4 เม.ย.2567 - นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวตอบคำถามของสมาชิก ในเรื่องราคายางพาราว่า ในส่วนของอุปสงค์-อุปทานนั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คงได้ชี้แจงไปอย่างชัดเจนแล้ว ตนขอแสดงความยินดีกับชาวสวน ที่ราคายางดีที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
“และอยากแสดงความเห็นใจกับฝ่ายค้าน ไม่นึกว่าจะต้องลำบากหาเหตุผลว่า ทำไมราคายางดีถึงไม่ใช่ผลงานของรัฐบาล เพราะจริงๆ ท่านทราบดีอยู่แล้วว่า ตั้งแต่เราเข้ามาทำงานราคายางก็ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง“
นายเศรษฐา กล่าวว่าถึงแม้จะมีการอธิบายไปแล้ว ก็ยังวกไปเวียนมาอีกตลอดเวลา เพราะวิธีคิดและวิธีการบริหารงานของเราทั้ง 2 พรรคไม่เหมือนกัน แต่เอาเรื่องผลงานเป็นหลักแล้วกัน การบริหารงานของรัฐบาลที่เข้าใจถึงปัญหา ลงรายละเอียดทุกเม็ด เป็นส่วนที่ทำให้ราคายางขึ้นอย่างแน่นอน เราคือมหาอำนาจของยางพาราโลก เราต้องมั่นใจว่าเราเป็นพี่ใหญ่ในเรื่องนี้ ผู้นำต้องมีความกล้าในการผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อให้ราคายางสูง โดยทำงานเพื่อประชาชน ให้เขากินดีอยู่ดี
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ในเรื่องการปราบยางเถื่อน ก็ไม่ใช่ว่าเราแค่สั่งอย่างเดียว เราลงไปดูในรายละเอียด ทั้งฝ่ายความมั่นคง กระทรวงการคลัง กรมศุลกากร กระทรวงเกษตรฯ และทุกฝ่ายก็ช่วยกันทำงาน ที่ทำให้สามารถลดยางเถื่อนออกไปได้
"จริงๆ หลายท่านน่าจะรู้ ว่าถ้าเราทำอย่างจริงจังก็ทำได้ แต่ในอดีตกลับไม่มีการทำมาเลย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในช่วงรัฐบาลที่แล้ว ก็เป็นคนใต้ เป็นคนที่มีกินมีใช้มาจากยาง แต่ก็ไม่ได้ดูแลอะไรเกินกว่าที่ตัวเองควรจะทำ รัฐบาลนี้มีใจทำงานอย่างแท้จริง เพื่อประชาชน และเราจะทำงานเพื่อรักษาราคายางให้สูงต่อไปเชื่อว่าเรื่องนี้เรามั่นใจว่าเราทำได้ แต่ราคาของผู้อภิปรายเรื่องนี้ ในสายตาประชาชนจะเป็นอย่างไร ผมรับผิดชอบไม่ได้ เรื่องของราคายาง ผมรับผิดชอบ”
สำหรับการแก้ไขปัญหาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลเราให้ความสนใจ แต่ก็วกไปเวียนมาอีก จนกระทั่งเป็นฝ่ายค้านที่ยัง งงๆ อยู่เหมือนกัน
"ผมฟังท่านชวนไม่ผิดหรอกครับ เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2566 ท่านได้กล่าวไว้ว่า พรรคเพื่อไทยพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือกเขา จังหวัดอื่นไว้ทีหลัง ท่านพูดชัดเจน ซึ่งผมเองผมก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ผมเป็นนายกฯ ของคนทั้งประเทศ ไม่เคยแบ่งแยกพื้นที่ ตามคะแนนเสียงที่ได้รับ”
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่าที่ตนลงไปในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายหน คิดว่าเป็นเครื่องประจักษ์ที่ดีอยู่แล้ว
“มุกด้อยค่าพรรคที่อยู่ตรงข้ามกับท่าน เป็นมุกเดิมๆ จริงๆ ลองใช้มุกใหม่ดูบ้างเหอะ เพราะทุกวันนี้ สส.เองก็ไหลไปอยู่พรรคอื่น คะแนนเสียงพรรคท่านเองก็น้อยลงไปทุกวัน ลองอะไรใหม่ๆ บ้างดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยววันหลังก็จะไม่เหลือพื้นที่ในสภาเลย น่าเสียดาย เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์มาโดยตลอด ก็เป็นห่วง ขอให้มันท้าทายหน่อย ไม่ใช่เอามุกเดิมๆ มาพูดกันตลอดเวลา
ผมยืนยัน ผมเป็นนายกฯ ของคนไทยทั้งประเทศ ไม่เคยแบ่งแยกพื้นที่ตามคะแนนเสียงที่ได้รับ ผมเชื่อว่าการกระทำของผม เป็นเครื่องประจักษ์ที่ดีอยู่แล้ว ไม่เคยเลือกปฏิบัติ แต่เกรงว่าท่านจะเลือกอธิบายหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ของท่านแล้วกัน“
นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่าแต่ที่จำไม่ผิด ตนได้ยินท่านแสดงถึงความมั่นคง เพราะอธิบายแบบนี้มาโดยตลอด 20 ปี ตั้งแต่สมัยอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร แล้ว เมื่อพูดถึงเรื่องปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องความมั่นคงตลอดเวลา
“ผมก็อยากจะเปลี่ยนมุมมองใหม่บ้างเหมือนกัน แน่นอนว่าเรื่องความมั่นคงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องสำคัญ แต่เราพยายามมาหลายปีแล้ว ก็ยังไม่เวิร์ค ก็ลองเอาเรื่องของโอกาสมาเสริมบ้างแล้วกัน เผื่อว่าถ้าเกิดมั่งคั่ง แล้วก็คงจะมั่นคงตามมาบ้างแต่พูดต่อไปก็ยาวป่าวๆ เสียเวลา ไม่เป็นไรหรอก มุมมองเราไม่เหมือนกัน ผมมุ่งไปทางความมั่งคั่ง และไม่เคยละเลยความมั่นคง"
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ท่าน สส.ฝ่ายค้านเอง มองการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งย้อนว่า ต้องกลับไปแก้ไขอดีต รัฐบาลนี้ เราเข้าใจอดีต แต่เรามองไปในอนาคต วิธีมองก็ต่างกันอีกเหมือนกัน
“ผมเชื่อว่าท่านหวังดี แต่วันนี้เราเป็นรัฐบาล ก็ขอลองวิธีใหม่ๆ บ้าง เปิดใจให้กว้าง แนวทางการพัฒนาคือ เราทำให้ทุกคนเจริญไปด้วยกันกับโอกาส ส่วนเรื่องคนที่ผิด เราก็ต้องเดินหน้าตามกระบวนการ ไม่ได้หยุด ผมมั่นใจว่า ภายใน 4 ปีนี้ ประเทศเราจะเจริญมากกว่าที่รัฐบาลอื่นๆ เคยทำมา
ผมขอให้ความเชื่อมั่นต่อพี่น้องประชาชนว่า นายกฯ คนนี้ จะไปทุกพื้นที่ จะมองเห็นทุกภูมิภาค และจะทำงานทุกวัน เพื่อคนไทยทุกคน ประชาชนเลือกนักการเมืองได้ แต่นักการเมืองเลือกประชาชนไม่ได้ ทุกภารกิจของผม จะพิสูจน์คำพูดในวันนี้ เพื่อประชาชนทุกคน" นายกฯ กล่าว
ทำให้นายชวน กล่าวว่า ขอยืนยันว่าที่ท่านได้พูดกับนักธุรกิจ ตนไม่เคยพูดในสิ่งที่ท่านไปอ้าง การเลือกปฏิบัตินั้นตนชัดเจนว่าตนพูดว่าพรรคไทยรักไทย เลือกปฏิบัติกับประชาชน โดยตอนนั้นประกาศชัดเจนว่าจะพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือกไทยรักไทยก่อน จังหวัดอื่นไว้ทีหลัง ไม่ใช่เป็นมุขเดิมมุกเก่า หรืออะไรแต่เป็นความจริงที่ปรากฏตลอดไป คำตลบตะแลงไม่ยั่งยืน แต่ความจริงจะยืนหยัดอยู่
"ฉะนั้น ยืนยันว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดกระแนะกระแหนผมข้างนอกนั้น ไม่จริง ผมยืนยันว่า ผมเป็นคนไม่พูดอะไรสับปลับ หรือพูดอะไรที่ไม่รับผิดชอบ ผมไม่กล่าวหาใครที่ไม่เป็นความจริง ผมรู้ว่าคนที่ไม่พูดจริง คนที่พูดโกหกกับพวกโกงบ้านเมืองคือพวกเดียวกัน ส่วนเรื่องยางพารานั้นภาวนาให้เป็นอย่างที่นายเศรษฐาพูดคือให้ราคาดีตลอดไป และไม่ควรไปพาดพิงถึงพรรค อย่างน้อยพรรคประชาธิปัตย์ก็อยู่มานานไม่รับใช้พวกโกงบ้านเมือง ไม่ใช่อีแอบเข้ามามีอำนาจ โดยไม่ได้ผ่านกระบวนการการเลือกตั้ง
นายชวน กล่าวต่อว่า ขอให้นายเศรษฐา อยู่ในประเด็นของประโยชน์บ้านเมือง ไม่ใช่ไปจดลอกอะไรแล้วมาอ่าน มาพูดในทำนองกระแนะกระแหน ซึ่งประเด็นทั้งหลายที่ตนได้พูดไปตนรับผิดชอบ และยืนยันว่าตนไม่ได้โกรธอะไรนายเศรษฐา เพราะตนเชื่อว่าท่านเข้าใจผิด เข้าใจผิดไปว่าตนพูดว่าพรรคเพื่อไทย แต่ความจริงตนพูดในสภาสมัยนั้นว่า พรรคไทยรักไทย เพราะการเลือกปฏิบัติเกิดขึ้นตอนช่วงนั้นและมีผลจนทุกวันนี้
โดยวันนั้นตนได้ขอร้องว่าท่านคงมีบาปบุญคุณโทษ ท่านคงจะรู้ว่าสิ่งที่ ปฏิบัติไปในอดีตนั้นจะมีผลกระทบต่อความก้าวหน้าของภาคใต้ ตนขอความกรุณาท่านว่า กรุณาชดเชยการเสียโอกาส และวันนี้ตนก็ยืนยันว่าการที่เขาเสียโอกาสจากการที่เลือกปฏิบัตินั้น กรุณาช่วยชดเชย ซึ่งงบประมาณในปีที่ผ่านมาไม่มี
“ผมไม่ใช่คนที่พูดบ้าน้ำลายรายวัน หรือสัมภาษณ์ไปเรื่อย ขอได้โปรดให้เข้าใจว่าถ้าประเด็นใดที่ผมพูดไม่จริง ผมจะไม่ทำ ถ้าพูดไปแล้วผมต้องรับผิดชอบ ฉะนั้น ขอให้ท่านช่วยบอกนักธุรกิจที่ท่านไปพูดกับเขา ว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นไม่ตรงกับความเป็นจริงที่ผมพูด" นายชวนกล่าว
นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า ตนได้ยินผู้อาวุโสพูดว่า อดีต สส.พรรคไทยรักไทย ซึ่งตนเคยอยู่พรรคไทยรักไทย ท่านก็แผ่นเสียงตกร่องอยู่ตลอด ขอให้เลิกสักทีเรื่องเก่าๆ แล้วเราเดินหน้าต่อ โตๆ กันแล้ว เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี แผ่นเสียงตกร่องมาตั้งแต่ปีไหน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมา 20 ปีแล้ว
ทำให้นายชวน ลุกขึ้นโต้อีกครั้งว่า ต้องยอมรับว่าตนอาจเป็นแผ่นเสียงตกร่องจริงๆ เพราะความชั่วก็อยู่เหมือนเดิม หากมีอะไรเปลี่ยนไป ตนก็จะไม่ไปย้ำอยู่ที่เดิม การทุจริตและการเลือกปฏิบัติมีผลพวงมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งเราก็ต้องไม่ปฏิเสธความจริงที่เกิดขึ้น
ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า การอภิปรายเสียดสีของนายชวนทำให้พรรคเพื่อไทย เกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารงานในอดีตก็ตาม ทั้งนี้ สิ่งที่ท่านอภิปราย ท่านมักพูดว่าท่านพูดแต่ความจริง แต่มันเป็นความจริงในความเข้าใจของท่านคนเดียวหรือไม่ ไม่ใช่ว่าจะอภิปรายอะไรแล้วก็สรุปในความคิดเห็นของตนเอง แล้วพาดพิงให้พรรคอื่นเสียหาย ซึ่งตนมองว่ากระบวนการนี้ไม่ชอบและวันนี้เป็นการอภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 มีอะไรกับรัฐบาลท่านเต็มที่เลย และคณะรัฐมนตรีก็พร้อมตอบ แต่หากท่านพาดพิงมายังพรรคการเมืองบรรยากาศในห้องประชุมก็ไม่จบ
หลังจากที่นายจุลพันธ์พูดจบ นายชวนลุกขึ้นใช้สิทธิ์พาดพิงว่า สิ่งที่ตนพูดคือสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง ตนไม่ได้คิดเอาเอง และตนสามารถบอกนายจุลพันธ์ได้ว่าที่ตนพูดว่าเลือกปฏิบัตินั้นใครเป็นคนพูด แต่ตนไม่มีความประสงค์ที่จะเอ่ยนามว่าอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านก็ไม่ได้แอบทำ แต่ท่านเคยพูดออกสื่อว่าจังหวัดไหนที่เลือกเราก็พัฒนาก่อน จังหวัดไหนที่ไม่เลือกให้รอก่อน จึงยืนยันว่าที่ตนพูดเป็นข้อเท็จจริง
นายจุลพันธ์ จึงลุกขึ้นประท้วงอีกครั้งว่า เรื่องที่เป็นความจริงและความเท็จเป็นเรื่องที่เป็นความเข้าใจที่แตกต่างกัน แต่หากจะสรุปความแล้วทำให้พรรคการเมืองอื่นในห้องประชุมนี้เสียหาย พวกตนก็ต้องลุกขึ้นประท้วง เช่น เรื่องงบประมาณปี 67 ที่บอกว่าไม่มีงบประมาณของภาคใต้ ซึ่งตนเป็นรองประธาน กมธ.งบประมาณฯ ก็เห็นว่ามีงบประมาณที่ลงไปภาคใต้
”จะไม่มีจริงหรือที่ไม่มีงบประมาณลงไปภาคใต้เลยสักบาท สส.ภาคใต้ที่นั่งตาปริบๆ อยู่ในนี้ จะนั่งกันได้อย่างไร หากไม่มีงบประมาณไปลงบ้านเลย ฉะนั้น หากเป็นความเข้าใจของสมาชิกแต่ละคนที่จะเอาเหตุและผลของตัวเอง หรือความเชื่อของตัวเองมานำเสนอต่อสภาฯ เพื่อโน้มน้าวสมาชิกท่านสามารถทำได้เป็นสิทธิ์ แต่หากท่านจะสรุปความว่าสิ่งที่ท่านพูดทุกอย่างต้องเป็นความจริง แล้วพวกผมเป็นคนเลว แล้วพวกผมจะเดินต่ออย่างไร จึงขอให้ประธานวินิจฉัย“ นายจุลพันธ์ กล่าว
ทำให้นายพิเชษฐ์ วินิจฉัยว่า ทั้งหลายทั้งปวงนั้นประชาชนเป็นคนตัดสิน เดี๋ยวนี้สถานการณ์ของบ้านเมืองมันไปเร็ว ประชาชนเขารับทราบทุกเรื่อง ว่าอะไรคืออะไร เราอยู่ในนี้ก็พูดกันไปแต่ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน ก่อนจะเข้ากับเข้าสู่การอภิปรายต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายชวนและนายจุลพันธ์ กำลังประท้วงกัน เสียงสัญญาณเตือนภัยไฟไหม้ได้ดังขึ้นอยู่ระยะหนึ่ง ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นขอให้ประธานในที่ประชุมจัดการเรื่องสัญญาณเตือนภัยไฟไหม้ นายพิเชษฐ์ จึงกล่าวว่า เดี๋ยวให้เจ้าหน้าที่มารายงานผล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ระทึกสุดขีด! 22 พ.ย. ศาลรธน.ลงมติ 'รับ-ไม่รับ' คำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง
คอนเฟิร์ม ศุกร์นี้ 22 พ.ย. 9 ตุลาการศาลรธน.นัดประชุมวาระพิเศษ หลังงดมาสองรอบ เตรียมนำหนังสือ-ความเห็นอัยการสูงสุด กางบนโต๊ะประชุม ก่อนลุ้นโหวตลงมติ”รับ-ไม่รับคำร้อง”คดีทักษิณ-เพื่อไทย โดนร้องล้มล้างการปกครองฯ
'แพทองธาร' โชว์วิชั่น การเมืองมีเสถียรภาพ ประเทศไทยจะดีขึ้น!
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ไทยสงบ สันติ หวังรัฐบาลเปลี่ยน นายกฯเปลี่ยน แต่นโยบายเพื่อปชช.เดินหน้า บอกต่างชาติเจอคำถามแรกถามพ่อ-อาเป็นอย่างไร ย้ำการเมืองมั่นคง มีเสถียรภาพแน่นอน
ไทยในสายตาต่างชาติ (ตอนที่ 48: พระราชกฤษฎีกา 1 เมษายน 2476 คือ การทำรัฐประหารเงียบหรือ ?)
ในตอนที่แล้ว ผู้เขียนได้สรุปเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่เป็นเงื่อนไขที่นำมาสู่การประกาศพระราชกฤษฎีกาวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476
รู้ไว้ซะ 'ปิยบุตร' เผย 'ทักษิณ' ได้กลับบ้าน เพราะก้าวไกลชนะเลือกตั้ง!
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงกันอีกครั้ง
ปากไว! นายกฯ อบรม 'พ่อนายกฯ' รอที่ประชุมเคาะก่อนไปพูดบนเวทีแจกเงินหมื่น
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศัยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น มอง
พิราบขาว ตามจิกทักษิณ ยกปราศรัยหาเสียงที่อุดร หลักฐานมัดครอบงำเพื่อไทย
ที่สำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ยื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อกกต.กรณีคำร้องยุบ 6 พรรคการเมือง