![](https://storage-wp.thaipost.net/2023/10/จตุพร-7.jpg)
หากคนไร้สัจจะแล้ว อย่ามาเสียใจกับการกระทำในภายหลังที่ไม่ยอมติดคุกสักวันเดียว ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของบ้านเมืองที่จะปล่อยให้สภาพอภิสิทธิ์ชนอยู่กันแบบนี้เหรอ ดังนั้นฝ่ายผู้มีอำนาจขอให้เชื่อว่าจุดไม่ติดต่อไปและขอให้นั่งให้ติดก้นด้วย
16 ม.ค.2567- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ โดยท้าทายว่า ขอให้ฝ่ายอำนาจเชื่อกันต่อไปที่ปรามาสม็อบประชาชนจุดไม่ติด เพราะช่วงการสะสมอารมณ์ปกปักยุติธรรมของบ้านเมืองมักลงท้ายด้วยพลังเติบโตทั้งคุณภาพและปริมาณของประชาชนออกมาหนุนช่วยเสมอ แล้วอำนาจสองมาตรฐานย่อมพังพาบไปตามบทเรียนอำนาจที่เคยเป็นมาแล้ว
นายจตุพร กล่าวว่า ความผิดปกติของบ้านเมืองมีตั้งแต่การตั้งรัฐบาลเพื่อไทยและใช้นโยบายหลักไม่ตรงกับการหาเสียงไว้ ที่สำคัญคำพิพากษาพระบรมราชองค์การไม่มีความหมายอีกต่อไป ดังนั้น ประชาชนไม่ควรปล่อยให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพแบบนี้อีกไม่ได้ นอกจากนี้ เมื่อประชาชนรวมตัวชุมนุมความอยุติธรรม ฝ่ายอำนาจกลับดูแคลน ปรามาสเป็นม็อบไม่มีเงิน ไร้เส้น และจุดไม่ติด
อีกอย่างการชุมนุมใหญ่ของประชาชนในอดีตล้วนเกิดจากการปรามาสกันว่าจุดไม่ติดทั้งนั้น เช่นเหตุการณ์ชุมนุม 14 ต.ค. 2516 มาจากถอดชื่อ นศ.ราม 9 คน ต่อมาจับ 13 ผู้เรียกร้อง รธน.แล้วประชาชนออกมาประท้วงครั้งใหญ่ นอกจากนี้การอดอาหารของ ร.ต.ฉลาด วรฉัตร ก็ถูกปรามาสจุดไม่ติด แต่อีกไมานานประชาชนก็มาร่วมชุมนุมจำนวนมากในเหตุการณ์ พ.ค. 2535 แล้วโค่นล้มทหารยึดอำนาจได้สำเร็จ
และเช่นกัน การชุมนุมต่อต้าน พรบ.สุดซอยเมื่อ ธ.ค. 2556 ใช้เวลาเพียง 4 วันเท่านั้นก็รวมประชาชนได้ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เหล่านั้นล้วนมาจากการถูกฝ่ายอำนาจปรามาสว่า จุดไม่ติด ไม่มีเงิน และไร้เส้นหนุนหลังเช่นกัน
นายจตุพร กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เพื่อต่อต้านการทำลายกระบวนการยุติธรรม และนักโทษทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ไม่ยอมติดคุกสักวัน โดยไม่มีความแน่ชัดว่า ป่วยนอนรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจมานานกว่า 140 วัน ซึ่งเกินกว่านักโทษจะปฎิบัติได้ แต่กรมราชทัณฑ์ก็ปกป้องให้อยู่กันตามเดิม โดยอ้างเหตุต้องเฝ้าระวังอาการป่วยจะเกิดขึ้นฉับพลัน
“การชุมนุมอยู่ที่ความชอบธรรม และไม่ได้เกี่ยวข้องปริมาณผู้ชุมนุม จึงไม่ได้สนใจกับการว่า จุดติดหรือไม่ แต่ที่เห็นคือความพลาดของฝ่ายอำนาจที่นั่งไม่ติดจึงปรามาสการชุมนุมว่า จุดไม่ติด ขณะที่พวกตัวเองกลับนั่งไม่ติด”
นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนเริ่มสั่งสมความชอบธรรมเป็นลำดับ เกิดการพัฒนาอารมณ์ เมื่อเข้มข้นการชุมนุมจะเติบใหญ่ด้วยอารมณ์พลุกพล่านจะตามมา เพราะความชอบของประชาชนคือ ไม่ยอมรับพวกอภิสิทธิ์ชนและระบบยุติธรรมสองมาตรฐาน
อีกทั้งเชื่อว่า การจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทยที่ผ่านมานั้น เป็นจุดจบของการต่อสู้ในรหัสสีเสือเหลืองหรือแดงไปแล้ว จากนั้นการต่อสู้ครั้งใหม่ได้ก้าวมาสู่จุดเริ่มใหม่เป็นการต่อสู้เพื่อต่อต้านความอยุติธรรมของอภิสิทธิ์ชน
“ดังนั้นอารมณ์ของประชาชนจึงไม่สนใจว่า ใครจะอยู่สีอะไร ฝ่ายไหน แต่ถูกยกระดับเป็นไม่ยอมรับการกระทำสองมาตรฐานของพวกอภิสิทธิ์ชน ถ้ายอมรับไม่ได้จึงต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยออกมาร่วมชุมนุมหรืออยู่บ้านกับใจที่ไม่รับพวกสองมาตรฐาน”
นายจตุพร กล่าวว่า แม้การชุมนุมครั้งนี้ไม่มีเงิน ไม่มีเส้นมาหนุนช่วย แต่ถ้าชุมนุมด้วยความชอบธรรมของประเทศ เชื่อว่า อีกไม่นานเงินจะตามมาเอง สิ่งสำคัญเมื่อมโนธรรมของสังคมต้องการักษาความถูกต้องดีงามกับบ้านเมืองแล้ว เชื่อว่าไม่นานประชาชนจะออกมาร่วมชุมนุม หากไม่มีเส้นก็จะเติมเส้นให้แข็งแกร่ง เพราะเส้นที่ยิ่งใหญ่คือเส้นของประชาชน
นอกจากนี้ แม้ฝ่ายอำนาจพยายามอ้างนักโทษชั้น 14 ทำถูกตามกฎหมายทุกประการ แต่กฎหมายล้วนปกป้องการทำที่สุจริตที่พิสูจน์ทราบได้ โดยถึงขณะนี้กล้องวงจรปิด รพ.ตำรวจ ที่อ้างว่าเสีย กลับไม่มีการติดตั้งใหม่เพื่อไว้บันทึกภาพเหตุการณ์เป็นหลักฐานของการกระทำที่สุจริต ถูกกฎหมายตามที่พวกหนุนนักโทษชั้น 14 กล่าวอ้างกัน
อีกทั้งหัวหน้าพยาบาล รพ.ตำรวจ บอกไม่ได้เข้าไปดูนักโทษนอนป่วยชั้น 14 เพียงให้ลูกน้องไปดูแลแทน ซึ่งฝืนมโนธรรมการรักษาดูแลผู้ป่วยห้องพิเศษ รวมทั้งบอกญาตินานๆ มาเยี่ยมสักครั้งทั้งที่นักโทษในอดีตเป็นคนสำคัญของพรรคการเมืองรัฐบาลขณะนี้ แต่คนในครอบครัวแทบไม่มาเยี่ยมจึงเป็นสิ่งปกติอย่างยิ่ง
“ถ้าคิดว่าจะเอากันแบบนี้ ก็ทำกันต่อไป อย่าได้เแคร์เพราะคนชุมนุมต่อต้านจุดไม่ติด และเชื่อว่า สว.เปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ ม.153 เรื่องสองมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมกรณีหน่วยงานรัฐกระทำกับนักโทษชั้น 14 จะกลายเป็นหนึ่งในเรื่องหลักที่ถูกยกมาอภิปรายในสภากัน”
ส่วนกรณีดิจิทัลวอลเล็ตนั้น นายจตุพร กล่าวว่า โดยมโนสำนึกของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กดต.) ต้องเล่นงานพรรคเพื่อไทยก่อน เพราะไม่ดำเนินการตามที่หาเสียงกับประชาชนไว้ เนื่องจากบอกว่าไม่กู้มาแจกเงินหมื่นบาทกับประชาชนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป จึงเท่ากับเป็นการประกาศนโยบายหลอกลวงเพื่อหวังคะแนนเสียง
อีกทั้งเชื่อว่า ถ้าในการหาเสียงพรรคเพื่อไทยบอกว่า จะกู้มาแจกให้ประชาชนแบกหนี้ร่วมกัน คงไม่มีใครมาเลือกเป็นรัฐบาลแน่นอน ซึ่งเมื่อเป็นรัฐบาลกลับจะกู้เงินมาแจกประชาชน แต่ กกต.ปล่อยให้ทำแบบนี้ได้อย่างไร ดังนั้น การบังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย กกต.ย่อมเข้าข่ายสองมาตรฐาน เอื้อพรรคของพวกอภิสิทธิ์ชนที่ปฎิบัติผิดตามนโยบายหาเสียง โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรบ้างเลยหรือ?
นอกจากนี้ยังมีการประกาศทำโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งเป็นโครงการในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำเอาไว้แต่ไม่ผ่านการพิจารณาของสภา สิ่งสำคัญคือ การจะเอาต่างชาติมาลงทุน 100 % ในโครงการนี้ ซึ่งไม่รู้ว่า ประเทศไหนจะมาลงทุน
นายจตุพร กล่าวว่า อย่างไรก็ตามจุดเด่นของโครงการนี้เพื่ออำนวยการบริการให้ขนสินค้าขึ้นลงเรือวิ่งตัดผ่านจากฝั่งอ่าวไทยไปทะเลอันดามัน ย่อมเป็นวิธีคิดที่ขาดสติอย่างสิ้นเชิง และยังเป็นการต่อสู้ทางเศรษฐกิจกับสิงคโปร์ย่อมรู้ผลว่า ขาดทุนชัดเจน ดังนั้น ถ้าจะสร้างต้องคิดกันใหม่ทั้งระบบกับโครงการแลนด์บริดจ์เพื่อชาติบ้านเมือง
รวมทั้งตั้งคำถามถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ที่มุ่งแต่เดินทางไปต่างประเทศ โดยไม่สงสัยถึงการใช้งบประมาณ 2567 จำนวน 3.48 ล้านล้านบาทที่มีเป้าหมายให้ใช้เพียง 5 เดือนตั้งแต่ พ.ค.-ก.ย. แต่การทำงานของนายกฯ และรัฐบาลกลับไม่มีความสำเร็จที่หาจับต้องเป็นชิ้นงานได้เลย เอาแต่เปลี่ยนใส่ถุงเท้าหลากสีไม่เว้นวันในการเดินทางไปเจรจาความเมืองกับต่างประเทศนับแต่ได้เป็นนายกฯ มา
นายจตุพร เชื่อว่า อารมณ์ประชาชนจะปะทุขึ้นเข้มข้นนับแต่วันที่ 22 ก.พ.นี้ ที่นักโทษชั้น 14 อยู่ รพ.ตำรวจ ครบ 180 วันเข้าข่ายได้รับการอภัยโทษ สะท้อนถึงพวกอภิสิทธิ์ชนที่กระบวนการยุติธรรมเอื้อสองมาตรฐานเอาเปรียบนักโทษทั่วไปที่ไม่ได้สิทธิ์เท่าเทียมกัน
ไม่เพียงเท่านั้น ในสถานการณ์ถัดกันไป หากยิ่งลักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเดินทางกลับไทยตามรอยเท้าของนักโทษทักษิณ ผู้พี่ ถ้าเข้ามาไม่ติดคุก โดยไปอยู่ รพ.ตำรวจเช่นเดียวกันแล้ว แรงปะทุของประชาชนจะก่อหวอดขึ้นได้ง่าย อารมณ์ต่อต้านสองมาตรฐานคงจุดติดและฝ่ายอำนาจอาจนั่งตัวสั่นด้วยเส้นการชุมนุมของประชาชนออกมาหนุนช่วยปกป้องชอบธรรมของบ้านเมือง
“หากคนไร้สัจจะแล้ว อย่ามาเสียใจกับการกระทำในภายหลังที่ไม่ยอมติดคุกสักวันเดียว ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของบ้านเมืองที่จะปล่อยให้สภาพอภิสิทธิ์ชนอยู่กันแบบนี้เหรอ ดังนั้นฝ่ายผู้มีอำนาจขอให้เชื่อว่าจุดไม่ติดต่อไปและขอให้นั่งให้ติดก้นด้วย”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คปท. ศปปส. และ กองทัพธรรม ประกาศพักชุมนุมชั่วคราว
คปท. ศปปส. และกองทัพธรรม ประกาศ พักชุมนุมชั่วคราว เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ คืนพื้นที่เพื่องานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ให้สมพระเกียรติในหลวง ยาวไปถึง 12 สิงหาคมนี้ ขณะจนท.พร้อมเคลียร์พื้นที่-บิ๊กคลีนนิ่ง 24 กรกฎาคม แต่หากมีนิรโทษสุดซอย พร้อมกลับมาปักหลักชุมนุม
'รพ.ตำรวจ' เตะถ่วง! ไม่ยอมส่งเวชระเบียน 'ทักษิณ' ให้ ป.ป.ช.
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ชวนคุยเรื่องคุณทักษิณ กับกระบวนการยุติธรรม
คปท.ลุ้นศาลคุ้มครองชั่วคราว เล็งหาที่ชุมนุมใหม่เอาแม้วเข้าคุก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณ เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ บริเวณใกล้ทำเนียบรัฐบาล ถึงความเคลื่อนไหว การชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) และ กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้อง
'นิพิฏฐ์' นัดอีก 1 เดือน เจอกันหน้าป.ป.ช.
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตสส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กว่า เมื่อวาน (17 กค.2567) ผมไปติดตามการดำเนินการของป.ป.ช.กรณี คปท.และภาคประชาชน
แกนนำ คปท. เผยเหตุยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่งให้เลิกชุมนุม มีข้อเท็จจริงที่ศาลอาจไม่ทราบ
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษา ประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ศาลแพ่งสั่งให้ คปท.เลิกชุมนุม เราเคารพคำสั่งศาลครับ เพียงแต่ว่าข้อเท็จจริงหลายประเด็นผิดจากความเป็นจริง ศาลท่านอาจจะไม่ได้รับทราบ
แกนนำ คปท. เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่งให้เลิกชุมนุม
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ เครือข่ายนักศึกษา ประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) ให้สัมภาษณ์หลังศาลแพ่ง มีคำสั่งให้ คปท. และ กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน(ศปปส.) ยุติการชุมนุมบริเวณเชิงสะพาน