ศาลปกครองสั่งปรับ ป.ป.ช หมื่นบาท ปมไม่ยอมเปิดสำนวนสอบคดีนาฬิกา"บิ๊กป้อม"ให้ครบถ้วน ระบุหากยื้อมีสิทธิ์เจอยึดทรัพย์สิน ด้าน 'วีระ' เตรียมฟ้องศาลอาญาทุจริตเอาป.ป.ช.เข้าคุก
09 พ.ค.2567 - นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) โพสต์ข้อความพร้อมคำสั่งศาลปกครองกลางฉบับลงวันที่ 2 พ.ค.2567 ที่มีคำสั่งปรับเงินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) และคณะกรรมการ ป.ป.ช.รายละ 5,000 บาท โดยให้ชำระค่าปรับต่อศาลภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งศาล และระบุด้วยว่าหากไม่ชำระค่าภายในกำหนด ศาลอาจมีคำสั่งให้มีการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าหน้าของรัฐต่อไป และให้ทั้งสองปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ. 224/2566 ที่ให้เปิดเผย รายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลัก ฐานเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนคดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรทราบจากการไม่แสดง ว่ามีนาฬิกาข้อมือและแหวนประดับหลายรายการ ต่อ ป.ป.ช. รวมถึงเปิดเผยความคิดเห็นของพนักงาน เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทุกคนที่รับผิดชอบในการ ไต่สวนดังกล่าว และรายงานการประชุมคณะ กรรมการ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิด เผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหาร ราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ให้ถูกต้องครบถ้วนแก่นายวีระ สมความคิด ภายใน 15วัน นับแต่วันที่ทราบคำสั่งนี้
โดยศาลระบุเหตุผลถึงการมีคำสั่งดังกล่าวว่าผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ไม่ได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองให้ถูกต้องครบถ้วนและล่าช้าเกินสมควร โดยไม่มีเหตุอันสมควรศาลปกครองจึงมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองชำระค่าปรับต่อศาล ตามมาตรา 75/4 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 ประกอบข้อ 4 วรรคหนึ่ง แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการปรับหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่มิได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองให้ถูกต้องครบถ้วนหรือปฏิบัติล่าช้าเกินสมควร
นายวีระ ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวส่งมาถึงในช่วงเย็นวันพุธที่ 8 พ.ค.67 วันที่รอคอยมาถึงแล้ว และหลังจากนี้ จะทำการยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริต เพื่อนำผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองไปรับโทษในคุก เพราะคำสั่งศาลปกครองกลางดังกล่าวคือหลักฐานที่ยืนยันว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองได้กระทำความผิดจริง ตามที่ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองรีบบังคับคดีกับผู้ถูกฟ้องทั้งสอง กรณีผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองมีเจตนาท้าทายอำนาจศาลปกครอง ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ทั้งๆ ที่คดีถึงที่สุดแล้ว ไม่ยอมให้เอกสารที่เกี่ยวกับการตรวจสอบกรณีนาฬิกา 22 เรือน ของ พล.อ.ประวิตรทั้ง 3 รายการแก่ตนเอง ต่อมาศาลปกครองกลางต้องเรียกคู่ความทั้งสองมาทำการไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 16 ก.พ.67 ในที่สุดศาลปกครองกลางก็มีคำสั่งลงวันที่ 2 พ.ค.67 โดยสรุปว่า ที่ผ่านมาผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองไม่ได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองให้ถูกต้องครบถ้วน และล่าช้าเกินสมควร โดยไม่มีเหตุอันสมควร ศาลปกครองกลางจึงมีคำสั่งลงโทษให้ปรับผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง และบังคับให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา ภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับทราบคำสั่งนี้ ใกล้คุกเข้าไปทุกทีแล้วนะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
12ปีฟัน3สส.เสียบบัตรแทนกัน
เปิดปีใหม่มาวันแรก ป.ป.ช.ดุรับขวัญปีมะเส็ง ฟันดะ 3 อดีต สส.เสียบบัตรแทนกัน
ป.ป.ช. ฟันอาญา-จริยธรรมร้ายแรง 'ณัฏฐ์ชนน' รับเงินค่ารักษาพยาบาล แลกแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญ
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
โธ่ถัง! ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด 3 อดีต สส. เสียบบัตรแทนกัน เหตุเกิดตั้งแต่ปี 56
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดคดี
ป.ป.ช. แจงไม่มีการวิ่งเต้นคดีชั้น14
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวว่า มีอีโม่ง คนใน ป.ป.ช. วิ่งเต้นเพื่อให้เจ้าของสำนวนเดิมถอนตัว เพื่อล้มคดีชั้น 14
ป.ป.ช.แจงปมอดีตเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เรียกรับเงิน
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อมวลชนมีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับอดีตเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งพนักงานไต่สวน ระดับสูง
'บิ๊กต่อ' รวย 209 ล้าน เลิกซุกบ้านอังกฤษ โชว์ 2 หลัง 103 ล. ไม่เจอเงินกู้
ป.ป.ช. เปิดเซฟ 'บิ๊กต่อ' พ้น ผบ.ตร. ทรัพย์สิน 209 ล้านบาท มีบ้านพร้อมที่ดินที่อังกฤษ 2 หลัง มูลค่า 103 ล้าน ไม่พบเงินกู้ยืม 20 ล.