'เศรษฐา' วางเป้าดึงดูดเงินลงทุนใน 'อีอีซี' 1 แสนล้านบาท

นายก “เศรษฐา” ลงพื้นที่เดินหน้า อีอีซี สร้างความเชื่อมั่น ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนสู่ประเทศไทยต่อเนื่อง

23 มิ.ย. 2567 – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อทคณะ เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ จังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง เพื่อติดตามโครงการสำคัญตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี โดยมี นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี รายงานโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ พลเรือเอก อะดุง พันธ์ุเอี่ยม
ผู้บัญชาการทหารเรือ รายงานโครงการก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 และทางขับที่เกี่ยวข้อง และนายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหาร บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด รายงานการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออก พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ สนามบินอู่ตะเภา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง

ทั้งนี้ ความก้าวหน้าการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อรองรับการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี และการก่อสร้างโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โดยปัจจุบันมีความก้าวหน้าโดยเฉพาะงานด้านระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญ ๆ เช่น ระบบไฟฟ้าและน้ำเย็น ก่อสร้างแล้ว 26.42% ระบบบริการเติมเชื้อเพลิงอากาศยาน ก่อสร้างแล้ว 48.41% และงานด้านประปาและบำบัดน้ำเสีย ก่อสร้างแล้ว 98.44% เป็นต้น ในส่วนการประสานแจ้ง

ให้เอกชนเริ่มก่อสร้างโครงการฯ (NTP) คาดว่าจะสามารถแจ้ง NTP ได้ภายในปี 2567 นี้ เพื่อเริ่มก่อสร้างงานสำคัญ ๆ เช่น อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 อาคารเทียบเครื่องบินรอง และศูนย์ธุรกิจการค้า เป็นต้น ซึ่งคาดว่าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ จะสามารถเปิดให้บริการในปี 2572

โดยการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ จะก้าวสู่ศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค เป็นสนามบินนานาชาติที่ได้มาตรฐานโลก รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบิน เชื่อมโยงการท่องเที่ยวสู่ภาคธุรกิจ เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาค เพื่อสร้างความมั่นใจ และเป็นปัจจัยสำคัญดึงดูดให้นักลงทุนเข้าสู่พื้นที่อีอีซี

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ซึ่งเป็นโครงการลงทุนเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ แต่ยังติดปัญหาความล่าช้าบ้าง เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน และดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้น ซึ่งคาดว่าภายในปลายเดือนกรกฎาคม 2567 นี้ จะได้ข้อสรุปทั้งหมดเกี่ยวกับการเดินหน้าโครงการฯ ดังกล่าว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดการลงทุนในมาตรฐานระดับโลก และแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อมให้เกิดการลงทุนต่อเนื่องโดยขณะนี้ ความคืบหน้าการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี มีภาคเอกชนได้เข้ามาหารือกับ อีอีซี และสนใจใช้สิทธิประโยชน์ตามประกาศสิทธิประโยชน์ฉบับใหม่อยู่กว่า 30 ราย วงเงินลงทุนรวมกว่า 2.1 แสนล้านบาท ใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ทีได้ส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ได้แก่ อุตสาหกรรมการแพทย์ และสุขภาพ อุตสาหกรรมบริการ อุตสาหกรรมดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และอุตสาหกรรม BCG โดย อีอีซี ได้ตั้งเป้าหมายดึงเม็ดเงินลงทุนจริง ให้ได้ปีละ 1 แสนล้านบาท ต่อเนื่อง 5 ปี ตั้งแต่ ปี 2567 – 2571

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชาวใต้เตะโด่ง ประเคนต่างชาติเช่าที่ดินยาว ฟาดคนไทยยังแทบไม่มีจะอยู่  

ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ เปิดผลสำรวจประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ จี้เศรษฐา หยุดเปิดเช่าอหังสาริมทรัพย์ 99 ปี หวั่นเปิดทางเอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติ – เจ้าของธุรกิจ

ถึงคิว'เศรษฐา' โหนลิซ่า ขอบคุณใช้ประเทศบ้านเกิดโปรโมทท่องเที่ยว

นายกฯ ขอบคุณ “ลิซ่า” ใช้ประเทศที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน ถ่าย MV ช่วยโปรโมทท่องเที่ยว สั่งเข้ม มาตรฐาน ความสะอาด-ปลอดภัย นักท่องเที่ยวมาแล้วต้องไม่ผิดหวัง

'สมชาย' หลุดขบวน สว.ไม่เกี่ยวความนิยมเพื่อไทย ชี้กติกาถูกเซตมาแล้ว

นายกฯ บอก “สมชาย” หลุดวงสว.ไม่เชื่อมโยงความนิยมเพื่อไทย ระบุ กติกาถูกเซตมาแล้ว ชี้มีผิดหวังสมหวัง ใครเห็นช่องโหว่ควรปรับปรุงต้องตั้ง สสร.แก้ในสภ

สะดุ้ง 'เศรษฐา' ไม่เดินเข้าป่า!บอกให้รอดูต่อไปเขี่ย พปชร. พ้นรัฐบาลหรือไม่

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล