‘โจ๊ก’ ลั่นคนใต้เลือดนักสู้! ยื่นป.ป.ช.สอบ ‘เศรษฐา’ ปฎิบัติหน้าที่มิชอบ ตั้ง ‘บิ๊กต่อ’ ผบ.ตร.

‘บิ๊กโจ๊ก’ สู้หมดหน้าตัก ยื่นสอบ ‘เศรษฐา’ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบตั้ง ‘บิ๊กต่อ’ เป็นผบ.ตร. เตือนนายกฯ ให้ทำตามกม. เชื่อโดนรุมกินโต๊ะสกัดนั่งผบ.ตร.

22 เม.ย.2567-ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร. เดินทางมายังสำนักงาน ป.ป.ช. ยื่นหนังสือถึงประธาน ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบจากการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร. ในฐานะที่ตนเป็นผู้มีส่วนได้เสีย และการออกคำสั่งส่งตัวตนกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนที่รักษาการ ผบ.ตร.จะมีคำสั่งให้ตนออกจากราชการไว้ก่อน รวมถึงขอให้ตรวจสอบว่าการสอบสวนของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดที่ทำคดีเว็บพนันออนไลน์มีอำนาจหน้าที่โดยชอบหรือไม่ รวมถึงขอให้ตรวจสอบว่าหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนและ พนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ออกมาต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของตัวเอง หลังจากถูกดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรมมา 6 เดือน จนถึงขั้นให้ออกจากราชการไว้ก่อน จึงต้องออกมาใช้สิทธิ์ในการต่อสู้อย่างถูกต้อง ยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้กังวล เพราะเชื่อมั่นว่าอย่างไรตนก็จะได้กลับมา  ซึ่งสิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าอำนาจการสอบสวนเป็นของใคร หากสอบสวนโดยไม่มีอำนาจจะต้องติดคุก ซึ่งคดีนี้เริ่มต้นจากการดำเนินคดีกับลูกน้องของตน 8 คน ซึ่งป.ป.ช. ได้เรียกสำนวนดังกล่าว พร้อมสำนวนคดีของตน กับพวกรวม 5 คน กลับไปทำเองเนื่องจากอยู่ในอำนาจหน้าที่ ถือเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง ส่วนตำรวจเป็นเสมือนพวกกล่าวหามีหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งให้ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน

ดังนั้น ในคดีของมินนี่ ไม่ว่าจะมีกี่เว็บพนัน แต่เมื่อผู้ต้องหาเป็นคนเดียวกัน เส้นอันเดียวกันคือเชื่อมโยงไปยัง พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ถือเป็นคดีเดียวกันจะแยกสำนวนไม่ได้ แต่ป.ป.ช.เห็นว่าจะเกิดความเสียหายจึงมีมติเรียกสำนวนกลับในวันที่ 2 ธ.ค.66 แต่ในวันรุ่งขึ้น ของวันที่ 3 ธ.ค.66 สน. เตาปูนได้แยกสำนวนคดีและกล่าวหาว่าตนเชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์ ฐานความผิดฟอกเงิน เพราะไม่ต้องการส่งคดีให้ป.ป.ช. เก็บคดีไว้ 4 เดือน ออกหมายเรียก และหมายจับ ตอนนี้อยู่ในกระบวนการสอบเพิ่มเติมของอัยการมานานกว่า 3 เดือนแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้หวังผลทางคดีหวังแค่ไม่ต้องการให้ตนเป็น ผบ.ตร. เท่านั้น ตนจึงทำหนังสือโต้แย้งว่าคดีอยู่ในอำนาจของป.ป.ช. ขอให้พนักงานสอบสวนให้ความเป็นธรรมส่งเรื่องไปยังป.ป.ช. ไม่ใช่เพราะตนรู้จักใคร แต่เพื่อเป็นการสอบสวนโดยธรรมโดยชอบ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวถึงเรื่องการยื่นคัดค้านนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเอกสารปรากฏอยู่ในโลกโซเชียลว่า ตนขออนุญาตไม่พูดในเรื่องนี้ แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนปล่อยเอกสารดังกล่าว และขอยืนยันกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ใครมาทางไหนก็ไปทั้งนั้น ตนไม่ได้ว่าใคร วันนี้เพียงแค่มาหาความยุติธรรมเท่านั้น เมื่อองค์กรให้ความเป็นธรรมกับตนไม่ได้ จึงต้องมาหาความยุติธรรมนอกองค์กร ตนรู้ดีว่าสื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

“โชคดีที่ผมเป็นคนใต้ เป็นนักสู้เต็มตัว ถ้าเป็นคนอื่นก็คงออกไปแล้วแต่ผมไม่ใช่”

อย่างไรก็ดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่าขอไม่ตอบว่าได้มีการปรึกษากับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า เดี๋ยวบานปลาย ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว

ถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถกลับมารับราชการอีกครั้ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จะกลับไม่กลับอยู่ที่มีอำนาจที่ต้องพิจารณาว่าคำสั่งออกถูกต้องหรือไม่ วันนี้ตนต่อสู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ เพราะหากคนไม่สู้ก็คงเสียสิทธิ์ไปตลอดชีวิต ถ้าผิดจริงตนก็ยอม คงไม่สู้ แต่นี่เป็นการสอบสวนโดยไม่เป็นธรรม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยัน ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการแฉเรื่องต่างๆก่อนหน้านี้ใครจะแฉก็แฉไป แต่ตนมาสู้ตามสิทธิ์ของตน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วตนได้ไปยื่นขอความเป็นธรรมกับคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ให้เพิกถอนคำสั่งให้ตนออกจากราชการ เนื่องจากเป็นคำสั่งมิชอบ ซึ่งตอนนี้มีพ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่แล้ว นายกฯ ต้องใช้อำนาจตามกฎหมาย ไม่ใช้ข้ามขั้นตอน อีกทั้งการออกคำสั่งให้ตนไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีก็ไม่ชอบ ตนได้ยื่นขอความเป็นธรรมเช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่า สิ่งที่กำลังเจออยู่นี้เป็นการรุมกินโต๊ะหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สื่อยังเห็นเลยว่าเป็นการรุมกินโต๊ะเป็นเพราะความตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมืองของตน ซึ่งผู้บังคับบัญชาต้องให้ความเป็นธรรม ไม่ใช่ไปเอากับเขาด้วย ซึ่งตนจะดำเนินการกับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนจะมีคนต้องติดคุกหรือไม่ขอให้รอติดตาม หลังจากนี้ก็จะออกมาเปิดเผยเรื่องการตรวจสอบวินัยร้ายแรงในอีก 2-3 วัน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ตอนนี้ยังไม่คิดลงเล่นการเมืองแม้ไม่สามารถกลับมารับราชการได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่นทันที! นายกฯมาเอง ลงพื้นที่ห้วยขวาง สั่งสอบป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สน.ห้วยขวาง ติดตามสอบถามข้องเท็จถึงกรณีที่พบมีการติดแผ่นป้ายโฆษณาซื้อขายหนังสือเดินทางและพาสปอร์ตที่แยกห้วยขวาง พบว่ามีการขึ้นป้ายดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2567 เนื้อหาเป็นข้อความเกี่ยวกับการรับจ้างทำหนังสือเดินทาง

'บิ๊กต่อ' สั่งนครบาลสอบด่วน! ป้ายซื้อขายพาสปอร์ต ผิดจริงฟันแน่

'ผบ.ตร.' สั่งตรวจสอบที่มาของป้ายโฆษณาภาษาจีน รับทำหนังสือเดินทาง-ขอสัญชาติต่างๆ กำชับ สตม. ตรวจสอบ คัดกรองคนต่างด้าว เจอกระทำผิดฟันตามกฎหมายทุกมิติ

มีหนาว! ‘เรืองไกร’ ร้อง ปปช. ตรวจสอบจนท.ของรัฐ 8 ราย ยื่นบัญชีและเสียภาษีถูกต้องหรือไม่

วันนี้ผมจึงส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ของรัฐรวม 8 รายดังกล่าว

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป