ในหลวง-พระราชินี ทรงรับผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลียและภริยา ในโอกาสเยือนไทย

14 ก.พ.2567 - เวลา 19.22 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ทรงรับ พลเอก เดวิด เฮอร์ลีย์ (His Excellency the Honourable General David Hurley AC DSC) ผู้สำเร็จราชการ แห่งเครือรัฐออสเตรเลีย และนางลินดา เฮอร์ลีย์ (Her Excellency Mrs. Linda Hurley) ภริยา และพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำ ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 13 -17 กุมภาพันธ์ 2567

ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานขันน้ำพร้อมพานรองถมตะทองลายพุดตานใบเทศมีพระปรมาภิไธย วปร. ประดับเพชร บรรจุในกล่องผ้าไหมลายลูกแก้วสีครีม แก่ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย และพระราชทาน ตลับทรงรีถมตะทองลายพุดตานใบเทศมีพระนามาภิไธย สท. ประดับเพชร บรรจุในกล่องไม้ปิดทองคำเปลวเขียนลายนางในวรรณคดี แก่ภริยาผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย และผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายภาพร่างด้วยหมึกรูปอาคารต่าง ๆ ในวิทยาลัยการทหารดันทรูน เครือรัฐออสเตรเลีย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายต่างหูมุก แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี

พลเอก เดวิด เฮอร์ลีย์ ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ลำดับที่ 27 ตั้งแต่พุทธศักราช 2562 โดยในอดีต เคยดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ประจำรัฐนิวเซาท์เวลส์ และผู้บัญชาการทหารสูงสุดเครือรัฐออสเตรเลียมาก่อน และเคยเป็นพระสหายร่วมชั้นเรียนกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ วิทยาลัยการทหารดันทรูน เครือรัฐออสเตรเลีย เครือรัฐออสเตรเลียมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ เป็นประเทศในเครือจักรภพของสหราชอาณาจักร มีพระประมุขแห่งรัฐ คือ สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 (His Majesty King Charles III) แห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ

การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการระหว่างประเทศไทยและเครือรัฐออสเตรเลีย เริ่มต้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2495 และได้ร่วมกันเฉลิมฉลองวาระครบ 70 ปี เมื่อปี 2565 โดยทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปอย่างราบรื่นและใกล้ชิดเสมอมา นับตั้งแต่การเสด็จพระราชดำเนินเยือนเครือรัฐออสเตรเลียอย่างเป็นทางการของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม - 12 กันยายน 2505 และเมื่อเดือนสิงหาคม 2513 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเข้ารับการศึกษาวิชาการทหารในระดับเตรียมทหาร ณ คิงส์สกูล เขตพารามัตตา นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย

จากนั้น ทรงเข้ารับการศึกษาวิทยาลัยการทหารชั้นสูง ที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน กรุงแคนเบอร์รา เมื่อเดือนพฤษภาคม 2515 ต่อมาทรงได้รับสัญญาบัตรยศเมื่อเดือนธันวาคม 2518 ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นจวบจนปัจจุบัน ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับเครือรัฐออสเตรเลียครอบคลุมด้านต่าง ๆ ทั้งในด้านการเมือง ความมั่นคง และเศรษฐกิจ รวมถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม การศึกษา การสาธารณสุข การเกษตร สิ่งแวดล้อม และการเชื่อมโยงระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศอีกด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จเด็จ'ยอมรับนัดชิงU16 เจอออสซี่งานหนัก 'มาดามแป้ง'ขอบคุณรัฐฯNBTถ่ายสด

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.00 น. ณ ห้องแถลงข่าว ณ มานาฮาน สเตเดียม ในเมืองสุราการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ จัดงานแถลงข่าวก่อนการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี รอบชิงชนะเลิศ

ธพส. ร่วมบันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 นายนาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด หรือ DAD Asset Development นายธีธัช สุขสะอาด และนายประณต เลิศมีมงคลชัย

นายกฯ ติดตามความก้าวหน้าการจัดขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค

นายกฯ ติดตามความก้าวหน้าการจัดขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค และความก้าวหน้าในการประดับตกแต่งเรือพระที่นั่ง ชื่นชมแผนต่อยอดการท่องเที่ยว สอดคล้องนโยบายรัฐบาล

ในหลวง พระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาน สวัสดิวัตน์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาน สวัสดิวัตน์ ป.จ.,ม.ป.ช.,ม.ว.ม.,ว.ป.ร.2 ณ ศาลาบัณณรศภาค วัดเบญจมบพิตร

'ในหลวง พระราชินี' เสด็จฯ ในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิตไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย