบหน้าสำคัญของโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่า หลังจากที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการพิจารณารายละเอียดโครงการฯ อย่างรอบคอบ สอดคล้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ข้อกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมนำความเห็นหน่วยงานต่าง ๆ มาประกอบการพิจารณาอย่างรอบคอบและรัดกุมนั้น โครงการฯ มีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจแล้ว โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญเพื่อส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ และช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ สามารถพึ่งพาตนเองได้ สร้างและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม

นายพิชัย กล่าวว่า ซึ่งเมื่อเริ่มดำเนินโครงการฯ แล้ว จะก่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจจำนวน 4 ลูก ได้แก่ พายุหมุนลูกที่ 1 การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็ก ถือเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจไปยังฐานราก กระจายไปพร้อมกันทุกอำเภอทั่วประเทศ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน พายุหมุนลูกที่ 2 การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดเล็กกับร้านค้าขนาดใหญ่ และพายุหมุนลูกที่ 3 การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดใหญ่กับร้านค้าขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้เกิดการต่อยอดกำลังซื้อ การบริโภค หรือสร้างโอกาสในการลงทุนเพื่อประกอบอาชีพ และพายุหมุนลูกที่ 4 พลังการใช้จ่ายของประชาชนแต่ละคนจะเกิดผลต่อการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นทวีคูณ ช่วยฟื้นฟูภาคการผลิตของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ทั้งนี้ รัฐบาลจะเปิดให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ในระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม ถึง 15 กันยายน 2567 และมีกำหนดการที่จะให้เริ่มใช้จ่ายในโครงการฯ ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567

“มีหลายคนถามว่าทำไมล่าช้า คิดไปทำไปหรือไม่ ถ้าดูโครงการเติมเงินในอดีต ท่านสามารถเติมเงินได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ฐานราก ประชาชน เราอยากจะเห็นโจทย์ที่หนึ่งคือ ต้องตั้งต้นปัญหา มีเงินในกระเป๋าเพื่อใช้จ่าย ไม่ใช่เป็นโครงการอุดหนุน เพราะโครงการนี้ถือเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น และน่าจะมีผลในการสร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง มันไม่ใช่เติมไปครั้งเดียว หวังว่าโครงการนี้จะสร้างความเชื่อมั่นในประเทศ”นายพิชัย กล่าว

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง แถลงว่า สำหรับคุณสมบัติประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ มีดังนี้ เป็นประชากรที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน สัญชาติไทย มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ปิดรับลงทะเบียน (15 กันยายน 2567) ไม่เป็นผู้มีรายได้เกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566 ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกิน 500,000 บาท โดยตรวจสอบข้อมูลเงินฝาก 6 ประเภท ได้แก่ 1.เงินฝากกระแสรายวัน 2.เงินฝากออมทรัพย์ 3.เงินฝากประจำ 4.บัตรเงินฝาก 5.ใบรับเงินฝาก และ 6.ผลิตภัณฑ์เงินฝากในชื่อเรียกอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกับข้อ 1 – 5 ทั้งนี้ เงินฝากดังกล่าวให้หมายความถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น และไม่รวมถึงเงินฝากในบัญชีร่วม และเป็นเงินฝาก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สำหรับกำหนดการเข้าร่วมโครงการฯ จะมีการเปิดลงทะเบียนประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567 จะดำเนินการผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” บนสมาร์ตโฟน โดยไม่มีการจำกัดจำนวนประชาชนที่จะเข้าร่วมใช้สิทธิ์ในโครงการฯ ดังนั้น ประชาชนทุกคนที่มาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการและมีคุณสมบัติครบถ้วน ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งรัฐบาลได้ประมาณการไว้จำนวน 45 - 50 ล้านคน ส่วนการลงทะเบียนประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ตโฟน ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการให้เข้าร่วมโครงการฯ ได้ในระยะต่อไป โดยจะให้มีการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่กำหนด ระหว่างวันที่ 16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2567 ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติ สถานะบุคคล และที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน เช่นเดียวกับกลุ่มผู้มีสมาร์ตโฟน สำหรับส่วนของการใช้จ่ายนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาให้ใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชน แต่การใช้สิทธิซื้อสินค้าจากร้านค้าจะทำได้ในวงแคบกว่าการใช้สิทธิของประชาชนกลุ่มที่มีสมาร์ตโฟน ดังนั้น การลงทะเบียนผ่านสมาร์ตโฟนจะสามารถใช้งานได้สะดวกกว่า จึงแนะนำให้พยายามลงทะเบียนผ่านทางสมาร์ตโฟนก่อนเป็นอันดับแรก

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนการลงทะเบียนร้านค้า ในเบื้องต้นกำหนดไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งจะมีการแถลงข่าวเพิ่มเติมเพื่อแจ้งเกี่ยวกับคุณสมบัติของร้านค้า ช่องทางและวิธีการสมัครเข้าร่วมโครงการฯ และเงื่อนไขอื่น ๆ ให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ เรื่องการใช้จ่ายในโครงการฯ มีรายละเอียด ดังนี้ 1.เริ่มใช้จ่ายได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2567 2.เงื่อนไขการใช้จ่าย 2.1การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้านั้น ประชาชนจะสามารถใช้จ่ายได้กับร้านค้าขนาดเล็ก รวมถึงร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก โดยไม่รวมห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่งสินค้าขนาดใหญ่ระดับประเทศและระดับท้องถิ่น และในการซื้อสินค้า หากประชาชนมีที่อยู่ตามทะเบียนบ้านในอำเภอใด ก็ต้องซื้อสินค้าจากร้านค้าในอำเภอเดียวกันเท่านั้น และต้องซื้อขายแบบพบหน้า (Face to Face) ซึ่งคำว่าซื้อขายแบบพบหน้านี้ จะมีการตรวจสอบที่อยู่ของร้านค้าตามที่ลงทะเบียนโครงการฯ ที่อยู่ของประชาชนตามทะเบียนบ้านในขณะที่ลงทะเบียนโครงการฯ และพิกัดที่อยู่ของประชาชนในขณะที่ใช้จ่ายกับร้านค้าต้องอยู่ในเขตอำเภอเดียวกัน การชำระเงินจึงจะสมบูรณ์ และ 2.2 การใช้จ่ายระหว่างร้านค้ากับร้านค้า ซึ่งร้านค้าทุกประเภทสามารถซื้อขายสินค้าระหว่างกันได้ และไม่มีการกำหนดเงื่อนไขว่าต้องเป็นการซื้อขายแบบพบหน้า (Face to Face) จึงซื้อขายสินค้าระหว่างกันได้แม้จะอยู่ต่างพื้นที่

นายจุลพันธ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับประเภทสินค้า สินค้าทุกประเภทสามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ ยกเว้นสินค้า Negative List ได้แก่ สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม ผลิตภัณฑ์กัญชาและกระท่อม บัตรกำนัล บัตรเงินสด ทองคำ เพชร พลอย อัญมณี น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือสื่อสาร อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์อาจพิจารณาแก้ไขปรับปรุงรายการสินค้า Negative List เพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ การใช้จ่ายภายใต้โครงการฯ จะไม่รวมถึงบริการต่าง ๆ

ด้าน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้ รูปแบบที่ 1 การยืนยันตัวตนและลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567 รูปแบบที่ 2 การยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ มาก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2567 แล้ว จึงค่อยมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567 ซึ่งจะทำให้คงเหลือขั้นตอนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม เป็นต้นไป ที่ง่ายและรวดเร็วกว่า ดังนั้น จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนเตรียมการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันทางรัฐ และทำการยืนยันตัวตนล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันทางรัฐ ได้โดยตรงจากแอปพลิเคชันApp Store สำหรับระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) และแอปพลิเคชัน Google Play สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) บนโทรศัพท์สมาร์ตโฟน ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ นำเสนอรายละเอียดต่าง ๆ ของโครงการฯ ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบภายในเดือนกรกฎาคม 2567

ผู้สื่อข่าวถามว่า พอปรับวงเงินเหลือ 4.5 แสนล้านบาท จะส่งผลต่อจีดีพีเท่าไหร่ รวมถึงจะทำให้รัฐบาลจะเก็บภาษีได้เท่าไหร่ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า เวลารัฐบาลประเมินจีดีพีจะประเมินจากความจริง ไม่เคยประเมินจีดีพีจากตัวเลข 50.7 ล้านคน ผลที่จะกระทบในเชิงบวกถูกประเมินจากตัวเลข 80-90% ของผู้ที่มาใช้สิทธิอยู่แล้ว และเนื่องจากโครงการนี้ไม่เหมือนกับโครงการที่ผ่านมา ไม่สามารถอ้างอิงข้อมูลจากทางวิชาการ ข้อมูลจากงานวิจัยหรืออะไรต่าง ๆ ที่มีผลต่อเศรษฐกิจเท่าไหร่อย่างแน่ชัดได้ กระบวนการนี้เป็นกระบวนการใหม่ ทั้งการป้องกันไม่ให้นำไปเพื่อออมทรัพย์ ไม่ให้ซื้อสินค้าอบายมุข มีการกำหนดเงื่อนไขให้ใช้หมู่บ้าน ชุมชน เพื่อให้เกิดการสร้างการผลิต สร้างเงื่อนไขให้ไปใช้ต่ออีกรอบก่อนที่จะมาขึ้นเงิน ฉะนั้น มันไม่สามารถนำงานวิจัยหรืออะไรต่าง ๆ มาคำนวณได้ ส่วนใหญ่ประเมินจากการซื้อขาย มองมุมกว้าง ส่วนรัฐบาลจะเก็บภาษีได้เท่าไหร่นั้น เราการันตีว่าเงินทุกบาทต้องมีภาษีเข้าสู่รัฐบาล จึงกำหนดเงื่อนไขว่าร้านค้าที่ลงทะเบียนจะต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบการเสียภาษีเท่านั้น

เมื่อถามว่า มีความมั่นใจว่าจะบริหารงบประมาณใน 2 ปีงบประมาณได้อย่างเพียงพอหรือไม่ และหากไม่เพียงพอจะมีมาตรการรองรับอย่างไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ยืนยันโดยกรอบที่มีอยู่สามารถบริหารจัดการได้

เมื่อถามว่า ประชาชนที่สงสัยว่าเคยยืนยันตัวตนในโครงการของรัฐในอดีต เช่น คนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน จะถือว่าเป็นการยืนยันตัวตนแล้วหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ทางรัฐ ได้เลย ถ้าไม่เคยดาวน์โหลดก็แสดงว่าไม่เคยเข้า

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.เคยมีข้อกังวลเรื่องการทุจริตต่าง ๆ ได้เตรียมวางระบบป้องกันไว้อย่างไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ทุกครั้ง นายกฯเน้นย้ำเรื่องการป้องกันการทุจริต และไม่เคยได้ยินเรื่องการทุจริตในโครงการ เชื่อว่าการทุจริตของภาครัฐเองไม่สามารถทำได้ เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์จะมีผู้รับคือ ประชาชน ยืนยันว่ารัฐจะระมัดระวังในเรื่องการทุจริต เพราะเบื้องต้นรัฐบาลได้ตัดสิทธิบุคคลที่ละเมิดเงื่อนไขหรือผิดกฎโครงการรัฐในอดีตไปแล้ว อีกทั้งรัฐบาลได้ตั้งอนุกรรมการเพื่อมาติดตามการใช้เงิน และมีการประชุมหลายครั้ง เพื่อใช้กลไกต่าง ๆ ป้องกันการทุจริตอย่างเข้มข้น

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กรณีที่มีการลงทะเบียนแล้ว และพบว่าไม่ได้สิทธิ ประชาชนสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ ซึ่งในวันที่แจ้งสิทธิแอปพลิเคชั่นจะแจ้งขั้นตอนว่าจะดำเนินการอย่างไร พร้อมให้คำแนะนำในการอุทธรณ์ รวมถึงระบุถึงเหตุผลในการไม่ให้สิทธิด้วย

เมื่อถามว่า ความพร้อมของแอปพลิเคชัน ทางรัฐ สามารถรองรับได้มากน้อยแค่ไหน และวันเวลาในการลงทะเบียนเริ่มเมื่อไหร่ และคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนจะใช้บัตรประชาชนไปลงทะเบียนที่ไหน เวลาไหน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ความพร้อมขณะนี้ในแอปพลิเคชัน ทางรัฐ ยังไม่ได้เปิดให้ยืนยันสิทธิสำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่สามารถเข้าสู่แอปพลิเคชั่นเพื่อทำการยืนยันตัวตนไว้ก่อนได้ ซึ่งในวันที่ 1 สิงหาคม จะขึ้นปุ่มให้ยืนยันสิทธิ ปุ่มให้ลงทะเบียนตรวจสอบสิทธิ แต่หากประชาชนเข้ามาใช้สิทธิเป็นจำนวนมากอาจจะทำให้แอปพลิเคชันเกิดการดีเลย์บ้างเป็นปกติ แต่ยืนยันว่าสามารถรองรับได้ แต่อาจจะใช้เวลามากกว่าปกติ ส่วนวันเวลาการลงทะเบียน นับตั้งแต่ 00.01 น. วันที่ 1 ส.ค. ลงทะเบียนได้ตลอด 24 ชม. ส่วนคนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน รวมถึงผู้ป่วยติดเตียง เดี๋ยวจะชี้แจงรายละเอียดอีกครั้งในการแถลงข่าวครั้งต่อไป โดยจะมีการแถลงข่าวทั้งหมด 3 ครั้ง โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 1 ส่วนสาเหตุที่ไม่ชี้แจงในครั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสน และต้องการเน้นไปที่กลุ่มบุคคลที่มีสมาร์ตโฟน ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุด โดยการแถลงครั้งถัดจะมีขึ้นช่วงเดือนกลางเดือนกันยายน

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภูมิธรรม' บอกดิจิทัลวอลเล็ตแถลง 3 รอบ เพราะข้อมูลเยอะกลัวชาวบ้านสับสน!

'ภูมิธรรม' แจง 'ดิจิทัลวอลเล็ต' แถลง 3 รอบ เพราะเนื้อหาเยอะ หวั่น ปชช.สับสน เมิน 'ศรีสุวรรณ' ร้องศาล สินค้าแพง บอกมีมาตรการอยู่แล้ว พร้อมปัดตอบประเด็นการเมือง