'จตุพร' แฉปัจจัยเสี่ยงต่อการยึดอำนาจ

สิ่งสำคัญ เรื่องราวเหล่านี้ล้วนนำพาไปสู่การล้มกระดานรัฐบาลได้ทั้งหมดและปัจจัยมาจากคนเดียวเป็นหลัก ปี 49 ปี 57 และปรากฎการณ์ดีลกลับบ้าน ปี 66 แล้วลากมาปี 67 ก็มาจากคนเดียวอีก เพราะเรื่องที่ปรากฎขณะนี้นำมาเป็นสาเหตุอ้างยึดอำนาจได้ทั้งสิ้น เนื่องจากทุกเรื่องไม่ตรงกับดีลที่อ้างให้กลับไทย

23 เม.ย.2567- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า กรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล (บิ๊กโจ๊ก) รอง ผบ.ตร. ถูกสั่งพักราชการยื่นร้อง ปปช.กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ แต่งตั้ง ผบ.ตร. (เมื่อปี 2566) ผิดกฎหมาย

พร้อมย้ำว่า แต่ ปปช.มักใช้ความชำนาญพิเศษปฏิบัติงานดึงเรื่องไห้ล่าช้าไว้ นอกจากนี้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ยังยื่นร้องปมหน่วยงานและกระทรวงยุติธรรมพิจารณาทักษิณ ชินวัตร ป่วยทิพย์ส่งตัวเข้าพักชั้น 14 รพ.ตำรวจ แล้วนำมาสู่การพักโทษ ซึ่งเต็มไปด้วยข้อสงสัยของสังคมมากมาย

ไม่เพียงเท่านั้น มีการดึงเรื่องนายกฯ ใช้รถประจำตำแหน่งมาใช้ส่วนตัวในวันหยุด ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานราชการ โดยเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าเพื่อพบทักษิณถึง 2 ครั้ง แต่ ปปช. ยังดองเรี่องไว้อีกตามเคย ทั้งที่ข้อเท็จจริง หลักฐานมีพร้อมก็ไม่น่าใช้เวลาพิจารณากันให้นานวัน ทั้งที่กรณีนี้ ปปช.เคยชี้มูล นายก.ท้องถิ่นคนอื่นๆ กระทำผิดมาแล้วและถูกลงโทษกันมากมาย

นายจตุพร กังขาว่า เรื่องที่สิ้นสงสัยแล้ว ปปช. ดึงไว้ทำอะไร ควรหยิบยกขึ้นมาพิจารณาโดยด่วน อีกทั่ง กกต.จะตรวจสอบ สส.ในหนึ่งปีหลังเลือกตั้ง แต่กลับรอให้ทำความเสียหายก่อนจึงจะตรวจ ซึ่งเป็นหลักสวนทางกับคำประกาศไม่ให้คนชั่วเหยียบบันไดสภาอย่างชัดเจน ดังนั้น ทุกเรื่องที่ไปให้ ปปช.ตรวจสอบวันนี้ ถ้าไม่แก้ไขปัญหากันจริง แต่ดึงเรื่องให้ล่าช้า จะเป็นการสร้างปัญหาขึ้นในอนาคต

ส่วนการปรับ ครม. นายจตุพร กล่าวว่า เริ่มมีเสียงแผ่วเบาลง เพราะการเสนอปรับไม่เป็นไปตามดีล อีกอย่าง ทักษิณ มีพฤติกรรมเมินรับพวงมาลัยของนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เข้าอวยพรวันสงกรานต์ จนนำไปสู่การประกาศแก้กฎหมายจัดระเบียบกลาโหมหวังสกัดการ รปห. ทั้งที่ในเรื่องนี้ ไม่มีกฎหมายใดเขียนห้าม รปห.ได้เลยในประวัติศาสตร์การเมืองไทยในสมัยรัฐธรรมนูญ

“เมื่อแสดงถึงความไม่ไว้วางใจระหว่างกันออกมา ดังนั้น การแก้กฎหมายจัดระเบียบกลาโหมย่อมสะท้อนถึงความสะใจตอบโต้ สิ่งสำคัญการตั้งกรรมการติดตามความไม่สงบในพม่า มีรัฐมนตรีต่างประเทศและหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ แต่ขาด รมต.กลาโหมคนเดียว จึงเป็นเรื่องน่าแปลก และเป็นการบริหารประเทศแบบประหลาดอย่างยิ่ง”

นายจตุพร กล่าวว่า ในกรณีการแจกเงินหมื่นบาทในโครงการดีจิทัลวอลเล็ตไตรมาส 4 ปี 2567 คงไม่มีจริง เพราะการแถลงประกาศของรัฐบาลนั้น สะท้อนถึงความไม่พร้อมอะไรออกมาโชว์ถึงการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว แต่ตรงกันข้ามกลับแถลงเพียงเอาหน้ารอดไปเป็นเดือนและไตรมาสเท่านั้น

ที่สำคัญกลับส่อเจตนาเบียดบังเอาเงินงบประมาณ และเงิน ธกส.มาใช้กับดิจิทัล ทั้งที่งบประมาณยังไม่ได้ใช้สักบาท แล้วรู้ได้อย่างไรว่า จะเหลือเท่านั้น เท่านี้ อีกทั้งเชื่อว่า เงินดิจิทัลจะเป็นปัญหาของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเสี่ยงต่อคุกตะราง

“สิ่งสำคัญ เรื่องราวเหล่านี้ล้วนนำพาไปสู่การล้มกระดานรัฐบาลได้ทั้งหมดและปัจจัยมาจากคนเดียวเป็นหลัก ปี 49 ปี 57 และปรากฎการณ์ดีลกลับบ้าน ปี 66 แล้วลากมาปี 67 ก็มาจากคนเดียวอีก เพราะเรื่องที่ปรากฎขณะนี้นำมาเป็นสาเหตุอ้างยึดอำนาจได้ทั้งสิ้น เนื่องจากทุกเรื่องไม่ตรงกับดีลที่อ้างให้กลับไทย”

พร้อมทั้งเชื่อว่า ปรากฎการณ์เหล่านี้ที่เดือดระอุขึ้นในเมษายน จะเห็นได้ชัดเจนช่วง 20- 29 พ.ค. ถ้าไม่มีท่าทีใดๆ ของทักษิณเกิดขึ้นมาอีก ซึ่งคาดว่า จะนำไปสู่ปัจจัยเสี่ยงต่อการยึดอำนาจและประชาชนตื่นตัว โดยอะไรจะเกิดขึ้นก่อนกันย่อมน่าสนใจ

ประเมินว่า ปรากฎการณ์เมินพวงมาลัยนายสุทิน แล้วขยับมาแก้กฎหมายจัดระเบียบกลาโหม จึงถูกตีความว่า รู้เห็นเป็นใจต่อกัน เพื่อสกัดการยึดอำนาจที่อาจก่อตังตั้งเค้าอยู่ จึงเท่ากับเป็นการสร้างแรงกระพือโหมขึ้นช่วงเมษาร้อน ทั้งที่เรื่องนี้ไม่มีรัฐบาลไหนกล้าแตะต้องเลย

ดังนั้น จึงไม่ต่างจากการสุมไฟใส่ทหารให้รุ่มร้อนขึ้น โดยมีบทเรียนตั้ง พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก เป็น รมช.กลาโหม แล้วเกิด รปห. ช่วงรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุนหะวัณ ปี 2534 มาแล้ว คงไม่ลืม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จตุพรชี้ รัฐบาลพ่อเลี้ยง ขาดพ่อก็จบ ไม่มีคนเกรงใจ

“จตุพร” ชำแหละรัฐบาลพ่อเลี้ยง สะท้อนนายกฯ ยังละอ่อนการเมือง ฉะพ่อก้าวร้าว อาละวาดตบจูบทำเสมือนเป็นนายกฯ ตัวจริง ส่วนลูกแค่ร่างทรง เชื่อขาดพ่อรัฐบาลก็จบ จับตาเชือด “พีระพัง” หลังปีใหม่ ระบุขวางผลประโยชน์กลุ่มทุนผูกขาด ซัดสหายใหญ่ ทำตัวเป็นแมวเสียศักดิ์ศรีคุมกลาโหม ชมฉายา “อนุทิน- รมต.น้ำ” รู้เท่าทันสถานการณ์บังคับให้เล่นเป็น อยู่ได้ ชี้นายกฯ แพทองโพย เอาแต่อ่านทำภาพลักษณ์ผู้นำหายหมด

ไม่เอาไว้ทำพ่อ! 'ทักษิณ' ขู่ฟ่อ ต่อไปนี้ใครเล่นงาน จะเล่นกลับหมด บางคนให้ตังค์ใช้ พอไม่เลี้ยงโดนมันกัด

ช่วงเย็นวานนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาปราศรัยหาเสียงช่วยนายพิชัย เลิศพงษ์อดิศร ผู้สมัครนายกองค์การบริหาร

“พ่อเลี้ยง”เปลี่ยนสนามรบเป็นทุน “ดับไฟใต้-สันติภาพเมียนมา”

“ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง” นับเป็นภาพการเมืองในฝ่ายบริหารที่ “วิญญูชน” พึงประจักษ์ได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขยับตัวและคำพูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” วิทยากร-นักวิชาการของพรรคเพื่อไทย

'ทักษิณ' ปราศรัยเดือด ไม่ทนพวกเห่าหอน ซัดมาซัดกลับ เหน็บพรรคส้มขี้โม้

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ เบอร์ 2 หาเสียง โดย ทันทีที่นายทักษิณมาถึงได้เดินทักทายประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัย

'เต้น' ปราศรัยเชียงใหม่ ขออย่าเปลี่ยนใจ ถามเลือกตั้ง สส. ทำไมเพื่อไทยได้แค่ 2 คน

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ เบอร์ 2 หาเสียง โดยมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี

'ทักษิณ' อวย 'แพทองธาร' เก่งกว่าตัวเองสมัยเริ่มต้น ปัดเขียนสคริปต์ให้

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง ที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งให้กับรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บุตรสาว ว่า สงสัยสื่อมวลชนเห็นว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.)