ชำแหละ 'อุ๊งอิ๊ง' ดีเอ็นเอทักษิณกำเริบ คิดรบกับแบงก์ชาติ ไร้น้ำยาแต่ทำตัวเป็นกูรู

4 พ.ค.2567 - นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า เมื่อ ดีเอ็นเอทักษิณกำเริบ คิดรบกับ "แบงก์ชาติ" เห็นข่าวอุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ดีเอ็นเอทักษิณ ออกมาบริภาษแบงก็ชาติว่าไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการบริหารเศรษฐกิจ พาดพิงไปถึงกฎหมายว่าให้อิสระกับแบงก็ชาติจากรัฐบาลมากเกินไป กลายเป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ช่วยใช้นโยบายการเงินมาคู่ขนานกับนโยบายการคลังผลักภาระว่าหนี้ของประเทศที่สูงขึ้นเกิดจากปัจจัยเหล่านี้

ทั้งที่ความจริงไม่ใช่ หนี้สะสมของประเทศ ส่วนใหญ่เกิดจากนโยบายลดแลกแจกแถม ที่สร้างหนี้เพิ่มพูนให้กับประเทศเรื่อยๆ โดยปราศจากการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจัง เพราะการเล็งหวังผลของนักการเมืองที่ปราศจากความรับผิดชอบ เข้ามาแล้วก็จากไป แต่แบงก์ชาติเขาเป็นธนาคารกลางที่มีหน้าที่หลักคือ ต้องรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การเงิน เสภียรภาพด้านราคา (เงินเฟ้อ) และ ดูแลไม่ให้เศรษฐกิจผันผวน หรือ ร้อนแรงเกินไป จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเกือบทุกประเทศในโลกนี้ล้วนให้อิสระกับแบงก์ชาติของประเทศตัวเองทั้งสิ้น

เพราะถ้าปล่อยให้ละเลงกันตามอำเภอใจ กระตุ้นเศรษฐกิจตามใจอยาก แต่ผลลัพธ์ไม่ได้เป็นพายุหมุนอย่างที่คุย กลับเป็นผลร้ายกลายเป็นสึนามิทางเศรษฐกิจ ก็จะกลายเป็นภาระประชาชนทั้งชาติที่ต้องแบกหนี้กันหลังอาน ส่วนเศรษฐกิจที่คิดว่าจะเดินหน้า อาจถดถอยลงแบบกู่ไม่กลับ

ประเทศไทยเคยมีบทเรียนจากการที่ผู้บริหารแบงก์ชาติถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง จนระบบการเงินไทยล่มสลาย แบงก์ชาติกลายเป็นจำเลยของสังคม ในยุควิกฤติต้มยำกุ้ง ที่มีรองนายกฯ ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร นำประเทศชาติไปเป็นทาสทางเศรษฐกิจของไอเอ็มเอฟ จนรัฐบาลชวน 2 ต้องเข้าไปกอบกู้ ทำให้ประเทศไทยยุติการกู้เงินได้ก่อนกำหนด ทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง กลายเป็นต้นทุนที่ทำให้พรรคเพื่อไทยมาชุบมือเปิบในภายหลัง

"ดีเอ็นเอทักษิณอย่างนางสาวแพทองธาร ที่เข้ามาทำงานการเมืองด้วยรากฐานของพ่อ แต่ยังไม่มีน้ำยาต่อยอดอะไรได้สำเร็จ แถมในทางเศรษฐกิจที่พยายามทำตัวเป็นกูรู จนกลายเป็นการอวดรู้ หรือไม่ก็อาจจะแค่อ่านตามที่มีคนเขียนบทให้"

ผมแนะนำว่าแทนที่จะอ่านสุนทรพจน์จากพวกเชลียร์ทั้งหลายให้ไปศึกษาหาข้อมูลดูตัวอย่างประเทศตุรกี ที่รัฐบาลแทรกแซงนโยบายการเงินต่อเนื่อง ใช้แบบไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ลดดอกเบี้ยในวันที่เงินเฟ้อพุ่ง สุดท้ายอัตราเงินเฟ้อพุ่งทะยานขึ้นไปกว่า 60 % กระทบค่าเงินอ่อนลงต่อเนื่อง จบลงที่การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมากกว่า 40 %

ขณะที่ของไทยมีตัวเลขล่าสุดออกมาว่าอัตราเงินเฟ้อพลิกกลับมาเป็นบวก 0.19 % ในรอบ 7 เดือน การจะกำหนดนโยบายทางการเงินใดก็ตาม ไม่เพียงต้องดูปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่ยังต้องดูความเสี่ยงในอนาคตด้วย ไม่เช่นนั้นปัญหาที่จะตามมาหนักหนามากกว่าหนี้สาธารณะ คือจะไม่มีใครกล้ามาลงทุนในประเทศนี้ เลิกดื้อดึงรับฟังความเห็นแบงก์ชาติบ้าง ส่วนเด็กที่กลิ่นน้ำนมยังไม่จางก็ควรหยุดแสดงความเห็นที่ทำให้ตัวเองยิ่งดูด้อยค่าได้แล้ว"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พิธา' ฝากผู้นำรัฐบาลมีสมาธิ อย่าให้เกมการเมืองเหนือประโยชน์ปชช.

'พิธา' มอง เสถียรภาพหลังสงกรานต์ 'พรรคร่วมรัฐบาล' ขัดแย้งกันกว่า 10 ปี แค่รอเวลาปะทุ ขออย่าให้เกมการเมือง มากกว่าสัดส่วนผลลัพท์ ที่ ปชช.ควรจะได้ ด้าน 'เท้ง' ย้ำคำเดิม 'นายกฯ' ควรคุมเสียงให้ได้ 

ทักษิณ ชี้คนไทยอย่าระแวงนายกฯคนรุ่นใหม่ แย้มพร้อมช่วยดีลทรัมป์

"ทักษิณ" แนะใช้ความสามัคคีคนในชาติสู้สงครามการค้าขออย่าระแวง-สงสัยนายกฯคนรุ่นใหม่ตั้งใจอยากเห็นสังคมแข็งแรงเผย.ปมกำแพงภาษีคุยคนรอบตัว"ทรัมป์" แล้ววอนอย่ากีดกันการค้าปท.กำลังพัฒนาโวถ้ามีจังหวะ-เวลาจะไปคุยสหรัฐฯเอง

รัฐบาล‘พ่อ’กอดคอกันต่อ ขึง‘อิ๊งค์’รับหน้าเสื่อวิกฤต

คงเป็นเรื่องธรรมดาที่ “ทักษิณ ชินวัตร” พ่อของนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร จะไม่ค่อยพอใจกับท่าทีของลูกพ่อเนวิน และแม่กรุณา ชิดชอบ อย่าง “ไชยชนก ชิดชอบ”

'เท้ง' ควง 'ชัยธวัช' ขึ้นเหนือเล่นน้ำสงกรานต์ ปัดวัดพลัง 'ทักษิณ-อิ๊งค์'

พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค , น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พร้อมด้วย สส.ลำปาง ทั้ง 3 เขต และนายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เข้าเยี่ยมชมการทำโคมศรีล้านนา ที่บ้านแยงบัว จังหวัดลำปาง เนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์