ชำแหละ 3 เหตุผลหลัก อดีตนายกฯ 'สมชาย' ตกเก้าอี้ สว.

28 มิ.ย. 2567 – นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า 3 เหตุผลหลัก นายกฯ สมชาย พลาด สว.

เมื่อผลของการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดใหม่เสร็จสิ้นแล้ว ผลที่ออกมาอาจจะถูกใจบางกลุ่ม และถูกใจบางพวก ก็เป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง ซึ่งจะต้องมีการชิงไหวชิงพริบ มีการวางแผน เล่นเกม ล็อบบี้ บล็อกโหวต สารพัดรูปแบบ เพื่อให้ฝ่ายตนเองประสบความสำเร็จ

นับตั้งแต่มีการมีประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือก สว. เป็นต้นมา ยังไม่เคยแสดงความเห็นเรื่อง สว. ผ่านสื่อต่างๆเลย แต่เมื่อการเลือกตั้งยุติแล้ว จึงอยากจะแสดงความเห็นในฐานะผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง ในบางประเด็นเท่านั้น

รู้สึกแปลกใจที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็น สว. ทั้งที่มีคุณสมบัติครบ เพียบพร้อมไปทุกอย่าง ถ้าหากจะได้รับการเลือกตั้งเป็น สว. เข้ามา ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด แต่การพลาดจากตำแหน่ง สว. นั้น เป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายได้มาก

สาเหตุที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พลาดจากการตำแหน่ง สว. น่าจะมาจากเหตุผลหลักๆ คือ

1.การจัดตั้งผู้สมัคร สว. ไม่ครอบคลุมทั้งประเทศ ทำเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งสามารถผ่านมาได้ในรอบระดับอำเภอ และจังหวัด แต่เมื่อเข้าสู่รอบระดับประเทศ ซึ่งต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากการเลือกไขว้ของผู้สมัครทุกกลุ่มทั่วทั้งประเทศ ก็เป็นเรื่องยาก ที่จะผ่านด่านเข้ามาได้

2.น่าจะมาจากกลุ่มต่อต้านนายสมชาย เพื่อไม่ให้ผ่านเข้ามาเป็น สว. เพราะถ้าหากว่าเป็น สว.แล้ว จะเป็นแคนดิเดตประธานวุฒิสภา แย่งกับกลุ่ม สว. สายสีน้ำเงิน ทำให้คุณสมชายถูกเตะตัดขาออกไปเสียก่อน

3.นายสมชาย มีกระแสคั่วประธานวุฒิสภามาแรงมาก สังคมเกิดความกลัวระบอบทักษิณจะครอบงำวุฒิสภา จึงถูกต่อต้านจากกลุ่มผู้สมัคร สว.สายทั่วไป ที่เขม่นความเป็นน้องเขยนายทักษิณ และไม่ได้คะแนนจากกลุ่มผู้สมัครสว. สายสีน้ำเงิน ที่แพ็กทีมกันมาเป็นอย่างดี

การที่มีสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคน ออกมาแก้เกี้ยวอธิบายต่อสังคมว่า ปรากฏการณ์ที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พลาดตำแหน่ง สว. เป็นการแสดงว่า รัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยไม่ได้เข้าไปจัดตั้งหรือแทรกแซงการเลือกตั้ง สว. ซึ่งเป็นเหตุผลในการอธิบายโดยใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส แต่ในความเป็นจริงต้องยอมรับว่า การวางแผนและการบริหารจัดการสายสีน้ำเงิน มีความเป็นมืออาชีพ มากกว่าสายสีแดง และสายสีส้มเป็นอย่างมาก

การที่คณะก้าวหน้าออกมารณรงค์เคลื่อนไหว ให้มีการสมัคร สว. จำนวนมาก แต่ไม่มีการบริหารจัดการ ทำให้ผู้สมัครแต่ละคนต่างคาดหวังว่า ตัวเองจะได้รับเลือกเป็น สว. จึงไม่มีใครยอมใคร สร้างดาวกันคนละดวง ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่เหมือนกับผู้สมัคร สว. กลุ่มสายสีน้ำเงินที่ปิดตัวเงียบ เคลื่อนไหวใต้ดิน บริหารจัดการซักซ้อมกันเป็นอย่างดี จึงประสบความสำเร็จได้รับเลือกในลำดับต้นๆ ส่วนที่พลาดเป้าไปบ้าง ก็ยังอยู่ในกลุ่มรายชื่อผู้สำรองอีกหลายคน

ถ้าเป็นสนุกเกอร์ ก็ยอมรับว่า รอบนี้สีน้ำเงิน กินแดง กินส้ม กินฟ้า กินเหลือง จนหมดกระดาน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เดือดพลั่ก! ยธ. แถลงโต้ กมธ.มั่นคงฯ ไม่มีอำนาจเรียก ทวี-อธิบดีกรมคุก ชี้แจงทักษิณชั้น 14

นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวรชัย บุตรดาบุตร เลขานุการกรมราชทัณฑ์ นายณรงค์ หนูคง ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ และ น.ส.วริศรา กุญชร ณ อยุธยา ผอ.กองกฎหมาย

เดือด! 'โตโต้' สวน ยธ. ยันมีอำนาจสอบทักษิณป่วยทิพย์ ลั่น กมธ.มั่นคงฯทำงานครอบจักรวาล

นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม.พรรคประชน (ปชน.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร

'โรม' กล่อม 'ทักษิณ' เข้าแจง กมธ.ความมั่นคง ปมชั้น 14 เชื่อเป็นผลดีต่อรัฐบาล-นายกฯอิ๊งค์

นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเชิญนายทักษิณ ชินวัตร

มองต่างมุม 'ดร.ณัฏฐ์' เชื่อศาลรธน.ตีตกคำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างฯ

สืบเนื่องจากกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร  ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น เพื่อวินิจฉัยสั่งการให้ นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เลิกการก

'ทักษิณ' หลุดปาก 'ยิ่งลักษณ์' จะกลับบ้าน แสดงถึงอาการร้อนรนในสถานการณ์ 22 พ.ย.

'จตุพร' แทงสวน อสส.ส่งความเห็นหลังปล่อยอำนาจหลุดมือ เชื่อ 22 พ.ย. ศาลรธน. มติเอกฉันท์ รับคำร้อง โต้สีอื่นไม่เคยตกใส่เสื้อแดง มีแต่สีคนตระบัดสัตย์ไม่ซื่อตรงปชช. ชี้ 'ทักษิณ' หลุดปาก 'ยิ่งลักษณ์' จะกลับบ้าน แสดงถึงอาการร้อนรนในสถานการณ์ เตือนหลายฝ่ายทนไม่ไหว คดีทุจริตไม่ติดคุกสักวัน หวั่นเหตุการณ์ซ้ำรอย

เข้าทาง! ผู้ร้องคดี 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง ฟันธงศาลรธน. รับคำร้องแน่นอน

จากกรณีที่มีข่าวว่านายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด ได้ส่งหนังสือความเห็นถึงศาลรธน.ในคำร้องคดีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ร้องว่า นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่หนึ่งและพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่สอง