กกต.มีมติเอกฉันท์ไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลาง เปิดช่องผู้สมัครแนะนำตัวฟรีสไตล์ เดินหน้าเลือกสว.ตามโรดแมป ได้ชุดใหม่ต้น ก.ค.นี้ เผย 7 อำเภอที่มีผู้สมัครแค่กลุ่มเดียว รวม 10 คน สอบตกตั้งแต่ยังไม่ทันเลือก
27 พ.ค.2567 - เวลา 16.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ภายหลังศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา สั่งเพิกถอนระเบียบกกต.ว่า ด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 2567 ในส่วนข้อ 3 ข้อ 7 ทั้งฉบับแรก และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 8 เฉพาะฉบับแรกที่บังคับใช้ในช่วง 27 เม.ย. 2567 -15 พ.ค. 2567 และข้อ 11 (2) และ (3) โดยให้ผลย้อนหลังนับตั้งแต่ระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทั้งสองฉบับ โดยเริ่มประชุมกันตั้งแต่เวลา 13.00 น. ก่อนที่ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงผลการประชุมในเวลา 16.30 น. รวมใช้เวลาประชุมทั้งกว่า 4 ชั่วโมง โดยที่ประชุม มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลาง
นายแสวง กว่าวว่า วันนี้กกต. พิจารณาคำพิพากษา และข้อเสนอของสำนักงาน ใน 4 ประเด็น ประเด็นแรก เนื่องด้วยขณะนี้อยู่ระหว่างหลังการประกาศพระราชกฤษฎีกา ต้องมีการเลือกสว. กระบวนการเลือกสว. ต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ หากจะอุทธรณ์ คำพิพากษากว่าคดีจะสิ้นสุดก็จะ พ้นระยะเวลาการเลือกสว. ไปแล้ว ไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาเป็นเช่นไรก็ไม่เกิดประโยชน์แก่การเลือกสว . ครั้งนี้แล้ว
ประเด็นที่ 2 สาระสำคัญของคำพิพากษา ซึ่งเป็นการขยายสิทธิให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการเลือกสว. ให้มากยิ่งขึ้น คำพิพากษาไม่กระทบต่อสาระสำคัญของการแนะนำตัว ของสว. ประการใด ประเด็นที่ 3 ความชัดเจนคือการแนะนำตัว ก็เพื่อประโยชน์ผู้สมัครในการแนะนำตัว และในส่วนของประชาชนในการเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกสว. ครั้งนี้ และประเด็นที่ 4 คือความเรียบร้อย เพื่อประโยชน์แห่งการเลือกสว. เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นไปตามกรอบที่กฎหมายกำหนด ที่ประชาชนจะได้สว.ตาม Timeline ที่ว่างไว้ คือประมาณต้นเดือนก.ค.นี้
“กกต. พิจารณาแล้วจึงไม่เห็นสมควรอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ ทั้งนี้จะไม่มีการแก้ไขระเบียบใดๆ ผู้สมัคร สามารถแนะนำตัวได้ตามระเบียบกกต.ว่า ด้วยการแนะนำตัวฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ควบคู่ไปกับคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง”นายแสวง กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม อยากให้ผู้สมัครพึงระวังการทำผิดตามมาตรา 77 ของพ.ร.ป.ว่า ด้วยการได้มาซึ่งสว. และยึดการไม่ขอ หรือแลกคะแนน ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาทั้ง 2 ฉบับ ที่ถือว่าเป็นควมผิด
เมื่อถามว่า คนรู้สึกเสียหายจากระเบียบของกกต. จึงตั้งคำถามว่า กกต.จะรับผิดชอบอย่างไร นายแสวง กล่าวว่า ก่อนจะออกระเบียบ เราก็ดูกฎหมาย รัฐธรมนูญมาตรา 34 ของรัฐธรรมนูญ และเห็นว่า การออกระเบียบจำเป็นต้องให้เกิดความเสมอภาค และความเรียบร้อย เพราะกฎหมายไม่ไดเขียนกำหนดเรื่องค่าใช้จ่ายสว. ดังนั้นยืนยันว่า กกต.ออกระเบียบออกเพื่อวามเสมอภาคและเรียบร้อย แต่เมื่อศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาออกมา กกต.จึงไม่อุทธรณ์
นายแสวง ยังกล่าวถึงยอดผู้สมัครสว.ที่พบว่า มีหลายจังหวัดเล็กที่มีผู้สมัครจำนวนมาก ในขณะที่จังหวัดใหญ่ๆ มีผู้สมัครจำนวนน้อยว่า ก่อนหน้านี้กกต.ประเมินว่าจะมีผู้สมัครเป็นแสนคน ถ้าจะมีการจัดตั้งก็ต้องมีการจัดตั้งก็คงต้องมีการจัดตั้งอีกเป็นแสนคนเพื่อให้ได้รับคะแนนโหวต แต่สรุปยอดผู้สมัครสี่หมื่นกว่าคนจึงเหมือนเป็นไปตามธรรมชาติ การฮั้วจะถือว่าไม่เข้มข้น จะมีการจ้างสมัครหรือไม่ ตอนนี้ถือว่ายังอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่ บางจังหวัดมีผู้สมัครจำนวนมาก ซึ่งตรงนี้กฎหมายรู้ จึงได้ออกแบบไม่ให้มีการเปิดเผยชื่อระหว่างการสมัคร ถือเป็นมาตรการป้องกันการฮั้วระดับหนึ่ง แต่เมื่อมีข้อสงสัยว่า ทำไมจังหวัดเล็กคนสมัครเยอะ จังหวัดใหญ่คนสมัครน้อย ตรงนี้ก็ต้องตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ จากการสรุปยอดผู้สมัครสว.พบว่า มี 2 อำเภอ ที่ไม่มีผู้สมัครทั้ง 20 กลุ่ม และมี 7 อำเภอ ที่มีผู้สมัครเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น เท่าที่รู้มีผู้สมัคร 10 คน โดยมีกลุ่มหนึ่งมีผู้สมัคร 3 คน และผู้สมัคร 1 คนใน 6 กลุ่ม อย่างไรก็ตาม ในบางอำเภอมีผู้สมัคร 2 กลุ่ม ซึ่งตามหลักสามารถเลือกไขว้ แต่ก็ต้องวันมารายงานตัว หากมี 1 กลุ่ม ไม่มารายงานตัวก็จะเหลือเพียงกลุ่มเดียว มีสภาพที่ไม่สามารถเลือกไขว้ได้ ก็ต้องตกไปเช่นกัน
ทั้งนี้กฎหมายกำหนดการเลือกสว.ให้เคลื่อนไปด้วยกันทั้ง 928 อำเภอ รวมเขต ในกรุงเทพฯ โดยในมาตรา 33 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. กำหนดว่า การเลือกกสว.ให้เป็นไปตามพ.ร.ป.ฉบับนี้ เมื่อสภาพข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้ ระดับอำเภอที่มีผู้สมัครเพียงกลุ่มเดียวต้องตกไป ทำให้ผู้สมัครระดับดังกล่าวไม่สามารถข้ามไปในระดับจังหวัดได้ เพราะไม่ได้เลือกไขว้ และไม่มีคะแนน เพราะมีเพียงแค่กลุ่มเดียวจะไปไขว้กับใคร กฎหมายกำหนดไว้ว่าการไขว้จะต้องมีคะแนน
นายแสวง ย้ำว่า การมีผู้สมัครเพียงกลุ่มเดียวในอำเภอนั้น ไม่สามารถข้ามไปในระดับจังหวัดได้ อย่างน้อยจะต้องมีผู้สมัคร 2 กลุ่ม แต่ไม่ได้กำหนดคะแนน ขอให้มีคะแนนและมีลำดับที่สามารถเลื่อนไปสู่ระดับจังหวัดได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'พงษ์ศักดิ์' แชมป์เก่า 6 สมัย ร้องประธาน กกต. สั่งระงับรับรองผลเลือกตั้งนายก อบจ.ขอนแก่น
นายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น หมายเลข 2 ได้ทำหนังสือเข้าร้องเรียน ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หลังตรวจพบว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น หมายเลข 1 ได้หาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเฟสบุ๊ค จ
‘สนธิญา’ ยื่น กกต.สอบ ‘ทักษิณ’ ถือสัญชาติไทย-มอนเตฯ หรือไม่ เสี่ยงผิดกม.เลือกตั้งท้องถิ่น
สนธิญา ยื่น กกต.สอบ ทักษิณ ถือสัญชาติไทย-มอนเตฯ หรือไม่ เสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น-พรรคการเมือง-รธน. ห้ามคนต่างชาติเอี่ยวการเลือกตั้งทุกระดับ พ่วงร้องสอบหาเสียงหยาบคาบ เป็นเท็จ อาจทำเลือกตั้ง อบจ.อดุรฯ โมฆะ
ฟิล์ม-รัฐภูมิ ยื่น กกต.ไขก๊อกพ้นสมาชิก พปชร. ‘ไพบูลย์’ ชี้เรื่องส่วนตัวไม่กระทบพรรค
เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ที่ยังไม่รู้ว่าเขาผิดหรือเขาถูก เพราะเราไม่เกี่ยวข้อง และเรื่องนี้ไม่กระทบกับภาพลักษณ์พรรค ไม่ทำให้เรามีปัญหา
ดร.ณัฏฐ์ ชี้เลือกนายกอบจ.อุดร เพื่อไทยชนะไม่ขาดจะกระทบสนามใหญ่ เตือน 'ทักษิณ' ปากพาซวย!
“ดร.ณัฏฐ์” มือกฎหมายมหาชน ชี้ 'ทักษิณ ชินวัตร' ยกทัพไปช่วยหาเสียงนายกอบจ.อุดรธานี แม้เกณฑ์คนไปฟังเยอะ คะแนนสวนทาง หากไม่ชนะขาด กระทบต่อสนามใหญ่ ยกวาทะ 'ถ้าจะเลือกทักษิณ ให้เลือกเบอร์ 2' ระวังทำคนหลงผิดโทษถึงคุก!
'แก้วสรร' แพร่บทความ 'นิติสงคราม' คืออะไร?
นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกบทความเรื่อง “นิติสงคราม” คืออะไร???
สว.ปฏิมา กังวลกระบวนการยุติธรรมไทยกำลังถูกสั่นคลอนหนัก!
นายปฏิมา จีระแพทย์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ปัจจุบันนี้ เราต่างทราบดีว่า การรักษาความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศคื