ชวนมองประเทศ หลัง'ทักษิณ'พักโทษ รู้เท่า(ทัณฑ์) กลการเมือง เปิดแผลแผนบริหารโทษ และปิดทางโมเดล 'ทัณฑ์ทิพย์'
ในจำนวนผู้ต้องราชทัณฑ์ 930 คน (**เสนอขอพิจารณา 945 คน) ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะอนุกรรมการพักโทษให้ได้รับสิทธิ์พักโทษตามกฎหมายราชทัณฑ์มาตรา 52 มีรายชื่อของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เป็นหนึ่งในนั้น กล่าวคือ นายทักษิณเป็นผู้เข้าคุณสมบัติรับโทษมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน หรือ 1 ใน 3 / เจ็บป่วยร้ายแรง พิการ มีอายุเกิน 70 ปี ท่ามกลางข้อเคลือบแคลงใจของสังคมหลายประเด็น และสัญญาณไม่ยินยอมต่อความคลุมเครือนี้ในรูปแบบต่างๆ
โดยหากย้อนเส้นทางสู่วิถีทัณฑ์ของนายทักษิณ นับตั้งแต่ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศในรอบ 17 ปี เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไทย ทั้งที่ระหว่างพำนักต่างแดนแสดงท่าทีไม่ยอมรับมาตลอด ต่อเนื่องสู่กระบวนการบริหารโทษที่ไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว โดยมีสิทธิผู้ป่วยป้องกันการเปิดเผยข้อมูล กระทั่งได้รับสิทธิ์พักโทษ เข้าเกณฑ์ไม่ต้องติดกำไลอีเอ็ม ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกตั้งข้อสังเกตว่า นี่คือ โมเดลการใช้อำนาจเป็นตั๋วผ่านหมุดยุติธรรมที่ ‘มีการออกแบบมาแล้ว’ (ซึ่งแม้ว่าจะมีคดีตาม ม.112 จ่ออายัดตัวต่อคดี ก็ไม่น่าจะเป็นผลบวกลบต่อการรับโทษนัก) ทั้งยังมีโอกาสใช้โมเดลนี้กับนักโทษการเมืองระดับนายกรัฐมนตรีหากต้องโทษในอนาคตอีกหรือไม่ ในแง่หนึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นยังสะท้อนว่า เราเดินมาถึงจุดที่หลักนิติธรรมสามารถบิดเบี้ยวได้ หากสอดคล้องกับจุดประสงค์ทางการเมืองของผู้ที่อยู่ในอำนาจแล้วหรือไม่ ? หรือนี่จะเป็นแนวทางที่เอนอ่อนต่อปัญหาความขัดแย้งที่ฝังรากลึกมานาน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทิศทางการเมืองหลังนายทักษิณได้รับการพักโทษก็ถูกจับตาเป็นพิเศษ ไม่เฉพาะในไทย สื่อต่างประเทศหลายสำนักก็วิเคราะห์และรายงานอย่างหลากหลาย โดยมุ่งเป้าไปที่พรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และนายเศรษฐา ทวีสิน ตลอดจนความเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ยากเกินกว่าจะคาดเดาได้ แล้วอะไรบ้างที่น่าจะเกิดขึ้น และจะส่งผลต่อการเมืองวิถีไทยอย่างไร
ทั้งหมดนี้ คือประเด็น ‘ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์’ ที่สำนักข่าวไทยโพสต์ จะหยิบยกมาต่อยอดสู่กิจกรรมเปิดบ้านเสวนาจิบชายามบ่าย ที่มีชื่อว่า ทอล์ก ออฟ เดอะ ที ในตอน... จากทัณฑ์ทิพย์ สู่ทิศทาง(การเมือง)ไทย ด้วยความตั้งใจที่จะเปิดพื้นที่ ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ต่อยอดสื่อสารสร้างความเข้าใจต่อสังคม โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรมากประสบการณ์ 3 ท่าน ได้แก่
- คุณจตุพร พรหมพันธุ์
วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน
- ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ม.รังสิต
- คุณนันทิวัฒน์ สามารถ
อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
ดำเนินรายการโดย : สำราญ รอดเพชร
คลิ๊กเพื่อลงทะเบียนร่วมงาน : https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSfiDH7_MVFj7BfdCgsCiJOERqkPVX9TBAHmD3PwLJjv-kV63Q/viewform?usp=sharing
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ซัด‘ทักษิณ’จุ้นขอถอนฟ้องนายกฯ
ถล่มเละ! บทบาท “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ไปขอ “เสรีพิศุทธ์” ถอนฟ้องคดี “เศรษฐา” ตั้ง “บิ๊กต่อ” เป็น ผบ.ตร.
เตือน 'ทักษิณ' มีบทบาทการเมืองมากเกิน จะกระทบภาวะผู้นำของ 'เศรษฐา'
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ยอมรับว่า สาเหตุที่ไปถอนฟ้องนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตามความผิด ม.157 กรณีเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศั
เพื่อไทยอัด 'ปิยบุตร' เกินไปแล้ว ย้อนถามถ้า 'ชาญ' แพ้จะมีใครมาไล่บี้หรือไม่
นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้วและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เมื่อว
ไทยในสายตาต่างชาติ: สมัยรัชกาลที่เจ็ด (ตอนที่ 30: การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475)
ผู้เขียนขอหยิบยกรายงานจากสถานทูตอื่นๆที่มีต่อเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครองต่อจากตอนที่แล้ว โดยผู้เขียนได้คัดลอกมาจากหนังสือ
'ปิยบุตร' ดักคอพรรคจ้องดูด สส.งูเห่า เอาไปก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อเสถียรภาพรัฐบาล
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ สัดส่วนพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมนัดแรก
'อนาคตไกล' คลี่ปม 'ลุงชาญ' กรณีการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
“อนาคตไกล” คลายปม “ชาญ พวงเพ็ชร”การสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นดุลพินิจของศาล คำชี้ขาดคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ผูกพันองค์กรอื่น