4 เม.ย.2567 - นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายตอนหนึ่งว่า เพื่อแสดงให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของการบริหารงาน การบริหารราชการแผ่นดิน ไร้ความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์และการพนันออนไลน์ ขณะเดียวกันยังล้มเหลวในเรื่องของนโยบายการต่างประเทศ ทั้งหมดนี้ล้วนสร้างปัญหาและความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทย ที่สำคัญคือทั่วโลก รัฐบาลนี้เคยให้การแถลงต่อรัฐสภา ว่าจะให้ความสำคัญกับการป้องกันภัยคุกคามข้ามชาติและการเพิ่มความปลอดภัยทางไซเบอร์
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังได้ระบุต่อไปว่า พรรคเพื่อไทยจะปกป้องประชาชน บางระบบป้องกันภัยทางไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้เทคโนโลยีที่เท่าทัน ไม่ปล่อยอาชญากรรมทางไซเบอร์ลอยนวล ที่สำคัญจะขยายตัวออกไปสร้างความเสียหายซ้ำซากรายวันอีกแล้ว สูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตอีกต่อไป
นายรังสิมันต์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการบริหารงานตลอด 7 เดือนว่า จากข้อมูลของตำรวจ ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2565-มิ.ย. 2566 คาดว่าขบวนการพวกนี้ ได้สร้างความเสียหายเป็นคดีกว่า 285,000 คดี คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่างบประมาณรายจ่ายที่บางกระทรวงพึงได้รับไปเสียอีก มีพี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบมากมาย เป็นปัญหาเรื้อรังข้ามชาติที่ยังแก้ไม่หาย ทั้งนี้ ในปี 2563 มีสายหลอกลวงกว่า 1.7 ล้านสาย แต่ในปี 2565 กลายเป็น 17 ล้านสาย เพิ่มขึ้นมา 10 เท่า ภายใน 2 ปี เท่านั้น
ยิ่งกว่านั้น ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน การตกเป็นเหยื่อของขบวนการหลอกเอาเงินเหล่านี้ ยังเกิดขึ้นเป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็น ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ จังหวัดขอนแก่น ก็ถูกมิจฉาชีพพวกนี้หลอกเงิน หรือจะเป็นชาวบุรีรัมย์ ที่โดนมิจฉาชีพอ้างว่าเป็นตำรวจ หลอกให้โอนเงินที่เก็บเอาไว้ดูแลครอบครัว แล้วสุดท้าย ชายคนนี้ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง นี่คือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพวกสแกมเมอร์ หรือแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์
เมื่อพิจารณากระบวนการตามกฎหมายในการติดตามเงิน และนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษก็เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะธุรกิจนี้ ใช้บัญชีม้าในการรับโอนเงิน ทำให้ธนาคารอายัติได้แต่บัญชีเปล่าที่ไม่มีเงินเหยื่ออยู่อีกแล้ว และในส่วนของการจับคนร้าย ส่วนมากคนที่ถูกจับได้ก็เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาๆ ที่รับจ้างเปิดบัญชีม้า เมื่อเราติดตามเส้นทางการเงินต่อไปเรื่อยๆ จะพบว่าเงินพวกนี้จะถูกโอนต่อไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งการจะจับตัวการสำคัญ ก็ต้องอาศัยการประสานงานกับรัฐบาลของประเทศนั้นๆ
ดังนั้น ถ้าประเทศเพื่อนบ้านไม่ให้ความร่วมมือ ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจับตัวการเหล่านี้ได้เลย ตลอดระยะเวลากว่า 7 เดือนของท่านเศรษฐานั้น ไม่ทราบว่า ผลงานอันเป็นรูปธรรมในการทลายมิจฉาชีพระดับหัวขบวนมีหรือไม่ รวมทั้งข้อมูลที่ผมได้รับจากหน่วยความมั่นคง ยืนยันตรงกันว่า จากเส้นทางการเงินของบัญชีม้า หนึ่งในปลายทางถูกโอนไปสู่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นแหล่งใหญ่ของพวกสแกมเมอร์ หรือแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลายขบวนการ
อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 ด้วยแรงกดดันจากทางการจีน ที่ได้รับผลกระทบจากแก๊งค์เหล่านี้มากที่สุด ทำให้เกิดการทลายอย่างจริงจัง ส่งผลให้มิจฉาชีพเหล่านี้ ต้องหนีไปอยู่ที่บ่อนกาสิโนในพื้นที่ของชนกลุ่มน้อย ประเทศเมียนมา มีอำนาจในการปกครอง และกองกำลังของตนเองที่จะคุ้มครองคนพวกนี้ได้
ขณะเดียวกัน ชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ ก็สมประโยชน์ ได้ค่าเช่าไปหล่อเลี้ยงกองกำลัง จนก่อเกิดเป็นอภิมหาขบวนการสแกมเมอร์ และแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ ที่ซับซ้อนเป็นระบบ ยากต่อการทลายมากที่สุดที่เคยมีมา โดยเราจะพบว่าบ่อนกาสิโนในฝั่งเมียนมา ที่ได้รับแจ้งว่ามีการทำแกมเมอร์ หรือแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์กระจายตัวอยู่ในเมืองสำคัญๆ เช่น เมืองเล้าก์ก่าย เมืองล่าเสี้ยว รวมถึงเมืองเมียวดีที่ติดกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
และเมื่อตนได้มีโอกาสพูดคุยกับบุคคลเป็นเหยื่อของการหลอกลวงด้วยวิธีการต่างๆ แล้ว และเนื่องจากขบวนการพวกนี้ จำเป็นต้องใช้คนที่พูดภาษาเดียวกันหลอกคนที่พูดภาษาเดียวกัน หรือพูดง่ายๆ ก็คือถ้าอยากหลอกคนไทย ให้แนบเนียนที่สุด ก็ต้องใช้คนไทยมาหลอกคนไทย หากต้องการหลอกคนจีนก็ต้องใช้คนจีนมาหลอกคนจีน ทำให้ผู้เสียหายจากขบวนการเหล่านี้ ยิ่งเพิ่มขึ้นทวีคูณไปเรื่อยๆ นี้ ท่านนายกฯ เคยทราบหรือไม่ ว่าประเทศไทยได้กลายเป็นประตูสู่ขุมนรกของเครือข่ายสแกมเมอร์หรือคอลเซ็นเตอร์ไปแล้ว
ท่านนายกฯ อาจจะหยิบยกกรณีของเล้าก์ก่าย ว่าที่ผ่านมา รัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ สามารถช่วยคนไทยกว่า 500 คนออกจากเล้าก์ก่ายได้ แต่ในความเป็นจริง เราต้องยอมรับว่าการช่วยเหลือในครั้งนั้น เป็นผลโดยตรงมาจากความขัดแย้งขอสงครามกลางเมืองของกลุ่มชาติพันธุ์ และจากการริเริ่มของทางการจีน หากไม่มีการโจมตีเมืองเล้าก์ก่าย ตนไม่แน่ใจจริง ๆ ว่ารัฐบาลนี้จะให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือคนไทยมากน้อยแค่ไหน และต้องพูดให้ชัดเจนมากกว่านั้นว่า การช่วยเหลือคนไทยที่เป็นเหยื่อของ ขบวนการสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์นั้น ก็เรื่องนึง หากแต่การทลายเครือข่ายพวกนี้ เพื่อไม่ให้หลอกลวงคนไทยก็มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเราแทบไม่เห็นการเอาใจใส่ของรัฐบาลต่อกรณีนี้เลยแม้แต่น้อย
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ตนได้รับจากภาคประชาสังคม ยังพบว่าในเมืองเมียวดี มีบ่อนกาสิโนมากมายที่พ่วงสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์อยู่ในนั้นด้วย ดังนั้น เมื่อรวมกาสิโนริมชายแม่สอด กว่า 30 แห่ง และริมชายแดนอำเภอพบพระอีก 4 แห่ง จึงคาดว่ามีกาสิโนอยู่ประมาณ 34 แห่ง แบ่งกระจายเป็นหลายโซนในเมืองเมียวดี
นายรังสิมันต์ ยังได้ยกตัวอย่างในกรณีอื่นๆ และระบุว่า ยังมีอีกหลายโครงการที่มีความเป็นไปได้ว่าจะมีทำธุรกิจสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์อยู่ด้วย พร้อมเปิดคลิปวิดีโอที่แสดงถึงสภาพการทำงานของแก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งพบว่ามีการนั่งเป็นโต๊ะคอมยาวๆ หลายๆ โต๊ะใกล้กัน และเมื่อไหร่ก็ตามที่แรงงานเหล่านี้ทำอะไรผิดพลาด ก็จะมีการลงโทษ
นายรังสิมันต์ ตั้งคำถามว่า เราแปลกใจกันไหมว่า เพราะเหตุใดบรรดาธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ในเมียวดีจึงยังสามารถเจริญงอกงามต่อไปได้ แน่นอนเราอาจจะโทษได้ว่า เพราะสถานการณ์ความไม่สงบใน เมียนมา เราอาจจะโทษได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อิทธิพลของชนกลุ่มน้อยอย่าง BGF โดยไม่ขึ้นตรงกับรัฐบาลทหารเมียนมาแล้ว ซึ่งผู้นำของชนกลุ่มน้อยนี้ ก็เข้าไปมีผลประโยชน์ต่างๆ มากมาย โดยหนึ่งในผลประโยชน์สำคัญคือรายได้จากการปล่อยให้โครงการใหญ่ๆ อย่าง KK Park ชเวก๊กโก หรือ หวันหยา เช่าพื้นที่ และปิดตาข้างนึง ทำราวกับไม่รู้ว่าธุรกิจพวกนี้คือ การหลอกลวงเงินจากคนทั่วโลก แต่อีกด้านนึงที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ในเมืองเมียวดี ก็มีธุรกิจกาสิโนของคนไทยเช่นเดียวกัน อย่างน้อยๆ ก็ถึง 17 แห่ง ที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ หรือเป็นหุ้นส่วน พร้อมทั้งไล่เรียงเหตุการณ์ต่างๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับคนสำคัญในตำแหน่งต่างๆ
นายรังสิมันต์ ย้ำว่า พี่น้องประชาชนทราบไหมว่า บ่อนกาสิโนของคนไทยเหล่านี้ ข้ามไปเล่นง่ายมาก ไม่ต้องผ่านด่าน ตม.อะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องใช้พาสปอร์ต ไม่ต้องใช้ Border pass ไม่แม้แต่ต้องใช้บัตรประชาชน ใช้ช่องทางธรรมชาติที่มีเรือรับ ส่งซึ่งใช้งานไม่ได้ยุ่งยากอะไร ไม่ถึง 5 นาที ก็ถึงอีกฝั่งแล้ว หรือในช่วงน้ำแล้ง น้ำในแม่น้ำเมยสูงถึงแค่เข่า มากสุดก็แค่เอว เพียงแค่เดินย่ำน้ำข้ามแดนไม่กี่ก้าว ก็สามารถข้ามไปถึงเมียวดีได้อย่างง่ายดาย
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ความหละหลวมตามแนวชายแดนเช่นนี้ เป็นเพราะเครือข่ายอำนาจของบ่อนกาสิโนชาวไทย เป็นเส้นสายของคนมีสี จนทำให้เจ้าหน้าที่รัฐทำงานกันอย่างไม่มีประสิทธิภาพแบบนี้ แล้วอย่ามาบอกนะว่า ด่านชายแดนมันกว้าง ดูกันไม่หมด เพราะท่าเรือแบบนี้มันมีมานานแล้ว หลายๆ จุดมีการถมทราย เพื่อให้ง่ายต่อการขึ้นลงเรือข้ามไปอีกฝั่งนึง จนคนสงสัยว่าหน่วยงานราชการของเราได้ให้อนุญาตให้ทำแบบนี้หรือไม่ เรื่องนี้ชาวบ้านทุกคนรู้ นักท่องเที่ยวรู้ มีก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานกันขนาดนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบจะไม่ทำอะไรเลยหรือ รัฐบาลจะไม่ทำอะไรเลยหรือ เราจะปล่อยให้มีการเข้าออกที่ผิดกฎหมายแบบนี้อีกนานแค่ไหน หรือว่ารับเงินรายเดือนจนอิ่ม ไม่อยากไปทำหน้าที่อะไรอีกแล้ว
“นี่หรือเปล่า คือ เหตุผลที่แท้จริง ที่ทำให้การปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ แก๊งค์สแกมเมอร์มันทำได้ยาก เพราะหากปราบปรามพวกนี้ในเมียวดี ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคนไทยในเมียวดีด้วย”
นอกจากนั้น บรรดากลุ่มธุรกิจในเมียวดีที่ผิดกฎหมายยังสามารถใช้เครือข่ายคอนเน็คชั่นตรงนั้น เพื่อติดต่อมายังผู้มีอำนาจต่างๆ ในประเทศไทยได้ ดังที่เคยปรากฎว่า บริษัท หย่าไท้ เคยนำเสนอโปรเจคการพัฒนาต่อกรรมาธิการสถานบันเทิงครบวงจร ของสภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้ว นี่คือ ภัยคุกคามต่อประเทศชาติ ต่อคนไทย จากบรรดาธุรกิจดำมืดที่เกิดขึ้นห่างประเทศไทยไม่กี่เมตรเท่านั้น
นายังสิมัต์ ย้ำว่า ตนทราบดีว่า หลายท่านอาจจะบอกว่าเป็นเรื่องภายในของเมียนมา ที่ประเทศไทยควรจะต้องเป็นไผ่ลู่ลม ไม่เข้าไปแทรกแซง แต่ทุกท่านครับ ประเทศไทย คือ เหยื่อของเรื่องนี้ เรามีความเสียหายหลายด้านเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นคนไทยที่ถูกหลอกสูญเสียเงินจำนวนมาก หลายคนถูกหลอกไปเป็นแรงงานขบวนการค้ามนุษย์ และแม้แต่ประเทศไทยได้กลายเป็นเครื่องมือเพื่อนำไปหลอกคนทั่วโลก ที่สำคัญ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะในเมียนมา ประเทศไทย หรือกัมพูชา ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างหนังจีนเรื่อง No More Bets ที่ได้รับความนิยมมหาศาลจากชาวจีน กวาดรายได้กว่าหมื่นล้านบาท ภายใน 2 สัปดาห์ ทั้งนี้หนังเรื่องนี้ได้สร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของภูมิภาคอาเซียน และของประเทศไทยอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงความปลอดภัยในการมาเที่ยวประเทศไทย ยิ่งเมืองเมียวดี มีเขตติดต่อกับอำเภอแม่สอดเช่นนี้ ยอมส่งผลให้ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นปากประตูของนรกเมียวดี ย่อมส่งผลต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างแน่นอน
“พี่น้องประชาชนครับ ผมก็ไม่ทราบว่าสิ่งที่ผมเสนอในสภาฯ แห่งนี้ จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ เศรษฐา ทวีสินหรือไม่ แต่ผมขอใช้โอกาสนี้ในการเสนอเป็นข้อเสนอต่อรัฐบาล ซึ่งหากรัฐบาลเอาจริงเอาจังต่อการแก้ไขปัญหาตามที่ผมได้อภิปรายทั้งหมด ผมเชื่อว่าจะนำไปสู่การลดลงของบรรดาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ธุรกิจ สแกมมิ่งได้อย่างแน่นอน”
ประการที่ 1 เรามีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับในการจัดการดำเนินการไม่ว่าจะเป็นการทูต และการทหาร รัฐบาลสามารถศึกษาจากโมเดลของประเทศจีน ว่าเขาไปทลายเครือข่ายเหล่านี้ได้อย่างไร เขาเจรจากับรัฐบาลทหารเมียนมาอย่างไร เพื่อจัดการปัญหาสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์
ตนยืนยันกับรัฐบาลว่า การรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของคนไทยด้วย ความเสียหายของคนไทยจากการถูกสแกมและคอลเซ็นเตอร์นั้นมากมายมหาศาล เราต้องใช้เครื่องทุกเครื่องมือที่มีเพื่อสร้างความเป็นไปได้ในการทำลายล้างเครือข่ายพวกนี้ได้แล้ว นี่คือวาระแห่งชาติที่รัฐบาลต้องดำเนินการ
ประการที่ 2 เราจำเป็นต้องกลับมาทำให้พื้นที่ชายแดนของเรามีความมั่นคงปลอดภัย จุดผ่านแดนหลายจุดมีแค่เพียงศุลกากรเท่านั้น ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง จุดดังกล่าวถูกใช้ในการเดินทางเข้าออกเพื่อไปเล่นการพนัน หรือใช้เพื่อไปค้ามนุษย์ หรือทำงานสีเทาอื่นๆ ทั้งหลาย รัฐบาลต้องสั่งการให้มีการกวดขันและเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะกับบุคคลที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทยหรือเมียนมาร์ เช่น จีน หรือกลุ่มประเทศในแอฟริกาที่มักใช้จุดผ่านแดนเหล่านี้ ในการเข้าออก จากการทำหน้าที่ในกรรมาธิการความมั่นคงฯ พบว่าปัจจุบันทาง ตม. ไม่อนุญาตให้คนสัญชาติที่มิใช่ไทยหรือเมียนมาร์ผ่านด่านชายแดนอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีการลักลอบข้ามกันอยู่ ซึ่งขอยืนยันอีกครั้งว่าจุดผ่านแดนที่ลักลอบผ่านกันนั้น เจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่แม่สอดรู้อย่างแน่นอนว่าคือจุดไหน ดังนั้น ช่วยบังคับกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย
ประการ 3 ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต จะต้องไม่ตกไปอยู่ในมือของบรรดาคาสิโน และธุรกิจที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ ตั้งแต่ไฟฟ้าที่ไปถึงคิงส์โรมัน ไฟฟ้าที่ถูกนำไปใช้งานโดยกลุ่มว้าแดง จนถึงธุรกิจที่ผิดกฎหมายในเมียวดี หรือถ้าหากเป็นสัญญาณเน็ต ที่พึ่งเป็นข่าวไปว่าลากไปยังฝั่งกัมพูชา หากมาตรวจสอบที่ฝั่งเมียวดีด้วย รับรองว่าเจออีกเพียบแน่นอนครับ ประเทศไทยมีความจำเป็นที่จะต้องระงับเอาไว้ เพื่อป้องกันความเสียหายจากพวกสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ เราจำเป็นต้องทำให้บรรดาไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต และน้ำมัน ตกไปอยู่ในมือของเจ้าของบ่อนทั้งหลายให้น้อยที่สุด เครือข่ายพวกนี้อันตรายและเป็นภัยต่อประเทศไทย เราจะปล่อยให้ทรัพยากรที่ล้ำค่า ตกไปอยู่ในมือของผู้ที่นำทรัพยากรมาหลอกคนไทยไม่ได้
ประการที่ 4 ผมคิดว่าท่านนายกรัฐมนตรี จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ว่าคนเหล่านี้ร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ มีเส้นทางการเงินอย่างไร เพื่อที่จะนำไปสู่การตรวจสอบและเอาผิดกับข้าราชการที่ทุจริต เพื่อป้องกันไม่ให้บรรดาธุรกิจที่ผิดกฎหมาย สามารถดำเนินการได้สะดวก ผ่านการใช้เส้นสายทางราชการของประเทศไทยได้ต่อไป
ก่อนหน้านี้ เห็นท่านนายกฯ เดินทางไปที่กองบัญชาการไซเบอร์ ถ้าไม่ใช่เพราะคนในตร.แฉกันเอง และถ้าไม่ใกล้อภิปรายทั่วไป ก็ไม่ทราบว่าจะเห็นนายกเคลื่อนไหวเรื่องนี้หรือไม่ 30 วันที่ท่านนายกฯ สั่งการไป ’ผมจะรอนะครับ‘ และหวังว่าจะมีการขยายผลนำตัวการรายใหญ่ไปจัดการให้ได้ และยืนยันกับท่านนายกฯ อีกครั้ง ว่าเมียวดีนั้นสำคัญมาก ต้องจัดการให้ได้ และเรื่องนี้หากจะสำเร็จต้องอาศัยการร่วมมือกันของทั้งกระทรวงต่างประเทศ ตำรวจ และทหาร และหากเมียวดีไม่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์และแก๊ง สแกมเมอร์ คนไทยและคนทั่วโลกจะปลอดภัยมากขึ้นอย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้ ตามนโยบายที่ท่านนายกฯ เคยมาแถลงกับสภาฯ แห่งนี้ ว่าจะให้ความสำคัญกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และความปลอดภัยทางไซเบอร์ อะไรคือความคืบหน้า วันนี้ 7 เดือนชัดเจนแล้วครับ ว่าสิ่งที่ท่านเคยสัญญาเอาไว้ ท่านไม่ได้ทำในสิ่งที่พูดไว้แต่อย่างใด คำมั่นสัญญาซึ่งเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยว่า จะวางระบบป้องกันไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ผ่าน! โอเคท่านอาจจะบอกว่ายังไม่ได้ใช้งบเลย ขอทราบแผนเลยได้มั้ยครับ มีหรือเปล่าแผนที่จะป้องกันประชาชนจากการสแกมและคอลเซ็นเตอร์ ท่านจะใช้เทคโนโลยีเท่าทันเข้าสู้ ไม่ผ่าน! ไม่ปล่อยให้อาชญากรรมไซเบอร์ลอยนวล ไม่ผ่าน! ปกป้องประชาชนจากภัยไซเบอร์ ไม่ผ่าน! นี่หรือครับ คือ การทำงานของพรรคการเมืองที่คุยโม้โอ้อวดว่าประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ ตลอด 7 เดือนของรัฐบาลนี้ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องความมั่นคงปลอดภัยทั้งดิจิตอล การค้ามนุษย์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ผ่านอย่างสิ้นเชิง
แกงค์คอลเซ็นเตอร์ และการพนันออนไลน์ เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งที่ท่านนายกฯ 7 เดือน เศรษฐาได้เห็นเท่านั้น ยังมีการทารุณกรรม การเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ ค้าประเวณี ยาเสพติด การค้ามนุษย์ สิ่งผิดกฎหมายอีกมากมายที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งท่านนายกฯ ยังไม่ได้พูดถึงแต่อย่างใด รวมทั้งมาตรการที่จะแก้ปัญหาทั้งหมดนี้เราก็ยังไม่เห็นจากท่านนายกแต่อย่างใด
นายรังสิมันต์ ทิ้งท้ายว่า การจัดการธุรกิจพวกนี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องจัดการเมียวดี ที่เป็นศูนย์กลางของปัญหา ที่สร้างความเสียหายให้แก่คนไทยและทั่วโลก ดังนั้น การจัดการเมียวดีหรือไม่ เป็นโอกาสสำคัญของท่านนายกฯ ที่จะต้องไขว่คว้าไว้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเอาจริงเอาจังกับการจัดการอาชญากรรมข้ามชาติ ช่วยกอบกู้ภาพลักษณ์ของประเทศ จากปากประตูนรกเมียวดี สู่ประเทศที่มีบทบาทนำในภูมิภาค ในการจัดการกับปัญหาในเมียนมา แต่ถ้าไม่ ประเทศไทยก็ต้องเป็นปากนรกเมียวดี ที่ยังคงเกื้อหนุนเมียวดีต่อไป ภาพลักษณ์ประเทศไทย การท่องเที่ยวไทย และโอกาสดีๆ ของประเทศไทย ก็จะถูกทำลายลง นี่คือวาระแห่งชาติที่ท่านนายกฯฃมองข้ามไม่ได้อีกแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชี้ช่อง ‘รังสิมันต์’ เอาผิดนักโทษเทวดา สมุดบันทึกสีน้ำเงินเล่มใหญ่ หลักฐานมัดความผิดปกติ
ข้อมูลจากเอกสารสมุดบันทึก และรายงานจากแอพพลิเคชั่นไลน์แทน ถ้าไม่มีหลักฐานชิ้นนี้ สามารถสันนิษฐานได้เลยว่ามีเหตุผิดปกติเกิดขึ้น
ดิ้นหนัก! 'โรม' ชี้ 'พรรคประชาชนพม่า' เป็นเฟกนิวส์ ลั่นรักษาผลประโยชน์คนไทยมาตลอด
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน จัดแถลง Policy Watch ในเรื่องประเทศไทยควรทำอย่างไรกับปัญหาเมียนมา
จับแล้ว! 2 แม่ลูก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลูบคม 'ปธ.กมธ.ตำรวจ'
พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 (ผบก.สอท.5) พ.ต.อ.อุกฤช ศรีนิติวรวงศ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ
'จตุพร' ฟาดการเมืองต้มตุ๋น คำพูดตัวเองยังกล้าตระบัดสัตย์ ยังมีหน้าการันตีจะไม่เสียดินแดน
'จตุพร' ฟาดการเมืองต้มตุ๋น หลอกลวงอุดมการณ์ ลั่นแค่คำพูดตัวเองยังกล้าตระบัดสัตย์ ยังมีหน้าการันตีจะไม่เสียดินแดน ซัดทำเป็นอวดดีผูกขาดรักชาติ จี้เปิด MOU 44 พร้อมชำแหละสัญญาสัมปทานเชฟรอน 50 ปี
'โรม' ทุบโต๊ะต้องนิรโทษกรรมเหมาเข่ง! เหน็บถ้าได้เป็น 'คุณอ้วน ภูมิธรรม' วันนี้ คงรับตัวเองไม่ได้
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรั
'ชัยธวัช-ปชน.' ผิดหวังสภาคว่ำข้อสังเกตกมธ.นิรโทษฯ สะท้อนรัฐบาลขาดเอกภาพ
ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม นำโดย นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการฯ นายชัย