กฟผ.เสริมศักยภาพท่องเที่ยวเกาะสมุย เตรียมขยายเคเบิลใต้น้ำเพิ่ม 1 เส้นรองรับฮับท่องเที่ยว

เกาะสมุยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากทั้งชาวไทยและต่างชาติ เห็นได้จากหลังวิกฤติโควิด-19 คลี่คลาย การท่องเที่ยวของเกาะสมุยกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้าเกาะสมุยกว่า 3.5 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 6 หมื่นล้านบาท ประกอบกับรัฐบาลมีแผนผลักดันให้เกาะสมุยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว หรือ Tourism Hub ฝั่งอ่าวไทย เกาะสมุยจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมด้านของสาธารณูปโภคเพื่อรองรับกับนโยบายดังกล่าว อย่างโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ จึงส่งผลให้ความต้องการด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานทั้งความต้องการใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายกัมปนาท กลิ่นเสาวคนธ์ นายอำเภอเกาะสมุย ระบุว่า จากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวและภาคการบริการต่าง ๆ เกาะสมุยจึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานให้มีความพร้อมในทุกด้านมากยิ่งขึ้น ทั้งด้านคมนาคม ระบบไฟฟ้า น้ำประปา และการจัดการขยะ เพราะที่ผ่านมาเกาะสมุยเคยต้องเผชิญกับวิกฤตไฟฟ้าดับทั้งเกาะจากสาเหตุเคเบิลใต้ทะเลชำรุด และต้องใช้เวลาซ่อมนานถึง 45 วัน เกิดความเสียหายต่อทั้งเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างมาก

อย่างไรก็ตามปัจจุบันเกาะสมุยนั้นมีความเสถียรของระบบไฟฟ้าในระดับหนึ่ง ไม่มีการขาดแคลนของพลังงานไฟฟ้า แต่การเติบโตของเมืองและความต้องการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเกาะต่าง ๆ ทำให้ความต้องการพลังงานไฟฟ้าของเกาะสมุยเพิ่มมากขึ้น หากสามารถสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า แก้ปัญหาไฟฟ้าไม่เพียงพอในระยะยาวก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน พร้อมรองรับการขยายตัวของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืน

“การก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าผ่านเคเบิลใต้ทะเลไม่ใช่เรื่องใหม่ หากมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงให้เกาะสมุยก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี อีกทั้งยังเป็นการส่งต่อความมั่นคงด้านพลังงานไปยังเกาะพะงัน เกาะเต่า ก็จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นของแหล่งท่องเที่ยวหลักของ จ.สุราษฎร์ธานี” นายกัมปนาท กล่าว

สุราษฎร์ธานีแชมป์ใช้ไฟสูงสุดภาคใต้

ในปี 2567 ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของภาคใต้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 เวลา 20.47 น. ที่ 3,143.8 เมกะวัตต์ (MW) เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 12.19% โดย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดที่มีการใช้ไฟฟ้ามากที่สุดของภาคใต้ที่ 551.4 MW หรือประมาณ 18% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด รองลงมาเป็น จ.สงขลา และ จ.ภูเก็ต ปัจจุบันกระแสไฟฟ้าหลักที่ใช้ภายในเกาะสมุยมาจากสายเคเบิลใต้ทะเลของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ขนาดแรงดัน 115 กิโลโวลต์ และ 33 กิโลโวลต์ จำนวน 4 วงจร สามารถจ่ายไฟฟ้ารวม 178.6 MW

และเมื่อพิจารณาความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของเกาะสมุยและเกาะพะงันตั้งแต่ปี 2566 พบว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิด-19 มากเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับสายเคเบิลใต้ทะเลบางส่วนมีอายุการใช้งานมายาวนานและเริ่มชำรุด จึงคาดว่าในปี 2570 ระบบส่งไฟฟ้าแรงสูงที่มีอยู่เดิมจะเริ่มไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของเกาะสมุย ดังนั้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. จึงมีแผนพัฒนาสายส่งไฟฟ้าเคเบิลใต้ทะเลเพิ่มเติมจากที่มีอยู่เดิมอีก 1 เส้น เพื่อสร้างความมั่นคงพลังงาน สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน

ขยายเคเบิลใตน้ำเพิ่ม1เส้น

เพื่อรองรับกับการเติบโตอย่างรวดเร็วและการผลักดันให้เกาะสมุยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เห็นชอบให้ กฟผ. ดำเนินโครงการพัฒนาระบบเคเบิลใต้ทะเลขนาด 230 กิโลโวลต์ จากสถานีไฟฟ้าแรงสูงขนอม จ.นครศรีธรรมราช ไปยังสถานีไฟฟ้าแรงสูงเกาะสมุยแห่งใหม่ ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร จำนวน 2 วงจร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการส่งไฟฟ้าไปยังเกาะสมุยและพื้นที่เกาะข้างเคียงอย่างเกาะเต่าและเกาะพะงันวงจรละ 200 MW ทำให้สามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าได้มากกว่าปัจจุบันถึง 4 เท่า

สำหรับการออกแบบระบบเคเบิลใต้ทะเล ต้องคำนึงถึงความมั่นคงและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ตั้งแต่การเลือกเส้นทางวางสายเคเบิลส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงไม่พาดผ่านแนวปะการังและหญ้าทะเล ไม่อยู่ในเส้นทางเดินเรือหรือบริเวณที่จอดเรือ ส่วนการติดตั้งสายเคเบิลใต้ทะเลจะใช้เทคโนโลยีแรงดันน้ำเซาะร่องพร้อมกับวางสายเคเบิลใต้น้ำฝังไว้ในพื้นทรายใต้ทะเลความลึกประมาณ 3-5 เมตร โดยขนาดร่องจะมีขนาดใหญ่กว่าสายเคเบิลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นร่องที่เซาะไว้จะคืนสภาพเดิมตามธรรมชาติภายใน 10 วินาที จึงมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยมาก ยกเว้นบริเวณน้ำตื้นที่อาจเกิดการฟุ้งกระจายของตะกอนทำให้น้ำขุ่น ซึ่งจะมีการใช้ม่านดักตะกอนมาป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่นอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังเพิ่มเทคโนโลยี Online Sensor Monitoring เพื่อตรวจจับความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับระบบเคเบิลใต้ทะเลด้วย ทั้งนี้ โครงการพัฒนาระบบเคเบิลใต้ทะเลขนาด 230 กิโลโวลต์ของ กฟผ. วงจรที่ 1 มีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2571 และวงจรที่ 2 มีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2572

การสร้างความมั่นคงทางพลังงานซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นถือเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเกาะสมุย สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ผู้ประกอบการ อำนวยความสะดวกและสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เกาะสมุยมุ่งสู่เป้าหมาย 1 ใน 10 เกาะที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลชื่นชม 'ลิซ่า' สำนึกรักบ้านเกิด โปรโมต 'เยาวราช' หนุนท่องเที่ยวไทย

รัฐบาลชื่นชม 'ลิซ่า' แบบอย่างที่ดีของเยาวชนไทย ใช้เยาวราชในผลงานล่าสุด แสดงออกสำนึกรักบ้านเกิด ชูศักยภาพ ส่งเสริม Soft Power ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมไทย

นายกโซเชียล สอน ‘นายกฯเศรษฐา’ พูดเรื่องท่องเที่ยวต้องดูทั้งดีมานด์-ซัพพลาย

‘พิธา’แนะนายกฯ ดูแลสาธารณูปโภคนักท่องเที่ยวให้พร้อม ก่อนจัดคอนเสิร์ตระดับโลกที่พัทยา หวั่นอุตสาหกรรมทำสะดุด

นายกฯ ปลื้ม 'กรุงเทพฯ-สมุย' คว้าอันดับ 1 เมืองและเกาะที่ดีที่สุด

นายกฯ ปลื้ม ไทยครองตำแหน่งความนิยมต่อเนื่อง "กรุงเทพฯ" คว้าอันดับ 1 เมืองที่ดีที่สุด "เกาะสมุย" ขึ้นแท่นเกาะดีที่สุด จากการจัดอันดับของนิตยสาร Travel Leisure Southeast Asia, Hong Kong and Macau

กฟผ. ลุยต่อโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ เขื่อนศรีนครินทร์ เปิดขายเอกสารประกวดราคา วันนี้ – 3 ก.ค. 67

นายทิเดช เอี่ยมสาย รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.