‘ศิริกัญญา’ ทวงคำพูด รัฐบาล’ บอกวิกฤต แต่กลับเอาชะตากรรมเศรษฐกิจไปผูกไว้กับนโยบายเดียว ย้ำ ต้องมีแผนสำรอง เผื่อ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ สะดุด ชี้ หากสุดท้าย ดัน ‘พ.ร.บ.เงินกู้’ ไม่ผ่าน อาจ ’ลดขนาดโครงการ-ใช้งบฯ 68‘ แทน
11 ก.พ.2567-น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีรัฐบาลเตรียมเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตท่ามกลางเสียงคัดค้านควรมีแผนสำรองไว้หรือไม่ ก่อนประชุมคณะกรรมการโครงการนโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตในวันที่ 15 ก.พ.นี้ ว่า แน่นอนว่าควรมีแผนสำรองไว้รองรับ เพราะเราก็ทราบกันดี แนวทางที่รัฐบาลดำเนินการมีความเสี่ยง อย่างแรก หากประเทศไทยมีปัญหาเศรษฐกิจ ที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ต้องมีมาตรการออกมารองรับ ณ วันนี้แล้ว ไม่ใช่รอให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตออกมา แล้วจะสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ไม่ใช่เราไม่เห็น ว่ารัฐบาลกำลังช่วยฟื้นเศรษฐกิจประเทศ แต่ผลที่จะทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นมีอยู่น้อยเหลือเกิน จนถึงวันนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าจะออกหน้าไหน เรายังต้องลุ้นต่อว่าคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ จะมีมติในทางไหน
“เราก็ไม่รู้ว่าในท้ายที่สุดแล้ว หากดำเนินโครงการไปแล้ว จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อย่างมีคนนำเรื่องไปร้องเรียนหรือไม่ ถึงแม้ว่ากฎหมายจะผ่านสภาฯ ได้ แต่ก็อาจจะติดที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็จำเป็นที่จะต้องมีแผนสำรองไว้ เพราะเป็นรัฐบาลเองที่พูดไว้ตลอด ว่าเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ เศรษฐกิจวิกฤตแล้ว แต่กลับเอาชะตากรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ ไปแขวนไว้กับนโยบายนี้นโยบายเดียว ก็มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง”
เมื่อถามถึงข้อเสนอแนะที่จะให้กับรัฐบาลก่อนจะมีการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ยิ่งต้องรีบหาแผนสำรอง เพราะงบประมาณ ปี 68 มีความคืบหน้าค่อนข้างมากแล้ว ถ้ารัฐบาลอยากจะปรับปรุงนำนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต มาใช้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี ยิ่งต้องรีบทำ และถึงแม้จะนำงบประมาณ 5 แสนล้านบาท มาดำเนินการ ก็ไม่ยังไม่เพียงพออยู่ดี ซึ่งแผนสำรองก็อาจจะเป็นการลดขนาดโครงการ และนำไปใช้ในงบประมาณ ปี 68
“นี่ไม่ใช่ข้อเสนอที่เราเห็นด้วยกับการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่มันคือทางออกทางเดียวที่ยังเหลืออยู่ หากสุดท้ายแล้วพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน เดินหน้าต่อไม่ได้ สำหรับตน หากจะมีมาตรการอะไรที่สามารถใช้งบกลางในตอนนี้ ออกโครงการมาได้เลยไม่ต้องรอ แต่ขนาดโครงการอาจจะต้องเล็กลงมา แต่ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สุริยะใส' เขย่า 'แจกเงินหมื่น' หอกทิ่มแทง วัดใจจุดเปลี่ยนรัฐบาลแพทองธาร
“สุริยะใส” ชี้จุดสลบใหญ่เรื่องเศรษฐกิจ นโยบายเรือธงอย่างดิจิทัล แจกเงินหมื่นเป็นหอกทิ่มแทง วัดใจจุดเปลี่ยนของรัฐบาลแพทองธาร
ฝากลูกหลานช่วยเตือนญาติผู้ใหญ่คนใกล้ชิด 4 หมื่นกว่าคนที่รัฐโอนเงินหมื่นให้ไม่ได้
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภาพรวมการโอนเงิน 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเปราะบางที่ผ่านมาว่า ขณะนี้โครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตในรอบจ่ายซ้ำ ครั้งที่ 2 เมื่อ
จุลพันธ์ เผยโอนเงินหมื่นรอบเก็บตกครั้งที่ 2 ทำสำเร็จไม่ถึงครึ่ง
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงภาพรวมการโอนเงิน 10,000 บาท ของโครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตในรอบจ่ายซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2567
'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน
ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49
รองเลขาฯเพื่อไทย ฟาดกลับ 'ไอซ์ รักชนก' แซะแจกเงินหมื่นช่วงเลือกตั้งนายก อบจ.
น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า ใจเย็นๆ นิดนะคะ รัฐบาลตั้งใจส่งเงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ ถึงมือกลุ่มเป้าหมายให้เร็วที่สุด
'นิพนธ์' ซัดรัฐบาลแจกเงินหมื่น เฟส 2 หวังผลการเมือง ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย-อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตนายก อบจ. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีการแจกเงินสด 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนในระบบและยืนยันตัวตนแล้ว รวมกว่า 4 ล้านคน