“เศรษฐา” ลั่นไม่เคยมีแนวคิดแก้กม.ลดอำนาจผู้ว่าฯธปท. ชี้อนาคตไม่รู้ แต่เป็นหน้าที่กระทรวงคลัง ย้ำ ไม่เคยกดดันให้ลาออก หรือพูดว่าจะปลด เมินโซเชียลติดแฮชแท็กเซฟผู้ว่าฯ ลั่นอย่าเอาแค่ความเห็นต่างยกระดับเป็นความขัดแย้ง ชี้เป็นผู้ใหญ่กันแล้วต่างทำงานเพื่อประชาชน
6 พ.ค.2567 - เมื่อเวลา 13.10 น. ที่โรงพยาบาลโพนทอง ตำบลสระนกแก้ว อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความเห็นที่ขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มองว่าเป็นอุปสรรคต่อการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ตนไม่เคยบอกว่าเป็นอุปสรรคของเงินดิจิทัล หากมีข้อสงสัยตนก็มีหน้าที่ในการอธิบาย ตรงนี้ไม่ใช่ปัญหา ส่วนที่มีความเห็นต่างกันตนก็ได้ชี้แจงไปชัดเจนแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลมีแนวคิดจะแก้พระราชบัญญัติเกี่ยวกับอำนาจของผู้ว่าฯธปท. นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ได้มีแนวคิด ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ที่ต้องไปดูแล ตนไม่เคยพูดเลย อย่างไรก็ตาม ตนว่าประเด็นตรงนี้ไม่ว่าจะเป็น ผู้ว่าฯธปท. รัฐบาล หรือสภาผู้แทนราษฎร เรามาอยู่ด้วยกันเพราะว่าเราต้องดูแลพี่น้องประชาชนเรื่องนี้สำคัญสุด ส่วนเรื่องการแก้ไขกฎหมาย ต้องมีการส่งเรื่องมาจากกระทรวงการคลัง ซึ่งตนยังไม่เห็นมีการส่งขึ้นมา
ถามว่า รัฐบาลประกาศเดินหน้าดิจิทัลแต่มีข้อทักท้วงจะเป็นอุปสรรคต่อการจ่ายเงินอีกหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีครับ มั่นใจครับ เรียบร้อยแล้วครับ หากมีคำถามมาก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องตอบ ซึ่งโครงการก็เริ่มเดินและเป็นไปตามโครงการทุกอย่าง
ถามอีกว่า รัฐบาลจะยื่นให้กฤษฎีกาตีความการใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เมื่อไหร่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เดี๋ยวให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นผู้ชี้แจง เมื่อถามย้ำว่า มีแนวคิดที่จะแก้ไขกฎหมายลดอำนาจความเป็นอิสระของ ธปท.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ผมไม่เคยพูด แต่อนาคตผมไม่ทราบ ต้องถาม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง”
เมื่อถามต่อว่า จากกระแสข่าวและภาพที่ออกมาตอนนี้ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเรื่องเงินดิจิทัล แม้รัฐบาลยืนยันว่าได้แน่ในไตรมาส 4 โดยส่วนตัวจะมีโอกาสพูดคุยกับผู้ว่าฯ ธปท. แบบส่วนตัวเหมือนช่วงแรกๆหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนพูดไปชัดเจนแล้ว แต่เรื่องของเงินดิจิทัลที่บอกว่ามีปัญหาตนเพิ่งได้ยิน แต่ก็ไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไร มีการแถลงข่าวไปเรียบร้อย แต่พวกท่านเองก็พยายามบอกว่ามีปัญหา มันไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ตอนนี้โครงการก็เดินไปแล้ว และได้มีการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมา ตอนนี้ทุกฝ่ายต่างคนต่างมีหน้าที่ต้องไปทำงานกัน ตรงไหนที่ต้องมีการตรวจเช็คที่กฤษฎีกา ก็มีการทำงานกันไป
ซักว่า แม้นายกฯจะบอกว่าไม่เคยมีความขัดแย้ง แต่ภาพที่ออกมาสื่อถึงความขัดแย้งระหว่างกัน นายกฯ กล่าวว่า ตนว่าอย่าดูที่ภาพดีกว่า ดูที่เนื้องานดีกว่า อย่างที่บอกเรื่องดอกเบี้ยตนชัดเจนไม่เคยปฏิเสธ ตนคิดว่าดอกเบี้ยสูงควรจะลด แต่ทางผู้ว่าฯธปท.บอกดอกเบี้ยไม่สูง ไม่ควรจะลด ใช่หรือไม่ ก็ชัดเจน ตนก็ต้องไปหาวิธีการอื่นที่จะบรรเทาทุกข์ของพี่น้องประชาชน โดยเชิญ 4 ธนาคารมาพูดคุย ซึ่งตนไม่เคยไปมีประเด็นอะไรกับท่านเลย ตนก็ได้เชิญธนาคารในกำกับอยู่แล้ว ก็ลดไปประมาณ 0.25% ซึ่งตนได้ขอบคุณไปและก็เดินหน้าบรรเทาทุกข์ของพี่น้องประชาชนต่อไป ตนไม่ได้มีการไปต่อว่าอะไรทางผู้ว่าฯธปท.
ถามว่า การที่มีข่าวว่าจะมีการเสนอแก้กฎหมายยิ่งเป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลต้องการลดอำนาจผู้ว่าฯธปท. นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องไปถามต้นตอของข่าว วันนี้ตนไม่ได้พูด
เมื่อถามย้ำว่าภาพที่ออกมาเหมือนเป็นการกดดันให้ผู้ว่าฯธปท.ลาออก นายกฯ กล่าวว่า “ผมไม่เคยพูดให้ผู้ว่าฯลาออก รวมถึงเรื่องการปลดผู้ว่าฯ ด้วยความเคารพ ถ้าท่านผู้ว่าฯฟังอยู่ ผมไม่เคยกดดันนะครับ และไม่เคยพูดด้วยนะครับ ผมกดดันผมอาจจะมีการพูดคุยถึงเรื่องเนื้องานเป็นหลัก ผมเป็นผู้นำรัฐบาล พูดมาแค่นี้โดยตลอด ก็แค่นี้นะครับ“
เมื่อถามอีกว่า ต่างคนต่างก็ให้สัมภาษณ์ โดยทางผู้ว่าฯธปท.บอกว่านักการเมืองมาแล้วก็ไป ขณะที่ทาง ธปท. ต้องรักษาสภาพการเงินการคลังของประเทศ นายกฯ กล่าวว่า ตนคงไม่ไปคอมเม้นต์เกี่ยวกับว่าใครพูดอะไร แต่ตนคิดว่าตรงนี้ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ ธปท. รัฐบาล สภา เรามาทำงาน เพื่อใคร เพื่อประชาชน จิตใจตนยึดโยงกับประชาชนอย่างเดียว และกฎหมาย
ถามต่อว่า จะทำอย่างไรให้อุณหภูมิความขัดแย้งลดลง ในเมื่อ ธปท. เป็นกระเป๋าเงินใหญ่ของประเทศ นายเศรษฐา กล่าวว่า อุณหภูมิจะถูกลดก็ต่อเมื่อปัญหาของพี่น้องประชาชนถูกแก้ไข
ซักว่า จะต้องมีการเรียกผู้ว่าฯธปท. เข้ามาพูดคุยอย่างจริงจังเพื่อลดปัญหาต่างคนต่างพูด หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนว่าไม่ได้ต่างคนต่างพูด ตนก็ยึดโยงกับพี่น้องประชาชนอย่างเดียว ผู้ว่าฯธปท. ก็พูดเอง มีอะไรสื่อสารก็สื่อสารผ่านกระทรวงการคลัง ตนขอใช้ว่าให้เป็นไปตามระบบแล้วกัน และตนจะติดตามผ่าน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ซึ่งตนได้มีการสั่งการไปแล้วและเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ก็ได้มีการให้สัมภาษณ์ย้ำไปแล้ว
เมื่อถามว่าช่วงแรกๆนายกฯกับผู้ว่าฯธปท. ก็มีการยกหูคุยกัน นายกฯ กล่าวว่า “ท่านผู้ว่าฯบอกผม ชัดเจนแล้วว่า ไม่อยากให้ผมสื่อสารโดยตรงกับท่าน ให้ผ่านกระทรวงการคลัง ผมก็ทำตามที่ท่านบอกมา และผมก็ไม่ได้เชิญสื่อมวลชนมากล่าวโทษผู้ว่าฯหรืออะไรเลยใช่ไหม เมื่อท่านถามมาว่าดอกเบี้ยสูงไหมผมก็บอกว่าดอกเบี้ยสูงก็เท่านั้นเอง ผมไม่ได้เป็นคู่กรณีกับผู้ว่าฯ คู่กรณีของผมคือความยากจนของพี่น้องประชาชน และความยากจนเกิดมาจากดอกเบี้ยสูง ผมก็บอกแค่นี้ ถ้าจะเปลี่ยนใจผมอย่างไรก็เปลี่ยนใจผมไม่ได้ ฝ่ายการเมือง ฝ่ายสส. รัฐมนตรี และองค์กรอิสระ อย่างเช่น ธปท.เอง ก็มีความปรารถนาดีต่อพี่น้องประชาชน แต่มองปัญหาคนละแบบเท่านั้นเอง ซึ่งต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำซึ่งกันและกัน”
เมื่อถามว่า ดูเหมือนนโยบายการเงินการคลังไปคนละทางกันจะทำให้บริหารงานยากหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวยอมรับว่า ก็มีความลำบากเหมือนกัน ซึ่งต้องมีการพูดคุยกัน อย่างที่ผู้สื่อข่าวเคยมีคำแนะนำมา ซึ่งตนก็พูดผ่าน สศค.ไป
เมื่อถามว่าธปท. อาจจะต้องรักษาหนี้สาธารณะ ขณะที่รัฐบาลเองก็ต้องแก้ไขหนี้ครัวเรือน จะทำอย่างไรให้มาจูนกันได้ นายเศรษฐา กล่าวว่า มันมีหลายองค์ประกอบ หนี้สาธารณะก็เป็นเปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ถ้าสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ จีดีพีโต เราก็กู้ได้อีก เปอร์เซ็นต์ของหนี้สาธารณะก็ไม่ได้สูงขึ้น เราก็ต้องมีกรอบชัดเจน ต้องไม่สูงกว่า 70% ของจีดีพี ตรงนี้เป็นข้อตกลงร่วมกันอยู่แล้วไม่ได้มีความขัดแย้งอะไร หน้าที่ตนคือเอานโยบายการคลังมาดูแลพี่น้องประชาชน มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ถามว่า ถ้าจะพูดอะไรประโยคหนึ่งถึงผู้ว่าฯ ธปท. อยากจะพูดอะไร นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่ครับ ผมว่าไม่มี ผมพูดชัดเจนแล้วสิ่งที่เราเห็นด้วยไม่เห็นด้วย อย่าว่าแต่ผู้ว่าฯธปท.เลยครับ คนในรัฐบาลเองคนในพรรคเอง เราก็เป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทุกคน นโยบายต่างๆมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เราเป็นผู้ใหญ่แล้วเราก็พูดคุยกันไป อย่าให้มีวาทะกรรมว่าจะปลดจะอะไรมันไม่ใช่ ไม่ได้อยู่ในความคิดของผมเลย แม้กระทั่งนิดเดียว เราอยู่ด้วยกันเป็นผู้ใหญ่ ก็มีความประสงค์ดีกับพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นความเห็นต่างก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว วันนี้ผมก็ไม่ได้เห็นตรงกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและรมว.คมนาคม ทุกเรื่อง แต่เราก็คุยกันมีภาษาที่สามารถพูดคุยสื่อสารกันได้ พยายามที่จะยืดหยุ่นประนีประนอมกันได้ เพราะผมเชื่อว่าทุกคน รวมถึงทุกคนที่ยืนอยู่ที่นี่มาทำงานเพื่อประชาชน อย่าไปเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาดีกว่า เรื่องความขัดแย้งเป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้มีเกิดขึ้น แต่เมื่อมีความเห็นต่างเราก็พยายามบริหารความเห็นต่างตรงนี้ บนบรรทัดฐานของการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน“
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรกับกระแสโซเชียลมีเดียที่ติดแฮชแท็กเซฟผู้ว่าฯธปท. นายเศรษฐากล่าวว่า “ไม่มีคอมเม้นต์ครับ เพราะผมมองว่าท่านไม่มีอะไรที่จะต้องถูกเซฟ เพราะท่านก็มาถูกต้อง ท่านก็มีหน้าที่ของท่าน ก็ทำงานไป หลายๆอย่างที่ท่านทำผมเห็นด้วยก็มี ก็เหมือนกันหลายๆอย่างที่ผมทำเชื่อว่าท่านก็เห็นด้วย และหลายอย่างที่ผมทำก็อาจจะไม่เห็นด้วย แต่เราเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันแล้ว อย่างน้อยนะครับฝ่ายผมก็มาทำเพื่อประชาชน ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะไปขัดแย้งกับใคร จึงไม่มีข้อคิดเห็นที่ว่าจะต้องเซฟ ผมว่าท่านไม่ต้องการการเซฟ เพราะไม่มีใครจะไปปลดท่าน ไม่มีใครพูด รัฐมนตรีคนใหม่ก็ไม่ได้พูด ผมเองก็ไม่ได้พูดใช่ไหม เพียงแต่ท่านแปลเรื่องที่เราไม่เห็นตรงกันในบางเรื่องใช่หรือไม่ พยายามยกระดับขึ้นไปให้เกิดความขัดแย้ง แต่ผมยืนยัน ณ ที่นี้ ไม่ว่าจะในสาธารณะหรือส่วนตัวก็ตาม ผมก็พูดแบบนี้แหละเรื่องดอกเบี้ยเรื่องเดียว ผมไม่ได้พูดเรื่องการกำกับดูแลแบงค์ หรือหนี้เสียก็ไม่ได้พูด ท่านก็ดูหนี้เสียให้มีอัตราที่ดีแล้ว เราก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว เรื่องที่มันดีมันถูกต้องก็ไม่ต้องชมกันหรอก ท่านก็ทำของท่านในสิ่งที่ดีไป และผมก็มั่นใจว่าสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ในหลายๆเรื่อง เช่นการลงพื้นที่ใน2วันที่ผ่านมาก็เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน แต่เราก็ไม่เห็นด้วยในเรื่องการลดดอกเบี้ย ก็ต้องว่ากันไป ซึ่งผมก็มีวิธีการที่จะดูแลปัญหาตรงนี้ เช่น เชิญผู้บริหารธนาคารมาคุย ซึ่งเป็นธนาคารรัฐ เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน“
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ เลี่ยงตอบปม 'แบงก์ชาติ' ติงแจกเงินหมื่นเฟส 3
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งหนั
ตอกฝาโลง! กรรมการกฤษฎีกา 3 คณะมติเอกฉันท์กิตติรัตน์ขาดคุณสมบัติ
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.)
นับถอยหลัง 2567 5 ฉากร้อนการเมืองไทย
นับถอยหลังต่อจากนี้ ก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 สัปดาห์ ก็เข้าสู่ช่วง “นับถอยหลังอำลา 2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568” กันแล้ว