'จตุพร' เผย 3 เรื่อง รัฐบาลจะพาประเทศพังพินาศ

14 พ.ค.2567- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์โดยระบุว่า ประเทศตกอยู่ใต้อำนาจคนผิดปกติ คลั่งแค้น และต้องการแก้แค้นแล้วกอบโกยผลประโยชน์ทับซ้อน ยิ่งจะทำให้ชาติพินาศย่อยยับในอนาคต

อีกทั้งสะท้อนถึงการบ้าอำนาจในเหตุการณ์ไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เกิดจากการตัดสินใจผิดพลาดตั้งแต่ปี 2547 แล้วบานปลายรุนแรงยิ่งขึ้นมาถึง 20 ปียังไร้วีแววแก้ไขปัญหาได้ แต่ยังนัดหารือเสนอตัวแก้ปัญหาสงครามจากความขัดแย้งในพม่า กระทั่งวงแตก เพราะทุกฝ่ายไม่ยอมรับสถานะตัวกลาง

“เมื่อตัวเองไม่มีหน้าที่ ไม่เข้าใจปัญหา คิดแค่ว่ายังมีอำนาจอยู่ อาจเป็นเพียงอำนาจแฝงไม่ใช่อำนาจตรง แต่วันที่มีอำนาจตรงยังแก้ปัญหาไม่ได้ แล้วยังสร้างปัญหาและทำความล้มเหลวพังพินาศมาตลอด”

นายจตุพร กล่าวถึงรัฐบาลคิดจะตั้งกระทรวงซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) เพิ่มขึ้นใหม่ว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่กระทรวง แต่อยู่ที่ความไร้ศักยภาพ ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ ซึ่งความจริงต้องสร้างความสำเร็จจนเกิดความเชื่อมั่นให้ได้ก่อนการคิดตั้งกระทรวง เพื่อไม่ให้สร้างปัญหาซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก

อย่างไรก็ตาม ความคิดจะตั้งกระทรวงซอฟต์พาวเวอร์นั้น เป็นความไม่เข้าใจ แล้วทุ่มเทจะทำงานจึงกลายเป็นใหญ่ และทำไม่สำเร็จ ซึ่งที่ผ่านมาการตั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แบ่งงานกรมป่าไม้ออกจากกระทรวงเกษตร แล้วยังมีปัญหาทับซ้อนมาถึงขณะนี้ เพราะหลักคิดผิด

“เมื่อซอฟต์พาวเวอร์มา ไม่ได้อะไรสักอย่าง เพราะไม่เข้าใจตั้งแต่เริ่มต้น แค่คิดต้องการจะปั้นคน แต่ไม่ได้ปั้นเนื้อหางาน กลายเป็นคนนำเนื้อหาจึงไปไม่ได้”

นายจตุพร กล่าวว่า ประเทศมีแต่พวกบ้าอำนาจเข้ามามีอำนาจ เมื่อเข้ามาก็แสดงอำนาจใหญ่โต เมื่อเกิดปัญหาก็จากไป มีโอกาสกลับมาใหม่ก็แสดงความบ้าอำนาจอีก ประเทศไม่ได้อะไรขึ้นมาและอยู่ในสภาพนี้มาตลอด

สิ่งสำคัญรัฐบาลได้แสดงอำนาจที่จะไปจัดการงานใน 3 เรื่องอย่างมีนัยยะซ่อนผลประโยชน์ทับซ้อน คือ แลนด์บริดจ์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ คาสิโน และดิจิทัลวอลเล็ต โดยโครงการเหล่านี้เป็นอภิมหาผลประโยชน์ส่วนตัว แต่อ้างผลประโยชน์ชาติ อีกอย่างหากเกิดปัญหาขึ้นมายังไม่มีมาตรการจัดการ จึงส่อให้เกิดความเสียหายขึ้นในอนาคต
“3 เรื่องนี้ รัฐบาลจะพาประเทศพังพินาศ ภายใต้สถานการณ์ความมั่นคงเปราะบาง จึงหาสาระการทำงานไม่ได้เลยกับการฝ่าฟันให้ประเทศรอดพ้นวิกฤตไปได้อย่างไร โดยประชาชนจำนวนมากไม่สบายใจ และกัดกร่อนความรู้สึกให้จัดการตัวปัญหาเพื่อไม่ให้เป็นภาระใหม่ โดยมีการคิดดังๆว่า จะสั่งฟ้อง (คดี ม.112) ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ไม่ให้ประกันแล้วขัง แล้วทยอยจัดการใหม่”

นายจตุพร กล่าวว่า มีอีกแนวทาง คือ อาจปล่อยตัว ไม่สั่งฟ้องเพื่อให้เกิดอารมณ์ร่วมในสังคม แล้วลงมือกวาดทั้งกระดาน หรือเป็นไปได้ที่จะสมรู้ร่วมคิดกันทำความเสียหายให้ประเทศต่อไป แล้วจะปล่อยให้ประเทศอยู่กับการกอบโกยผลประโยชน์ทับซ้อนส่วนตัวกันอีกเหรอ

“ผู้ที่มีส่วนต้องรับผิดชอบ (ดีล) กับอำนาจ ถ้าไม่ยึดเอาผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้งแล้ว เราจะไม่เหลือความเป็นชาติ ทุกกระบวนการต่างๆ จะถูกทำลายอย่างย่อยยับ เพราะเรากำลังจะเจอวิกฤตจากคนบ้าจริง คนผิดปกติ หรือบ้าอำนาจ ที่ต้องการแก้แค้นทุกอย่างที่คิดว่าที่ผ่านมาสร้างปัญหาให้กับเขา”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นิพนธ์' ซัดรัฐบาลแจกเงินหมื่น เฟส 2 หวังผลการเมือง ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ

นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย-อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตนายก อบจ. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีการแจกเงินสด 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนในระบบและยืนยันตัวตนแล้ว รวมกว่า 4 ล้านคน

ป้า 67 ป่วยหลายโรค หาบเร่ขายของเลี้ยงชีพ หวังได้เงินหมื่น เฟส 2 หวั่นตกหล่น บัตรคนจนก็ไม่มี

บุรีรัมย์ ป้า 67 ป่วยความดัน มีก้อนเนื้อที่คอ แต่ต้องหาบเร่ขายของเลี้ยงชีพและลูกพิการ หวังได้เงินหมื่น เฟสสอง มาแบ่งเบา

เตือน ถ้าชื่อ 'ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ' ผ่าน ครม.จะมีการฟ้องกันระนาวแน่

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ ว่า กรณีแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาตินั้น

รัฐบาลเคาะแจกเงินหมื่น เฟส 2 ให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไป ก่อนวันตรุษจีนปี 68

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 1/2567 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง