'เศรษฐา' ไม่แตะ 'ทักษิณ' จุดไฟขัดแย้งพรรคร่วม

“เศรษฐา” มอง “ทักษิณ” พูดถึงปมความขัดแย้ง เหตุเป็นห่วงบ้านเมือง ไม่ใช่ลักษณะการปลุกปั่น ชี้วิธีการพูด -ตักเตือน แต่ละคนต่างกัน เลี่ยงตอบ แม้วพูด “คนบ้านป่า” อาจทำพรรคร่วมขุ่นใจ  ลั่นทำงานไม่ย่อท้อ ยังยิ้มได้ แต่บางทีก็กัดฟันเหมือนกัน

9 มิ.ย.2567 – เมื่อเวลา 15.00 น. ที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อ.ปาน จ.ลำปาง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดถึงเรื่องความขัดแย้ง ซึ่งนักวิชาการบางคนมองว่าเป็นเรื่องของการปลุกปั่น นายกฯมองอย่างไร ว่า อย่างที่ตนเองเรียน ไม่ได้มองเป็นลักษณะของการปลุกปั่นแต่เชื่อว่าแต่ละคนมีหลักความคิดและวิธีคิดแตกต่างกันไป และเชื่อว่านายทักษิณ อดีตนายกฯ หรือหลายๆท่านที่ออกมาให้ข่าวในช่วงหลังนี้ เชื่อว่าทุกคนเป็นห่วงบ้านเมือง แต่วิธีการพูดวิธีการตักเตือนก็มีหลายๆวิธีที่แตกต่างกัน ในหน้าที่ของฝ่ายบริหารก็มีหน้าที่รับฟังและอะไรที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศ หรือสถานการณ์โดยรวมของประเทศ ก็เป็นหน้าที่ที่เราจะต้องรับไปพิจารณา รับไปปฏิบัติ

เมื่อถามอีกว่าดูเหมือนจะกระทบชิ่งไปทางพรรคร่วมรัฐบาลด้วย จะกระทบต่อเสถียรภาพ ต่อพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อ๋อ คนอยู่ด้วยกันก็มีทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง ตนเองในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็มีหน้าที่ใช้คำว่าประสานใจก็แล้วกัน หากมีเรื่องข้องใจก็มานั่งพูดคุยกัน ซึ่งตนเองก็พยายามที่จะต้องมีการพูดคุยกันกับทุกพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าเรื่องทางการเมืองจะท้าทายกับการทำงานของนายก ฯ จนทำให้การทำงานสะดุดลงไปหรือไม่ ถึงเวลานี้มั่นใจใช่หรือไม่จะไม่ทำให้สะดุดลง นายเศรษฐากล่าวว่า “สองคำถามคือท้าทายกับสะดุดหรือไม่ ท้าทายแน่นอน และที่ถามว่าเป็นห่วงไหมก็เป็นห่วง แต่สะดุดไหมผมว่าไม่สะดุด เพราะผมเชื่อว่าแรงบันดาลใจจากพี่น้องประชาชน ยังไม่มีความสุขพอ ขอใช้คำนี้ ผมว่าเป็นแรงบันดาลใจที่ผู้บริหารทุกกระทรวง ทบวง กรม ทุกคนอยากเห็นความสุขอยู่ในชีวิตของพี่น้องประชาชน ฉะนั้นท้าทายก็ท้าทาย แต่ไม่สะดุดครับ”

เมื่อถามว่า ความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ มีการมองสองมุม บางคนมองว่าช่วยดึงมวลชน แต่บางมุมมองว่ากระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยด้วย ได้มีการพูดคุยหรือพิจารณาหรือไม่ว่าจะต้องอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า โดยส่วนตัวของตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้พยายามทำตัวให้เป็นน้ำไม่เต็มแก้ว ข้อแนะนำต่างๆบางทีสื่อมวลชนก็แนะนำแรง บางคนพูดจาไพเราะแต่เราอย่าไปดู วิธีการนำเสนอมานี้มันรุนแรงเสียดทาน ก้าวร้าว เรามองถึงเจตนารมณ์ดีกว่า เชื่อว่าทุกท่านไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน ทุกคนอยากให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้ แต่ทุกคนมีวิธีการทำงานที่จะไปถึงจุดมุ่งหมายแตกต่างกันไป ตนเองก็พยายามมองให้เป็นบวกดีกว่า อย่างที่บอกว่าท้าทายไหมก็ท้าทาย

เมื่อถามว่าก่อนที่สภาจะเปิดตรงนี้จะมีการเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลมาพูดคุยกันหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า มีการคุยมาตลอดและจะคุยต่อไป และในวันจันทร์ที่ 10 มิ.ย. จะมีการประชุมคณะกรรมการที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ก็จะมีโอกาสได้เจอหลายท่านในพรรคร่วมรัฐบาล

เมื่อถามว่าบางฝ่ายในพรรคร่วมรัฐบาลแคลงใจอาจไม่อยากให้เกิดการขุ่นใจ เพราะนายทักษิณได้พูดทำนองถึงคนในบ้านป่าทำให้เกิดความวุ่นวาย นายกฯ กล่าวว่า เรื่องที่มีการพูดคุยหรือสนทนากัน โดยเฉพาะเรื่องที่พูดไปแล้วถ้ามีทางออกทุกฝ่ายมากกว่า และทางออกทุกฝ่ายคือปัญหาของพี่น้องประชาชน ตนเองขอเน้นย้ำตรงนั้นดีกว่า

เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรทำงานมาตลอดระยะเวลา 9 เดือน แต่การเมืองมากระทบทำให้เกิดความบั่นทอนหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ครับ เวลาเดินเข้าสู่ถนนการเมืองเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เราไม่อยากใช้คำว่าคาดหวัง แต่เมื่อเกิดขึ้นมาเราก็ต้องพร้อมที่จะรับมือตรงนี้

เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวในลักษณะอำนาจเชิงซ้อนระหว่างนายทักษิณกับนายกรัฐมนตรี มีผลต่อสายตานักลงทุนต่างชาติหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเองไม่พูดว่าอำนาจเชิงซ้อนมีหรือไม่มีก็แล้วกัน อันนี้ก็แล้วแต่จะไปคิดกันเอง แต่อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ที่ตนเอง และตนเองเป็นคนเซ็นทุกอย่างที่ลงนามผิดหรือถูก ตนเองเป็นคนรับทำ แต่แน่นอนตนเองบอกมาโดยตลอดเจออดีตนายกฯท่านไหนก็จะเข้าไปหา ถ้ามีอะไรที่จะแนะนำก็น้อมรับ ไม่ใช่อดีตนายกฯอย่างเดียว อดีตนักการเมือง เพื่อนนักธุรกิจ หรือประชาชนที่ตนเองได้ลงพื้นที่มาตลอด 3 วัน ตนก็มารับฟังตลอด เพราะฉะนั้นตรงนี้เชื่อว่าอย่าใช้คำว่าอำนาจซ้อนจะดีกว่า เราใช้คำว่ารัฐบาลนี้รับฟังความคิดเห็นจากทุกๆฝ่ายดีกว่า

เมื่อถามว่าต่างชาติมีการตั้งคำถามในแง่นี้หรือไม่นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็มีครับ ยอมรับว่ามี ซึ่งก็เป็นธรรมดา แต่บทพิสูจน์ในการที่ตนเองเข้ามาประมาณ 9-10 เดือนนี้ มันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าจริงๆแล้วการทำงานมีอิสรภาพส่วนหนึ่ง และการที่เรารับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนมันไม่ใช่แค่อดีตนายกฯหรือพรรคของเรา หรือพรรคร่วม หรือพรรคฝ่ายค้าน หรือสื่อมวลชน หรือพรรคพวกที่ไม่เห็นด้วยก็ตามที ตนเองเชื่อว่าเราเอาทุกประเด็นเข้ามาวิเคราะห์กัน อะไรที่เป็นประโยชน์อะไรที่เห็นว่าเป็นคำติชม หรือเป็นคำเสนอแนะที่เหมาะสม ตนเองก็พร้อมที่จะปฏิบัติ

เมื่อถามว่า การเมืองเป็นแค่วิกฤติหนึ่ง ในขณะที่นายกรัฐมนตรี เคยเจอวิกฤติมามากกว่านี้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า สมัยก่อนวิกฤติก็เป็นแค่วิกฤติของบริษัทเอกชน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในเชิงลบก็กระทบกับคนหมู่น้อยใช่หรือไม่ แต่ถ้าการเมืองในฐานะอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของประเทศเป็นหน้าที่ที่นายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบ ตอบพี่น้องประชาชน 60-70 กว่าล้านคน ถามว่ามันใหญ่กว่า และพร้อมหรือไม่ที่จะเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ เพื่อที่จะหาทางแก้ไขหาทางออกให้พี่น้องประชาชน ตนเองคิดว่าพร้อมครับ หากดูได้จากวิธีการทำงาน ของตนเองไม่ได้ย่อท้อ เจอปัญหาตนเองก็ยังทำงานต่อไป พรุ่งนี้เช้าก็ตื่น 7โมงเช้า ไปทำงานเหมือนเดิม

เมื่อถามว่า เห็นนายกฯยังยิ้มได้อยู่นายเศรษฐา ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “ครับ ยังยิ้มได้อยู่ครับ แต่บางทีก็กัดฟันเหมือนกัน”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘อยู่บำรุง’ อยู่บ้านป่า เลือกนายดูนํ้าใจ ‘เหลิม’ รอเพื่อไทยขับ ‘วัน’ เปิดตัว พปชร. 23 ก.ค.

"ทักษิณ" หอบหลานไปเลี้ยงที่เขาใหญ่ “อนุทิน” เปิดรีสอร์ตต้อนรับ ร่วมร้องเพลงสนุกสนาน "เหลิม-วัน" ซบพลังประชารัฐ ปิดดีล ของแท้ เปิดตัว 23 ก.ค. เผยสัมพันธ์

'อิ๊งค์-ทักษิณ' พาครอบครัวเที่ยวสุดสัปดาห์ที่เขาใหญ่ 'อนุทิน' เปิดรีสอร์ต ต้อนรับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมกับครอบครัว ได้ใช้ช่วงสุด

ชี้ 'ทักษิณ' พ้นโทษ 'เศรษฐา' จะมีความทุกข์อย่างมากที่สุด

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ช่วงหนึ่งถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม บอกทักษิณ ชินวัตร พ้นโทษแล้วสามารถช่วยงานรัฐบาล และเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้นั้น

คปท.ลุ้นศาลคุ้มครองชั่วคราว เล็งหาที่ชุมนุมใหม่เอาแม้วเข้าคุก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณ เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ​ บริเวณใกล้ทำเนียบรัฐบาล ถึงความเคลื่อนไหว การชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) และ กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้อง