“บิ๊กโจ๊ก” แถลงโต้เดือดยันยังไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเป็นเพียงการตั้งข้อสังเกต เชื่อระบบไต่สวนของ ปปช.รอบคอบกว่าระบบกล่าวหาของตำรวจ ยันไม่มีเส้นเงินเกี่ยวพันคดีมินนี่ ซัดกลับ “รองเต่า”ยศอะไรไปกดดัน ปปช.เหิมเกริม ออฟไซด์ ท้าให้ยศใหญ่ออกมาพูดอย่าเป็นอีแอบ
22 ก.พ.67 ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.แถลงปมเกี่ยวพันคดีเว็ปพนันออนไลน์”มินนี่”โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ย้อนไทม์ไลน์คดีว่า คดีแรกเริ่มตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านของตน มีการปกปิดข้อเท็จจริงที่ศาล มีเพียงการบอกบ้านเลขที่แต่ไม่บอกว่าเป็นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถ้าศาลเขารู้ว่าเป็นบ้านของผมศาลต้องตรวจสอบไม่ได้ออกหมายค้นง่ายๆแบบนี้ และการขอศาลออกหมายจับลูกน้องของตนทั้ง 8 คน ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ก็ใช้ชื่อว่านาย ประกอบอาชีพรับจ้างเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงข้อเท็จจริงให้ศาลทั้งหมด ถ้าเป็นข้าราชการต้องไปขอหมายที่ศาลทุจริตกลางเท่านั้น ที่ไม่ไปขอที่สาลทุจริตกลางเพราะการขอหมายต้องไปใส่ยศ ที่ไม่ใส่เพราะเกรงว่าศาลจะไม่ออกหมายจับให้ เพราะมีหลักแหล่งที่แน่นอนนต้องออกหมายเรียกก่อน พร้อมทั้งมาขอหมายศาลค้นบ้านตนที่ศาลอาญากลางโดยไม่บอกว่าเป็นบ้านผมเลยเพียงบอกบ้านเลขที่ แต่ถ้าไปดูข้อบังคับของศาลฎีกา ระบุว่าต้องสืบสวนสอบสวนให้รู้เจ้าของบ้านคนที่พักคือใคร ถ้าไม่รู้วิชาสืบสวนตก ชี้ให้เห็นถึงพิรุธที่ไม่ตรงไปตรงมา
เมื่อค้นบ้านตนแล้วมีการออกหมายจับลูกน้องตนทั้งหมด จากนั้นมีการสั่งสำนวนคดีดังกล่าวแจ้งข้อกล่าวหาส่งไปที่พนักงานอัยการ ไม่มีการแจ้งข้อข้อกล่าวหาตน วันดีคืนดีอาทิตย์ที่แล้วสื่อมวลชนโทรมาถามเขาจะเรียกผมไปแจ้งข้อกล่าวหาวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา ผมได้บอกไปว่าไม่มี แล้วก็มีเอกสารการสอบสวนในสำนวนที่มีชื่อตนหลุดออกมาทีละนิดทีละหน่อย เพื่อให้ผมเสียชื่อเสียง ป่านนี้ยังไม่มีการเรียกไปแจ้งข้อหาเลย ขออธิบายว่าสำนวนเมื่อส่งไปยังพนักงานอัยการแล้วพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว จะสอบสวนได้อย่างเดียวคืออัยการสั่งสอบเพิ่มเติม ถ้าอัยการไม่สั่งสอบเพิ่มพนักงานสอบสวนสอบไม่ได้ แจ้งข้อกล่าวหาไม่ได้ แต่มีบางสื่อนำเสนอว่าอัยการสั่งสอบเพิ่มในประเด็น คือ ตรวจสอบความเคลื่อนไหวทางผู้ถือบัญชีม้าว่าสอดคล้องกันหรือไม่ และสิ่งสำคัญคือข้อมูลจากการตรวจสอบยืนยันการกระทำความผิดของผู้ต้องหารายใด สรุปง่ายในฐานะนักกฎหมาย ประเด็นที่เขาแทงมาสอบเพิ่มเพราะอัยการเขางงว่าผิดตรงไหน ไม่ได้ให้ฉกฉวยโอกาสเอาไปอ้างว่าอัยการให้แจ้งข้อหาเพิ่ม
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผยต่อถึงกรณีที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ออกมาแถลงเรื่อง ปปช. และสื่อก็นำเสนอมีการแจ้งข้อกล่าวหาตน ม.157 และ 149 และอยากให้ ปปช.ส่งสำนวนกลับมาให้ตำรวจทำเพราะทำไปเยอะแล้ว ขออธิบายว่า ท่านน่าจะสำคัญผิดหรือเหิมเกริมหรือน่าจะออฟไซด์ เพราะต้องเข้าใจว่าสำนวนนี้ส่งไป ปปช.ตั้งแต่ปีที่แล้ว แน่นอนท่านกล่าวหาตนและลูกน้องอีก 4 คน ต้องเรียนว่า ปปช.เป็นหน่วยงานตรวจสอบทุจริตโดยตรง เป็นระบบไต่สวนซึ่งรอบคอบกว่าระบบกล่าวหาของตำรวจ และสำนวนคดีนี้ส่งไป ปปช.ตั้งแต่ปีที่แล้ว อยู่ๆวันนี้คึกคักอยากไปเอากลับมา มีการทำหนังสือไปถึง ปปช.จะเอาสำนวนกลับแล้วไปแถลงบอกว่า ปปช.ต้องส่งมาให้ตำรวจ “คุณยศอะไร” ไปแถลงข่าวกดดัน ปปช.เขาได้อย่างไร คุณเป็นใคร ระบบไต่สวน ปปช.เขามีความน่าเชื่อถือมากกว่า หรือไม่มากกว่าระบบกล่าวหาตำรวจ คุณใหญ่โตมายังไงไปกดดัน ปปช. แล้วพูดได้อย่างไรส่งมาให้ตำรวจ ตำรวจทำเร็วกว่า พูดอย่างนี้ไปดูถูกกการทำงาน ปปช.หรือเปล่า
ที่รองผู้บัญชาการบอกว่าตำรวจทำไปเยอะแล้ว ถ้าคุณทำไปเยอะแล้วจะกังวลอะไร ทำไมต้องเอากลับมา ปปช.เป็นหน่วยงานตรวจสอบทุจริตโดยตรง มีความรอบคอบและในศาลสำนวน ปปช.การพิจารณาของศาลที่ ปปช.ไต่สวนให้ถือสำนวน ปปช.เป็นสำนวนหลัก แต่ระเบียบตำรวจไม่มี ในการพิจารณาของศาลมีระเบียบว่าให้ถือสำนวนที่ ปปช.ไต่สวนเป็นหลัก เพราะมีความน่าเชื่อถือ แล้วคุณเป็นใคร ยศอะไรไปแถลงกดดัน ปปช. ใหญ่โตมาก เขาเรียกว่าออฟไซด์ ปปช.เขามีองค์คณะถึง 9 คน มีทั้งศาล อัยการ แสดงว่าคุณไม่เชื่อมั่นการไต่สวนของ ปปช.หรือเปล่า
การที่บอกว่าที่ส่งเรื่องของผมไปทั้งหมด เปรียบเทียบเหมือนบัตรสนเท่ หรือใบปลิวหรือการร้องเรียนไป ปปช. ไม่ใช่ว่า ปปช.เขาจะรับเลย เขาต้องตรวจสอบก่อนว่ามีมูลหรือเปล่า ถ้าไม่มีมูลเพียงพอเขาก็ไม่รับตีตกไป ถ้ามีมูลเบี้องต้นก็ต้องแสวงหาข้อเท็จจริง ถ้ามีมูลถึงจะเริ่มตั้งไต่สวนถึงจะแจ้งข้อกล่าวหา หากแจ้งข้อกล่าวหากฎหมาย ปปช.ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จะเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ก็เมื่อ ปปช.ชี้มูล กระบวนการเขารอบคอบมากกว่า การที่ส่งเรื่องกล่าวหาตนไปที่ ปปช.เป็นเพียงการตั้งข้อสังเกตุเท่านั้น ฝากไปยังสื่อมวลชนที่เสนอข่าวตามที่เขาพูดว่าแจ้งข้อหาตนให้ไปลบออก เพราะหลังจากแถลงข่าวครั้งนี้ถือว่าท่านรับรู้แล้ว ถ้ายังไม่ลบออกทนายต้องทำหน้าที่ เราต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือของคนไม่ดี ผมไม่ได้เอ่ยชื่อใครพูดไปเรื่อยเปื่อย
รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ตนทำคดีมาเยอะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนมาเยอะ ดำเนินคดีตำรวจ ตม.107 นาย ส่งสำนวนไป ปปช.ก็ไม่เคยออกมาแถลงข่าว วันนี้ตำรวจ ตม.107 นาย เป็นแค่ข้อสังเกตไม่รู้ว่า ปปช.จะรับหรือไม่รับ ถ้าพิจารณาไม่ผิดก็ต้องตีตก มันต้องมืออาชีพดำเนินคดีแล้วต้องให้ความเป็นธรรมเขาไปต่อสู้เอาตามกระบวนการยุติธรรม ปปช.เป็นระบบไต่สวน ตำรวจเป็นระบบกล่าวหา ผมกำลังชั่งน้ำหนักว่าอันไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน สำนวนส่งไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ปปช.ไม่ได้ส่งสำนวนกลับมา ผมคิดเอาเองว่า ปปช.คงคิดว่าตำรวจทะเลาะกันเอง ปปช.เขาไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของตำรวจหรอก เพราะเขาเป็นหน่วยงานที่ผดุงความยุติธรรมตรวจสอบการทุจริตโดยตรง แล้วไปพูดอย่างนี้มันเสียหาย วันนี้สรุปไม่มีการแจ้งข้อตนใดๆทั้งสิ้น ผมยังเป็นผู้บริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม มีการแจ้งเฉพาะลูกน้องตนเท่านั้น
คณะพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวมีประมาณ 200 กว่าคน ดำเนินคดีคน 8 คน จะมากี่คนไม่ว่าต้องย้อนไปดูดีๆเดียวจะติดคุกกันหมด ตนสอนให้ฟัง วันนี้ตนขุดหลุมไว้ตอนนี้เริ่มตกไปครึ่งตัวแล้ว ท่านรู้หรือเปล่าว่าสำนวนที่ท่านยกำลังทำท่านมีอำนาจหรือเปล่า อย่างที่ท่านรองผู้บัญชาการทรงพลังบอกว่ามีเงิน 300-400 ล้าน จะบอกว่าคดีมูลฐานที่มีเงิน 300ล้านขึ้นไปมันเป็นอำนาจของดีเอสไอ เขารเรียกเป็นคดีพิเศษไม่มีอำนาจสอบสวนจะติดคุกกันหมด จึงถามกลับว่าคุณมีอำนาจหรือเปล่า มีอำนาจสอบสวนหรือเปล่า สำนวนต้องส่งไปดีเอสไอ ผมเป็นห่วงน้องๆหลายคน วันหน้าไม่ไม่มีอำนาจคุ้มครองจะต้องต่อสู้โดดเดี่ยวและลำพัง ถ้าตัดสินใจผิดก็เรียบกลับตัวกลับใจถอนตัวยังไม่สาย ถ้าทำไปโดยไม่มีอำนาจจะลำบาก ไม่มีทางหาผู้บังคับบัญชาแบบผมได้ ผมไม่ทิ้งลูกน้อง 8 คน ถ้าลูกน้องของผมผิดก็ต้องรับผิดว่ากันไปตามกระบวนการ ไม่ใช่มาโยงถึงผมให้เสียชื่อเสียงเพื่อหวังเรื่องสำคัญคิดการใหญ่ไว้ ยิ่งทำสังคมยิ่งรู้ องค์กรมันจะพังไปใหญ่
“การที่รองผู้บัญชาการมาแถลงเรื่องนี้วานนนี้ ถ้าผมเป็น ปปช.ก็ต้องมองว่าออฟไซด์ ลากองค์กรไปทะเลาะกับเขาด้วย วิงวอนว่ากรุณาอย่าให้ยศน้อยๆออกมาพูดให้ยศสูงออกมาพูดบ้าง ต้องแมนๆแบบผมไม่มใช่เป็นอีแอบ ฝากถึงตำรวจทุกคนวันนี้มาแข่งกันทำงานดีกว่า อย่าอิจฉาริษยา ยศตำแหน่งเป็นเรื่องของบุญวาสนาเป็นการทำงานให้แผ่นดิน” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงสำนวนการสอบสวนของที่หลุดออกมาว่า หลุดออกมาได้อย่างไร ผมเคยทำมาคดีมาเยอะแต่ไม่เคยทำแบบนี้ ทำแบบนี้ผิดข้อมูล พ.ร.บ.ข่าวสารและระเบียบเรื่องความลับของราชการ หัวหน้าพนักงานสอบสวนต้องรับผิดชอบ เช้านี้ลูกน้องตนก็ไปยื่นฟ้อง พล.ต.อ. ท่านหนึ่ง
สุดท้าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รอง ผบ.ตร. ยืนยันว่าไม่มีเส้นทางการเงินพนันออนไลน์สักเส้นเข้ามาที่ผม มีแต่ผมจบดำเนินคดีตามเรื่องร้องเรียน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อัยการคดีพิเศษ พิจารณายื่นศาล ขอริบทรัพย์ 'โจ๊ก' และพวก ตกเป็นของเเผ่นดิน
มีรายงานว่า พนักงานสอบสวน ปปง.ได้ยื่นคำร้องขอให้พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษยื่นคำร้องต่อศาลขอยึดทรัพย์สิน พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล และพวกรวม 3
'อนุทิน' แจงรูปคู่ 'ทนายตั้ม' บังเอิญเจอกันที่ฮ่องกง อย่าโยงมั่วเอี่ยวเว็บพนัน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ชี้แจงกรณีปรากฏภาพถ่ายกับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิดที่ฮ่องกง ว่าเป็นภาพเก่าตั้งแต่ปีที่แล้วช่วงหลังเลือกตั้ง ซึ่งตั้งตนเดินทางไปกับครอบครัวและนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ
'แม่เสี่ยโป้' คอตกนอนคุก คดีเว็บพนัน-ฟอกเงิน หลังหลบหนีนานกว่า 3 ปี
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน กก.1 กองบังคับการปราบปราม คุมตัว น.ส.บานเย็น ชาญนรา อายุ 51 ปี มารดาของนายเสี่ยโป้ อานนท์ เป็นผู้ต้องตามหมายจับศาลอาญา คดี “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น
'ภูมิธรรม' รับ 'บอสพอล' มาบรรยายให้ความรู้กำลังพล แต่ไม่เกี่ยวดิไอคอน อย่าโยงมั่ว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึง กรณีที่มีภาพผู้ต้องหาคดี ดิไอคอน บางคนได้มาอบรมให้กับกำลังพล ว่า กรณีของแชร์ลูกโซ่ดังกล่าว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษ
'ดีเอสไอ' แถลงรับคดี 'ดิไอคอน' เป็นคดีพิเศษเฉพาะความผิดฐานฟอกเงิน
พ.ต.ต.ยุทธยา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงกรณี บริษัท ดิไอคอน ว่า ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเฉพาะความผิดอาญาฐานฟอกเงินเท่านั้น ซึ่งเป็นการดำเนินคดีกับผู้ที่โอนหรือรับโอนทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)
ตำรวจกองปราบบุกรวบ 'แม่เสี่ยโป้' ชักชวนเล่นพนันออนไลน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป.ร่วมกันจับกุม น.ส.บานเย็น อายุ 51 ปี แม่เสี่ยโป้ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 240/2564 ลงวันที่ 3 ก.พ.64 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มี