การดูแลสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการดูแลชุมชนให้ทั่วถึง นั้นเป็นแนวทางสำคัญที่ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมจำเป็นต้องดำเนินการปฏิบัติ เพราะจะสามารถสร้างกลไกการเติบโตขององค์กรให้เข้มแข็งได้ โดยต้องยึดถือว่าจะลดผลกระทบและปัญหาที่จะเกิดขึ้นในชุมชนอย่างแท้จริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งแน่นอนว่าจากการดำเนินงานดังกล่าวจะทำให้องค์กรเป็นที่รักของชุมชน และสามารถอยู่คู่กันได้อย่างยั่งยืน เช่นเดียวกับแผนงานที่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญมาโดยตลอด
โดย นายปราโมทย์ หรรษมนตร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการผลิตสุรา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินงานภายใต้แนวคิดในการดูแลชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะตระหนักถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กรและดำเนินธุรกิจให้เติบโตควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านความยั่งยืน ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ความยั่งยืนของไทยเบฟที่ต้องการ “สรรสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน” (Enabling Sustainable Growth) ด้วยการกำหนดเป้าหมายและการวัดผลที่ชัดเจนในแต่ละด้านเพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติของการพัฒนา ขณะเดียวกันยังได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจในฐานะผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินงานของโรงงานทั้ง 18 แห่ง และโรงงานต่าง ๆ ในกลุ่มไทยเบฟ มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่ม ที่ตระหนักถึงความสำคัญของระบบบริหารคุณภาพ ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ สิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัย ความปลอดภัยในการทำงาน และการจัดการด้านพลังงาน โดยผู้บริหารและพนักงานทุกคนมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินกิจกรรมให้สอดคล้องกับมาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ (ISO 9001) มาตรฐานระบบการจัดการความปลอดภัยของอาหาร (ISO 22000) มาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (ISO 14001) มาตรฐานระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (ISO 45001) และระบบการจัดการด้านพลังงาน (ISO 50001)
ขณะเดียวกันบริษัทก็ได้มุ่งมั่นที่จะเดินหน้าด้านการพัฒนาชุมชนอย่างเข้มข้น จึงได้นำหลักเกณฑ์ของมาตราฐานแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงภาคอุตสาหกรรม (มอก.9999) ประยุกต์ใช้ให้เกิดการพัฒนาที่สมดุล ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก เข้ามาเป็นแบบแผนที่สำคัญในการสร้างการตระหนักรู้ของบุคลากรในองค์กร รวมไปถึงคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เองจึงสามารถสร้างงานและความร่วมมือต่าง ๆ มากมายให้เกิดขึ้นได้
นายปราโมทย์ กล่าวว่า การมี มอก.9999 เข้ามาทำให้เรามีความรู้ มีหลักการและแนวทางที่ชัดเจนในการสร้างความยั่งยืน และเสริมกระบวนการต่าง ๆ ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมานั้นสามารถเข้าไปดูแลใน 4 หลักการได้แก่ 1. ด้านบุคคลากร โดยบริษัทนั้นได้ดูแลทั้งคนในองค์กรและในชุมชนเป็นอย่างดี มีการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างการมีส่วนร่วมซึ่งกันและกันเปรียบเสมือเป็นครอบครัวเดียวกัน 2. ด้านเศรษฐกิจ ได้มุ่งเน้นไปที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน และให้คนในชุมชนสามารถดูแลตัวเองได้ จนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีรายได้สามารถนำกลับไปใช้ในครอบครัวและเกื้อหนุนกันได้
3.ด้านสังคม โดยจะมีแนวทางยึดถือซึ่งกันและกัน มีระเบียบและแบบแผนที่ทำร่วมกันโดยไม่สร้างผลกระทบให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่เบียดเบียนกัน และสามารถร่วมมือกันได้ โดยปัจจุบันเห็นได้ชัดว่าบริษัทไม่ใช่เป็นผู้ให้เพียงอย่างเดียว แต่คนในชุมชนเริ่มหันมาเป็นผู้ให้ต่อกัน มีการนำแรงมาช่วยเหลือกันอยู่เสมอ และ 4. ด้านสิ่งแวดล้อม เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมากโดยมีหลายโครงการที่จะมุ่งเน้นและดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการดำเนินงานของบริษัท ที่ตั้งงบลงทุนด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไว้กว่า 4,000 ล้านบาท ทั้งเป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้มีมาตรฐาน และดูแลสังคมชุมชน จนนำไปสู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ในอนาคต ผ่านโครงการ Net Zero Emissions โดยเฉพาะในกลุ่มโรงงานที่เดิมอาจจะสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อ, จึงได้มีการจัดระเบียบทั้งภายในและภายนอกองค์กรสู่ความยั่งยืนให้ได้ตามกำหนดการ โดยสร้างจิตสำนึกให้พนักงานมีความตระหนัก และรับผิดชอบต่อคุณภาพ ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ รักษาสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน รวมทั้งการอนุรักษ์พลังงาน โดยจัดให้มีการฝึกอบรมแก่พนักงานและถ่ายทอดให้กับบุคคลที่ทำงานให้กับองค์กร รวมถึงสนับสนุนการออกแบบ จัดซื้อ จัดหาเครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์การผลิต และบริการอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อการปรับปรุงสมรรถนะด้านคุณภาพ ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ การจัดการสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และการจัดการด้านพลังงาน ตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ด้วยเหตุนี้เองโรงงานในกลุ่มไทยเบฟจำนวน 18 แห่ง จึงได้รับมอบประกาศนียบัตรผ่านการทวนสอบตาม มอก.9999 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของผู้บริหารและบุคลากรขององค์กรในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง อันเป็นพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพ ความรู้ ความสามารถของทุกระดับ เริ่มตั้งแต่ตนเอง ครอบครัว ชุมชน หรือประเทศชาติ ให้สามารถรับมือได้กับทุกการเปลี่ยนแปลงในสังคม สิ่งแวดล้อม รวมถึงเศรษฐกิจและเป็นส่วนสนับสนุนแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียควบคู่ไปกับเจตนาในด้านความรับผิดชอบต่อพนักงาน สังคม และสิ่งแวดล้อม
นายปราโมทย์ กล่าวว่า เราภาคภูมิใจ ที่ได้สร้างสมดุลที่มั่นคงยั่งยืน จนเกิดความสุขทั้งในระดับองค์กรและระดับบุคคล รวมถึงชีวิตครอบครัว ธุรกิจ และชุมชนรอบด้านให้มีการเติบโต มีภูมิคุ้มกันที่ดียึดมั่นในการปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นสูงสุดด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล โดยกำหนดเป้าหมายที่วัดผลได้อย่างชัดเจนในแต่ละด้านเพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติของการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างครบถ้วน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯอิ๊งค์ ยืนยันจุดยืนรัฐบาล ไม่มีเจตนาแทรกแซงกองทัพ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ว่า เรื่องนี้มีความคิดเห็นต่างกันอยู่แล้วก็ต้องรับฟังทุก
อ้าว! 'อมรัตน์' สมเพช 'นักโต้วาที' เมาตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ
นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ “เจี๊ยบ” อดีตสส.ก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก Amarat Chokepamitkul อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” ถึงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
'ไอซ์ รักชนก' รอดศาลไม่เพิกถอนปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี 112
'ไอซ์ รักชนก' รอดศาลไม่เพิกถอนปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี 112 ระบุเป็นการแสดงความเห็นทั่วไป เเต่สั่งกำชับ ปฏิบัติตามเงื่อนไขเคร่งครัด
ท้านายกฯอิ๊งค์ ถ้าให้เกียรติสภา ควรมาตอบกระทู้สดผู้นำฝ่ายค้าน
'ปธ.วิปค้าน' ลั่น 'หัวหน้าเท้ง' ถามกระทู้สดนายกฯ แน่นอน ข้องใจทำไมต้องแถลงผลงานวันเดียวกัน ทั้งที่รู้ล่วงหน้าแล้ว เหน็บ 'อิ๊งค์' ถ้าเห็นความสำคัญสภา สะดวกตอบสัปดาห์ไหนก็พร้อมเสมอ
นายกฯ อิ๊งค์รับลางานไปสัมมนาพรรคที่หัวหิน!
'นายกฯอิ๊งค์' เผยลางานร่วมสัมมนาเพื่อไทย 13 ธ.ค.นี้
'ปิยบุตร' ท้านักการเมืองเขียนไว้ในรธน. 7 แนวทาง สกัดรัฐประหาร สำเร็จหรือไม่ต้องลองดู
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ความคิดของนักการเมืองที่เชื่อว่ากฎหมายไม่สามารถป้องกันรัฐประหารได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า นักการเมืองไม่จำเป็นต้องตรากฎหมายเพื่อป้องกันรัฐประหาร