เปิดความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าด้วยคุณสมบัติ-ลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรี

2 พ.ค.2567 - สืบเนื่องจาก สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีขอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรี เฉพาะตามมาตรา 160(6) ประกอบกับมาตรา 98 (7) และมาตรา 160 (7) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นั้น

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีหนังสือลงวันที่ 1 ก.ย.2566 ตอบกลับเลขาธิการคณะรัฐนตรี โดยมีเนื้อหาระบุว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ)ได้พิจารณาข้อหารือดังกล่าว โดยมีผู้แทนสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และผู้แทนสำนักงานศาลยุติธรรมเป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริง และมีความเห็นในแต่ละประเด็น ดังนี้

ประเด็นที่ หนึ่ง เห็นว่า มาตรา 160 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเป็นบทบัญญัติที่กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลซึ่งจะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยใน(6) ของมาตราดังกล่าวบัญญัติว่า รัฐมนตรีต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 ซึ่งมาตรา 98 (7) กำหนดลักษณะต้องห้ามไว้ว่า "เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกตั้งเว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลทุโทษ" ดังนั้น การได้รับโทษจำคุกไม่ว่าโดยคำพิพากษาหรือคำสั่งใด จึงเป็นลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี บุคคลซึ่งเคยได้รับโทษจำคุกในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลจึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว เว้นแต่บุคคลนั้นได้พ้นโทษเกินสิบปีแล้ว หรือได้รับโทษจำคุกในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ อันเป็นข้อยกเว้นที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้

ประเด็นที่สอง เห็นว่า มาตรา 160 (7) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติไว้ชัดเจนว่า รัฐมนตรีต้องไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวไม่รวมถึงคำสั่งให้จำคุก ดังนั้น ผู้ซึ่งจะด้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีจึงต้องไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก

ทั้งนี้ การให้ความเห็นในกรณีนี้เป็นการตอบข้อหารือตามที่ผู้แทนสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีชี้แจงต่อกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ว่าประสงค์จะขอหารือเฉพาะกรณีมาตรา 160 (6)ประกอบกับมาตรา 98 (7) และมาตรา 160 (7) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เท่านั้น

อนึ่ง ข้อหารือนี้เกี่ยวข้องกับการพิจารณาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยอันเป็นหน้าที่และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะเป็นผู้พิจารณาวินิจฉัย การวินิจฉัยชี้ขาดเป็นที่สุดย่อมเป็นหน้าที่และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ การให้ความเห็นในกรณีนี้จึงเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการบริหารราชการแผ่นดินเท่านั้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สมชาย' เตือน อย่าดันทุรัง พท.ถอยยังเหลือปชน.ร่างแก้ไขรธน.ล้อมาจากเบ้าเดียวกัน

นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.)โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า แก้รัฐธรรมนูญสุดซอย #เพื่อใคร #เลิกเถอะอย่าดันทุรัง

'จตุพร' หนุนนักร้องใช้สิทธิตามรธน.ยื่นคำร้องให้เข้มข้น นายกฯ ไม่อยากถูกตรวจสอบลาออกไป

ช่วงยามบ้านเมืองคับขัน นักการเมืองกล้าๆ กลัวๆ รับผิดชอบ 'จตุพร' ลั่น ปชช.หนีไม่ออก โครงการก่อหายนะมันมาแน่ ขอให้เตรียมพร้อมปกป้อง ปท. หนุนนักร้องทุกฝ่าย ใช้สิทธิตาม รธน.ยื่นคำร้อง ให้เข้มข้น สวนนายกฯ-รมต. ไม่อยากถูกตรวจสอบต้องลาออกไป

'จตุพร' เชื่อมวลชนบ่มเพาะ รอจุดเปลี่ยน ต้านพวกเหลิงอำนาจ 'บ่อนกาสิโน' ชนวนสำคัญ

'จตุพร' ซัดขบวนการแบกเชียร์อำนาจตระบัดสัตย์ยิ้มเยาะ ปชช.เคลื่อนไหว เหลิงกันให้เต็มที่ ยกอดีตการต่อสู้ล้วนบ่มเพาะ สะสมพลังจากเล็กไปสู่ใหญ่กลายเป็นพลังมหาศาลลุกต้านพวกบ้าอำนาจ เชื่อ ปชช.รักประเทศรอจุดเปลี่ยน คาดบ่อนกาสิโนเป็นชนวนสำคัญ ส่วน รบ.ดูแคลนนักร้องใช้สิทธิตรวจสอบตาม รธน. ท้าถ้ารำคาญก็แก้ รธน.ระงับสิทธิ ปชช.เลย

'หมอมิ้ง' ย้ำข้อมูลครม.ใหม่ได้ครบสัปดาห์นี้

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีส่งคุณสมบัติรัฐมนตรีให้คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะใหญ่ที่มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์

'หมอมิ้ง' เผย พรรคร่วมรัฐบาลส่งรายชื่อรมต.ครบแล้ว ระบุเช็กประวัติเข้ม

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลได้ส่งรายชื่อรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่มาครบทั้งหมดแล้ว รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ

ป่วนแน่! 'นักร้อง' ตั้งธงรอฟันคุณสมบัติรมต.ใหม่ อาจฝ่าฝืนรธน.อีกเพียบ!

นายกศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นที่สุดแล้วกรณีอดีตนายกฯคนก่อนเมื่อ 14 ส.ค.67