21 มี.ค.2567 - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วินัย ทองสอง กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีแต้งตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบความขัดแย้งบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า คณะกรรมการได้พูดคุยกัน และเล็งเห็นว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ จึงควรมีการสื่อสารให้ทราบความคืบหน้าการตรวจสอบ โดยที่มาของการตั้งคณะกรรมการ สืบเนื่องมาจากที่นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงเรื่องการแถลงข่าวโต้แย้งกันภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย จึงตั้งคณะกรรมการที่มีความเป็นกลางไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่ได้เป็นฝ่ายใดมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย หน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้คือจะทำความจริงให้ปรากฏว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างไร
“ใครทำผิดต้องได้รับผิด ใครทำถูกก็ต้องได้รับความบริสุทธิ์ ใครทำกรรมดีก็ต้องได้รับกรรมดี ใครทำชั่วก็ต้องได้รับกรรมชั่ว จะไม่มีการกลั่นแกล้งใส่ร้ายรังแกหรือช่วยเหลือผู้ใด รวมไปถึงถ้าประชาชนท่านใดมีเบาะแสหรือข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังตรวจสอบขอให้นำข้อมูลข่าวสารมาพบคณะกรรมการได้” กรรมการและเลขานุการ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าคณะกรรมการชุดนี้จะใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบมากเท่าใด พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ตามคำสั่งให้ระยะเวลา 60 วัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และยาว คณะกรรมการจึงต้องพยายามทำงานให้รวดเร็วและรายงานการตรวจสอบให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ พร้อมเก็บข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นนำเสนอ
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะตรวจสอบประเด็นใดบ้าง พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า เรื่องที่มีการแถลงโต้ตอบกัน เรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ของเว็บพนัน ซึ่งการทำความจริงให้ปรากฏต้องได้รายละเอียดว่าใคร ทำสิ่งใด อย่างไร ตนเชื่อว่าทางคณะกรรมการจะสามารถทำความจริงให้ปรากฏได้แม้จะไม่ได้ดูสำนวนการสอบสวน ซึ่งบางส่วนอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และบางส่วนอยู่ในชั้นศาล แต่ยืนยันว่า สามารถทำความจริงให้ปรากฏได้ เรามีวิธีการอื่นที่จะให้ได้มาถึงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง โดยขอความร่วมมือประชาชนจากประชาชนที่มีหลักฐานรวมทั้งชุดทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลในสำนวนการสอบสวน สามารถนำมามอบให้กับคณะกรรมการฯได้
“เรื่องดังกล่าวต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่ และมีบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก เราจึงมีการขอแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม และจะรายงานให้ทราบเป็นระยะว่าตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบข้อมูลส่วนใดบ้าง เบื้องต้นคณะกรรมการจะต้องพยายามทำให้ทันภายใน 60 วัน แต่ถ้าไม่ทันก็ต้องขยายระยะเวลา ซึ่งวันนี้เริ่มทำแล้ว แต่จะตรวจสอบทันก่อนที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เกษียณหรือไม่ ไม่สามารถตอบได้ วันนี้ข้อมูลต่างๆ เดินทางมาจนสุดแล้ว ฉะนั้นการดึงข้อเท็จจริงออกมา ตนคิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องยากของคณะกรรมการ“ พล.ต.อ.วินัย กล่าว
เมื่อถามว่าผลการตรวจสอบครั้งนี้จะเป็นอย่างไรต่อ พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ผลการพิจารณาจะสรุปและส่งให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา ว่าจะส่งให้หน่วยใดเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนของคดีความที่อยู่ในขั้นของป.ป.ช หรือคดีทางอาญาก็ดำเนินควบคู่กันไป ส่วนตัวคาดว่าผลสอบของกรรมการชุดนี้ น่าจะกลับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งในเรื่องนี้ที่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ขอยืนยันว่าไม่ใช่การซื้อเวลา แต่เนื่องจากประเด็นนี้ยังหาบทสรุปไม่ได้จึงต้องหาคนกลางมาทำงาน เพื่อไม่ให้มีใครมีส่วนได้ส่วนเสีย ส่วนขณะนี้ยังไม่พิจารณาการเรียกทั้งสองนายพลมาชี้แจง อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานในส่วนอื่นๆก่อน แต่อาจจะมีการเรียกมาสอบในช่วงท้ายของการทำงาน
พล.ต.อ.วินัย กล่าวอีกว่า คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นครั้งนี้ มีลักษณะการทำงานเหมือนชุดกรรมการพิเศษ ที่นำโดยนายวิชา มหาคุณ ศาสตราจารย์พิเศษสอบเรื่องเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือคดีบอส อยู่วิทยา โดยสุดท้ายมีผลการตรวจสอบ สามารถนำไปสู่การดำเนินคดีผู้กระทำผิดได้
เมื่อถามถึงกรณีที่นายพลทั้ง 2 ท่านออกมาแถลงว่าจะมีการปรองดองยุติข้อขัดแย้ง จะมีผลต่อการสอบหรือไม่ พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ไม่มีผลใดๆ ไม่มีมวยล้มต้มคนดู เมื่อถามถึงผลการตรวจค้นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ใช้กรรมการชุดเดียวกันนี้ พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ได้ทำการเสนอนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่าการใช้กำลังคน การใช้วิธีควรระมัดระวัง แต่ทั้งนี้การเข้าค้นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นไปตามกฎหมาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แอคชั่นทันที! นายกฯมาเอง ลงพื้นที่ห้วยขวาง สั่งสอบป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สน.ห้วยขวาง ติดตามสอบถามข้องเท็จถึงกรณีที่พบมีการติดแผ่นป้ายโฆษณาซื้อขายหนังสือเดินทางและพาสปอร์ตที่แยกห้วยขวาง พบว่ามีการขึ้นป้ายดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2567 เนื้อหาเป็นข้อความเกี่ยวกับการรับจ้างทำหนังสือเดินทาง
'บิ๊กต่อ' สั่งนครบาลสอบด่วน! ป้ายซื้อขายพาสปอร์ต ผิดจริงฟันแน่
'ผบ.ตร.' สั่งตรวจสอบที่มาของป้ายโฆษณาภาษาจีน รับทำหนังสือเดินทาง-ขอสัญชาติต่างๆ กำชับ สตม. ตรวจสอบ คัดกรองคนต่างด้าว เจอกระทำผิดฟันตามกฎหมายทุกมิติ
'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป
นายกฯ เดินสาย 9 วัด ทำบุญเข้าพรรษาวัดเทพศิรินทราวาส
นายกฯ ทวีตภาพทำบุญถวายผ้าไตรจีวร และสนทนาธรรมสมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส
เปิดผลสำรวจ 'เศรษฐา' อันดับ 1 ครองใจประชาชน พิธา ตามอันดับ 2
เปิดผลสำรวจ“เศรษฐา”อันดับ 1ครองใจประชาชน มองเป็น นักการเมืองที่มีบทบาท ผลงานโดดเด่น ถูกใจที่สุด ส่วน “พิธา” ได้ที่ 2
โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชฯ แก่ 'เศรษฐา ทวีสิน'
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ 20 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยา