'วรงค์-ไทยภักดี' อบรม 'เลขาฯกล้า' ชูไอเดียโลกสวย ตั้งกรรมการกลั่นกรองคดี ม.112

3 ม.ค.2565 - นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ว่า #หยุดโลกสวย

ผมและพรรคไทยภักดี อาจจะเห็นต่างกับคุณอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า เรื่อง “กรรมการกลั่นกรองคดี ม.112” ถ้ากรณีไหนมีแนวปฏิบัติว่า ไม่เข้าข่ายก็ปล่อยเลย อันไหนชัดเจนว่าเข้าข่ายก็ดำเนินคดีไป

ผมเป็นคนมองโลกบนความเป็นจริง ไม่ใช่โลกสวย เพราะขณะนี้

1. มีขบวนการล้มล้างการปกครองเกิดขึ้นจริงๆ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ที่สำคัญมีการกระทำผิดซ้ำซาก ด่า คำหยาย ให้ร้าย เผา ทำลาย เพื่อทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์

2. การกระทำของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ มีความตั้งใจที่จะล้มล้างจริง เพียงแต่ประดิษฐ์วาทกรรมสวยหรูว่า "ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์"

3. การตั้งกรรมการกลั่นกรองคดี ม.112 ขัดแย้งกับความเป็นจริง ไม่ใช่ในอดีตที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเอาม.112 ไปดำเนินคดี แต่การตั้งกรรมการกลั่นกรองคดี จึงเปรียบได้ว่า มีการใช้ ม.112 ไปกลั่นแกล้งคน ซึ่งขัดกับความเป็นจริง

4. การดำเนินคดี ม.112 มีระบบถ่วงดุลย์อยู่แล้ว ทั้งตำรวจ อัยการ และศาล ที่สำคัญที่ผ่านมาการดำเนินคดีจะชักช้า เพราะหาพยานค่อนข้างยาก การตั้งกรรมการจึงเป็นการยิ่งดึงคดีให้ช้า

5. แม้ขณะนี้ ก็ยังมีความพยายามทำลายสถาบัน ขนาดผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ยังพยายามแซะ การตั้งกรรมการจึงเหมือนให้ท้าย และยิ่งทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ผมและพรรคไทยภักดี จึงขอยืนยันคัดค้านแนวคิดในการตั้งกรรมการชุดนี้ เพราะกฎหมายไม่เคยรังแกใคร มีแต่คนที่ท้าทายกฎหมาย และขอให้ใช้ระบบนิติรัฐอย่างเข้มงวด ตรงไปตรงมา เพื่อจรรโลงระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้คงอยู่ตลอดไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ดร.อานนท์’ ขึ้น! ลากไส้พรรคส้ม ผมรบกับพวกมึง เพราะพวกมึงคือนักการเมืองเหี้...

ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakwor

พฤฒสภา คือ สภาปรีดี จริงหรือ ? (31)

ก่อนจะเกิดรัฐธรรมนูฉบับที่ 4 หรือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2490 เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 คือฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475

รัฐบาลพรรคเดียวในทางทฤษฎี กับการเมืองจริงของพรรคส้ม

พรรคประชาชน หรือที่ถูกเรียกกันทั่วไปว่า “พรรคส้ม” ตั้งเป้าหมายทางการเมืองไม่ใช่แค่การชนะเลือกตั้ง แต่คือการได้เสียงเกินครึ่งสภา มากกว่า