'บิ๊กโจ๊ก' ถอย! ถอนฟ้อง 'ผบช.น.' กับพวก ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ

17 พ.ค. 2567 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำสั่งในคดีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องในคดีหมายเลขดำ อท.60/2567 ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กับพวกรวม 30 คนในฐานความผิด ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ

คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าจำเลย์ที่ 1 ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและเป็นผู้ออกคำสั่งแต่งตั้งจำเลยที่ 2 - 27 เป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งที่ 58/2567ลงวันที่ 1 ก.พ.2567 โดยจำเลยที่ 2 - 28 ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้า รองหัวหน้า พนักงานสืบสวน และพนักงานสอบสวน

ซึ่งข้อเท็จจริงแห่งคดีอาญาที่ 724 คดีเว็บมินนี่มีเส้นการเงินของบัญชีทั้งสามชื่อ ได้แก่ น.ส.เบญจมิน แสงจันทร์ (เป็นพยานในคดีเว็บมินนี่) นายสมพงษ์ ชิตวิลัย (เป็นพยานในคดี) และนายพุฒิพงษ์ พูนศรี (เป็นผู้ต้องหาในคดีเว็บมินนี่ ) ต่อมา คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งสำนวนในคดีอาญาเลขที่ 724/2566 ของกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 กรณีการกล่าวหา พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 กับพวกในข้อหาเรียกรับผลประโยชน์จากเว็บไชต์การพนันออนไลน์ กระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงินต่อคณะกรรมการปปช.ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทูจริต พ.ศ.2561 มาตรา 61

โดย คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องกล่าวหาอยู่ในหน้าที่และอำนาจของ ป.ป.ช. แต่ผู้ถูกกล่าวหามิได้ดำรงตำแหน่งสูงและยังไม่เข้าข่ายความผิดร้ายแรง จึงมีมติให้ส่งเรื่องดังกล่าวคืนคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ เเล้วรายงานผลให้ ป.ป.ช.ต่อไป และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ทำการสอบสวนและได้สรุปสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริต สำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว ต่อมาในระหว่างที่มีการดำเนินคดีอาณาที่ 724/2566 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้มอบหมายให้จำเลยที่ 29 และ 30 ผู้กล่าวหา มาร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีต่อจำเลยที่ 16 ที่ สน.เตาปูน มีการกล่าวหา พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ, น.ส.เบญจมิน แสงจันทร์, นายพุฒิพงษ์ พูนศรี และ น.ส.พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน กับพวกรวม 7 คน ในความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน นั้น

จึงเป็นกรณีที่จำเลยที่ 29 และจำเลยที่ 30 ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อจำเลยที่ 16 โดยนำข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งที่อยู่ในคดีอาญาที่ 724/2566 หรือเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาจากการสืบสวนสวนสวนขยายผลในคดีอาณาที่ 724/2566 ของกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชณากรรมทางเทดโนโลยี อันเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ต่าง ๆ เกินกว่าท้องที่หนึ่งขึ้นไป และเป็นความผิดซึ่งมีหลายกรรม กระทำลงในท้องที่ต่างกัน และยังเป็นความผิดหลายเรื่องเกี่ยวพันกัน โดยปรากฎว่าความผิดหลายฐานได้กระทำลงโดยผู้กระทำผิดคนเดียวกัน หรือผู้กระทำผิดหลายคนเกี่ยวพันกัน ในการกระทำความผิดฐานหนึ่งหรือหลายฐาน จะเป็นตัวการผู้สมรู้ร่วมคิดก็ตาม มาดำเนินคดีเป็นคดีขึ้นใหม่กับโจทก์ จึงเป็นการกระทำที่มีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้ถูกกล่าวหา ถูกกล่าวหาในหลายท้องที่ และเป็นการหลีกเลี่ยงที่จะไม่ส่งสำนวนนี้ไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนู (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจริต พ.ศ.2561 มาตรา 61

ต่อมาวันที่ 27 ธ.ค. 2566 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้ส่งสำนวนในกรณีกล่าวหาโจทก์กับพวกรวม 5 คน ไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดฯ , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน

วันที่ 2 ก.พ. 2567 หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้มีหนังสือถึง ป.ป.ช. เพื่อขอทราบมติของ ป.ป.ช. เกี่ยวกับเรื่องที่มีการกล่าวหาโจทก์กับพวกรวม 5 คน โดยคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเห็นว่า คดีที่ร้องทุกข์กล่าวโทษโจทก์กับพวกรวม 5 คน เกี่ยวข้องเป็นเรื่องเดียวกันกับสำนวนการสอบสวนคดีเดิม (พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัยกับพวก) โดยมีผู้ต้องหาเพิ่มเติมบางคนเป็นถึงข้าราชการตำรวจชั้นใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือได้ว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นผู้ต้องหาบางคน ร่วมถึงช่วยเหลือ สนับสนุน เจ้าของเว็บไซต์การพนัน ให้สามารถเปิดเว็บไซต์ จึงเป็นการร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันฯ, เป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดฯ, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามข้อกล่าวหา ดังนั้นสำนวนการสอบสวนที่ ปปช. ส่งคืนให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน จึงเป็นเรื่องเดียวกันกับสำนวนการสอบสวนที่กล่าวหาโจทก์กับพวกรวม 5 คน ว่าการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการเพิ่มเติม เพราะเป็นการดำเนินการกับตัวการ ใช้ ผู้สนับสนน และเป็นคดีที่มีการกระทำความผิดเกี่ยวข้องกันและความผิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ต้องดำเนินการในคราวเดียวกัน โดยขอรับสำนวนการสอบสวนคืนจากคณะกรรมการ ปปช.เพื่อมาทำการสืบสวนสอบสวน

วันที่ 4 มี.ค. 2567 ป.ป.ช. ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 26/2567 ได้พิจารณาแล้วเห็นว่ารัฐธรรมนูญฯ มาตรา 234 (2) ได้กำหนดให้ ป.ป.ช. มีหน้าที่และอำนาจไต่สวนและวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ป.ป.ช. จึงมีมติเสียงข้างมากรับเรื่องกล่าวหาโจทก์กับพวกรวม 5 นาย กรณีเรียกรับผลประโยชน์จากเว็บไชต์การพนันออนไน์ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งสูงกว่าอำนวยการระดับสูงและเทียบเท่า และพฤติการณ์มีการได้รับผลประโยชน์เป็นเงินจำนวนมาก อีกทั้งเป็นคดี ที่สำคัญอยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปอันเข้าลักษณะเป็นความผิดร้ายแรงหรือเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบอย่างกว้างขวางประกอบกับสำนวนการสอบสวนคดี พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัยกับพวก เป็นคดีที่มีการกระทำความผิดเกี่ยวข้องเป็นเรื่องเดียวกัน จึงให้เรียกสำนวนการสอบสวนเรื่องกล่าวหา พ.ต.อ.ภาคภูมิ กับพวก และเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดคืนมาเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป

การกระทำของจำเลยที่ 1 ในการออกคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนรับผิดชอบคดีอาญาที่ 391/2566 ของ สน.เตาปูน โดยมีจำเลยที่ 2 - 28 เป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากคดีนี้เกี่ยวข้องเป็นส่วนหนึ่งของคดีอาญาที่ 724/2566 และเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาจากการสืบสวนสวนสวนขยายผลในคดีอาณาที่ 724/2566 ของกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโนโลยี 1 จึงเป็นคดีความผิดเกี่ยวเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ต่างๆ ที่พนักงานสอบสวนแสวงหาข้อเท็จจริง รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นแล้วส่งให้คณะปปช. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับการร้องทุกข์กล่าวโทษคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจึงไม่มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวน รวมตลอดถึงการขอศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับ พ.ต.ท.คริษฐ์ กับพวก 7 คน ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องเดียวกันกับธุรกรรมการโอนเงินในคดีอาญาที่ 724/2566

โดยในคำร้องขอออกหมายจับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ของจำเลยที่ 17 ผู้ร้อง ได้กล่าวถึงบัญชีธนาคารของนางสาวพิมพ์วิไล ปล้องอ่อน ผู้ต้องหาในคดีที่ 391/2566ไว้ในคำร้องแล้ว แสดงให้เห็นว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบัญชีธนาคารของนางสาวพิมพ์วิไล ที่จำเลยที่ 29 และจำเลยที่ 30 นำมาแจ้งข้อกล่าวหาและรับเป็นคดีใหม่ที่ สน.เตาปูนนั้น เป็นข้อเท็จจริงเดิมในคดีอาณาที่ 724/2566 ซึ่ง ป.ป.ช. ได้มีมติเรียกสำนวนไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้ว จึงเป็นกรณีแสดงให้เห็นแล้วว่า จำเลยทั้งสามสิบคน ร่วมกันวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้ถูกกล่าวหาในหลายท้องที่ และเป็นการหลีกเลี่ยงที่จะไม่ส่งสำนวนนี้ไปยัง ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน และส่งผลให้ พ.ต.ท.คริษฐ์ ถูกออกหมายจับถูกจับกุม และถูกแจ้งข้อกล่าวหา จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง สิทธิ และเสรีภาพ

ต่อมาโจทก์ทราบว่าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 593/2566 ซึ่งรับผิดชอบสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 724/2566 โดยมีพล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวถแห่งชาติ เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน มีการนำข้อเท็จจริงจากการทำธุรกรรมการเงินและพยานหลักฐานเดิมที่มีการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.คริษฐ์ในคดีอาญาที่ 724/2566 ไปร้องทุกข์กสาวโทษเป็นคดีใหม่ที่สน.เตาปูน เป็นคดีอาญา391/2566 ว่ากระทำความผิดฐาน "ฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน"

โดยจำเลยที่ 1 ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีหน้าที่รับผิดชอบสำนวนการสอบสวนคดีอาญาจึงย่อมต้องทราบข้อเท็จจริงมาตลอดว่าธุรกรรมการเงินและพยานหลักฐานที่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ในคดีอาญาที่ 391/2566 เป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องเดียวกันกับธุรกรรมการโอนเงินในคดีอาญาที่ 729/2566 การที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนซึ่งรับผิดชอบสำนวานการสอบสวนคดีอาณาที่ 729/2566 แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับพ.ต.ท.คริษฐ์ กับพวก ที่เตาปูนในคดีอาญาที่ 391/2566 จึงเป็นการกระทำที่ไม่มีอำนาจและไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ ป.ป.ช. ได้มีมติที่จะรับคดีดังกล่าวไว้พิจารณา

อีกทั้ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 กำหนดว่าคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน คดีความผิดที่มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 60 และมาตรา 61 แห่งพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ ที่เป็นคดีอาญาอื่นที่มีมูลน่าเชื่อว่ามีทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดที่มีมูลค่าตั้งแต่สามร้อยล้านบาทขึ้นไป การที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนแจ้งความร้องทุกข์กล่าวหาพันตำรวจโทคริษฐ์ ปริยะเกต. กับพวก ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินฯเเละปรากฎยอดเงินจำนวนสี่ร้อยล้านบาท ซึ่งอยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกรมสอบสวนคดีพิเศษ

ดังนั้น คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ 58/2567 จึงไม่มีอำนาจสืบสวนสอบสวน การสืบสวนสอบสวนที่ผ่านมาจึงเป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย

ต่อมาวันที่ 12 มี.ค. 2567 จำเลยที่ 2, 4- 28 ได้มอบหมายให้จำเลยที่ 3 ดำเนินการยื่นคำร้องขอให้ศาลอาญาออกหมายจับโจทก์กับพวก โดยกล่าวหาว่าสมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดรานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน

โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีอำนาจหน้าที่สืบสวนสอบสวนในความผิดดังกล่าว ด้วยข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวเนื่องเป็นเรื่องเดียวกันกับสำนวนการสอบสวนเดิมคือสำนวน 724/2566.ซึ่งเคยกล่าวหาโจทก์ไว้ว่าเป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัที่เป็นผู้ต้องหาบางคน ร่วมมือ ช่วยเหลือ สนับสนุนเจ้าของเว็บไซต์การพนันอันมีลักษณะนการร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันอันเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยคณะพนักงานสอบสวนในคำสั่งที่ 593/2566 ซึ่งรับผิดชอบสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่729/2566 ได้เป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อโจทก์เพียงข้อหาสมคบกัน โดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน

โดยไม่มีข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด,เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่อย่างใด เพราะข้อหาดังกล่าวหากมีการกล่าวหาสำนวนการสอบสวนก็จะอยู่ในอำนาจของปปช.เห็นได้ว่าจำเลยทั้งสามสิบคน พยายามเบี่ยงเบนสำนวนการสอบสวน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังปปช.และเพื่อเป็นการใช้อำนาจในการสอบสวนดำเนินคดีกับโจทก์อย่างไม่เป็นธรรมและไม่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

การกระทำของจำเลยทั้งสามสิบคน จึงเป็นการร่วมกันกระทำความผิดรานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 83 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจริต พ.ศ.2561 มาตรา 4 มาตรา 171 และมาตรา 172 เหตุเกิดที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล, สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน และศาลอาญา

โดยภายหลังยื่นฟ้อง ศาลมีกำหนดนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในชั้นตรวจคำฟ้อง ในวันที่ 27 พ.ค.2567

เเต่เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องโดยให้เหตุทำนองว่า เนื่องจากโจทก์ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจริตแห่งชาติ ขอให้ดำเนินการไต่สวนกับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนไว้เเล้ว จึงขอถอนฟ้อง โดยศาลพิจารณาคำร้องเเล้วอนุญาตให้ถอนฟ้องได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ชุดตำรวจที่ไปพัวพันคดีเว็บการพนันเเละถูกจับกุมซึ่งเป็นลูกน้องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นฟ้องชุดพนักงานสอบสวนเเละชุดจับกุมหลายคดีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในศาลอาญาคดีทุจริตฯซึ่งศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องมาโดยตลอด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มาแล้ว! ศาลปกครอง ร่อนเอกสารชี้แจงปม 'บิ๊กโจ๊ก' ยังไม่มีคำพิพากษาใดๆ

ศาลปกครอง เผยแพร่เอกสารชี้แจง กรณีที่มีสื่อมวลชนนำเสนอผลการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ยื่นฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน นั้น

เปิดหนังสือ ‘หมอวรงค์’ ร้อง กกต. สอบ 4 ประเด็นใหญ่ ฟัน ‘ทักษิณ’ ปราศรัยอุดรฯเข้าข่ายผิดกม.

ในการปราศรัยที่อุดรที่ผ่านมา จริงอยู่คุณมีสิทธิ์เสรีภาพที่จะพูด อยากจะปราศรัย เป็นเรื่องของคุณ แต่คุณต้องรับรู้นะครับว่า บ้านเมืองมีขื่อมีแป ถ้าคุณทำให้สงสัยได้ว่า มีความเสี่ยงที่ทำผิดกฏหมาย

'แก้วสรร' แพร่บทความ 'นิติสงคราม' คืออะไร?

นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกบทความเรื่อง “นิติสงคราม” คืออะไร???

ลุ้นองค์คณะฯอ่านคำพิพากษา ดับฝัน 'โจ๊ก-แมว9ชีวิต' กลับตร.

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา "บิ๊กโจ๊ก" - พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อตรวจสอบความชอบธรรมของคำสั่งให้ออกจากราชการ ซึ่งคดีนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจทางปกครองในระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ