‘จตุพร’ เชื่อ ปชช.สะสมไม่พอใจอภิสิทธิ์ชน บ่มอารมณ์ต้านสองมาตรฐาน หวังขยี้นักโทษชั้น 14 ทำลายกระบวนการยุติธรรม ซัด รบ.มากพิรุธปกป้อง นักโทษนอนป่วยอนาถาไร้ญาติมาเยี่ยม ระบุผิดปกติมนุษย์มีครอบครัวผูกพัน ลั่นไม่ย่อมติดคุกสักวัน อย่าหวังรอถึง 22 ก.พ.ได้พักโทษง่ายๆ
15 ม.ค.2567-นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า อารมณ์ประชาชนไม่พอใจนักโทษทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 รพ.ตำรวจ เริ่มเดือดพล่านมากขึ้น และเชื่อว่า จะทำให้สถานการณ์วันที่ 22 ก.พ.นี้ อาจเป็นปัญหาลุกลามไม่รู้จบได้
นายจตุพร กล่าวว่า ปัญหานักโทษทักษิณ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ กำลังลุกลามไปสู่ปัญหาต่างๆ มากมายให้มาผสมรุมพังรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ไม่แตกต่างกับปัญหาออก พรบ.นิรโทษกรรมสุดซอย แล้วทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ล้มลงไม่เป็นท่ามาแล้วเมื่อปลายปี 2556
“วันนี้พฤติกรรมดังกล่าวได้กลับมาอีก แต่เสียงของคนที่ออกมาปกป้องกรณีชั้น 14 มักพรรณาแต่เรื่องการยึดอำนาจ เรื่องทำคุณงามความดีมาก่อน หรือเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค แต่เรื่องคดีทั้งหมดมีโทษจำคุก 8 ปี แล้วได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี ล้วนเป็นเรื่องมีมาตั้งแต่ชั้นศาลตัดสินให้จำคุก ดังนั้น หากไม่ถูกจ้องจำในคุกเลยสักวัน ความดี ความชั่วจะนำมาหักล้างกันไม่ได้”
อีกทั้งย้อนว่า พวกเชียร์นักโทษทักษิณ อย่ามาอ้างแต่เป็นผู้ทำประโยชน์ให้ประเทศมามากมาย ส่วนการทำเอาประโยชน์จากประเทศชาติไปจนมีคดีถูกศาลพิพากษาลงโทษ ทำไมไม่มาพูดอ้างกันบ้าง”
นายจตุพรกล่าวว่า หากนักโทษทักษิณ นั่งอยู่ในหัวใจประชาชนจริงแล้ว ในวันที่ได้เสียงเลือกตั้งมา 377 เสียงมีประชาชนเลือกมากถึง 19 ล้านเสียง และเมื่อถูกยึดอำนาจในปี 2557 ทำไมไม่มีประชาชนออกมาต่อต้านเลย กลับสร้างสถานการณ์หนีออกนอกประเทศโดยผู้มีอำนาจบ้างคนที่ยึดอำนาจสมคบคิดสร้างสถานการณ์ปลอมๆ มาหลอกประชาชน เพื่อเปิดทางให้หนีดังนั้น สิ่งผิดปกติทั้งปวงจึงเริ่มมีมาตั้งแต่ต้นการยึดอำนาจแล้ว
ความสงสัยมากมายของนักโทษชั้น 14 ไม่มีความกระจ่างแจ้งเลย แล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกรมราชทัณฑ์ยังไม่ชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา เพราะมีเป้าหมายให้นักโทษสามารถอยู่ รพ.ตำรวจต่อจนครบ 180 วันในวันที่ 22 ก.พ.นี้ เพื่อให้เข้าคุณสมบัติพักโทษได้กลับไปอยู่บ้าน
“ถามจริง คิดว่าง่ายขนาดนั้นเหรอ ถ้าง่ายเช่นนั้นแล้ว วันที่ 5 ธ.ค. จึงไม่มีการขอพระราชทานลดโทษและระเบียบราชทัณฑ์ 6 ธ.ค.ที่เปลี่ยนบ้านเป็นเรือนจำได้ทำไมไม่ออกไปอยู่บ้าน สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดกันเลย มีแต่เรื่องต้องดีลไม่หยุดหย่อน ซึ่งยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ สิ่งสำคัญเรื่องที่คิดว่าง่ายๆ นั้นได้กระตุ้นให้อารมณ์ผู้คนรับไม่ได้มีมากขึ้นๆ ดังนั้น ปัญหาย่อมมาจากการทำตัวเองทั้งนั้น”
ส่วนการชุมนุมเปิดโป่งนักโทษชั้น 14 นั้น นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์อารมณ์ไม่พอใจนักโทษชั้น 14 ยังไม่ถึงเวลาสุกดิบที่คนจะออกมาชุมนุมกันอย่างฉับพลัน แต่การชุมนุมต้องการกระตุ้นให้ประชาชนมีความสำนึกถึงคำว่าอภิสิทธิ์ชน สองมาตราฐาน และการทำลายกระบวนการยุติธรรม
“คำเหล่านี้จะสะสมอารมณ์ประชาชนบนถนนไปเรื่อยๆ เพราะการกระทำที่ผ่านมาล้วนเกิดจากการทำตัวเองจนพังกันมาทั้งนั้น แล้วคอยดูว่าวันที่ 22 ก.พ.นี้ มันจะง่ายอย่างที่จะเปิดโอกาสให้พักโทษได้กลับไปอยู่บ้านได้หรือไม่ รวมทั้งเชื่อว่า สถานการณ์นักโทษชั้น 14 จะพาให้ประเทศวิกฤต หากคนไทยกว่าครึ่งประเทศชอบระบบสองมาตรฐาน ไม่แคร์ความรู้สึกของประชาชนแล้ว ย่อมนำพาให้ประเทศฉิบหาย ยิ่งการได้ลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี แต่ไม่ยอมเข้าคุกสักวันเท่ากับเป็นการเปลือยจิตใจออกมาล่อนจ้อน จนถูกประจานแล้วจะนำไปสู่เหตุการณ์ต่างๆอีกมากมาย”
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ตำรวจของสภาผู้แทนราษฎรไปตรวจการทำงาน รพ.ตำรวจ แต่ไม่อนุญาตให้ขึ้นไปชั้น 14 เพื่อดูอาการนักโทษทักษิณ เมื่อประธาน กมธ.สอบถามหัวหน้าพยาบาลได้ความว่า ไม่เคยเข้าไปดูอาการนักโทษชั้น 14 มีแต่ลูกน้องเข้าไปในห้องป่วยของนักโทษ
“สิ่งสำคัญหัวหน้าพยาบาลบอกว่า ญาติไม่ค่อยมาเยี่ยมดูอาการผู้ป่วยเลย นักโทษทำตัวเหมือนผู้ป่วยอนาถา ไร้ครอบครัวมาเฝ้าห่วงใย ซึ่งเป็นสิ่งแปลกอย่างมาก ซ้ำร้ายกล้องวงจรปิดก็เสียหาย รพ.ตำรวจ ยังไม่คิดจะเอามาติดตั้งใหม่เลย จึงเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง”
นายจตุพรระบุว่า กรมราชทัณฑ์รายงานอาการป่วยของนักโทษทักษิณ มีอาการเพียงต้องเฝ้าระวังเท่านั้น ดังนั้นเมื่อไม่ได้ป่วยต้องส่งตัวกลับมาที่ รพ.ราชทัณฑ์ ซึ่งมีเครื่องมือ อุปกรณ์ และนายแพทย์คอยเฝ้าระวัง แล้วทำไมจึงต้องอ้างให้อยู่ รพ.ตำรวจเกินกว่า 120 วันอีก ซึ่งไม่สมเหตุผลเลย
“อะไรที่ไม่จริงแล้ว ยิ่งพูด ยิ่งเขียนก็ยิ่งมีพิรุธทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม คนไทยเสียอะไรก็ได้ แต่ไม่ยอมเสียรู้ เพราะเท่ากับถูกหลอกกันมาตลอดตั้งแต่การหาเสียงตั้งรัฐบาล แล้วยังพิสูจน์ไม่ได้ว่านักโทษทักษิณป่วยและอยู่ รพ.ตำรวจจริงหรือไม่ เท่ากับเป็นการท้าทายประชาชน”
นายจตุพร กล่าวว่า อย่าคิดว่า คนจะเชื่อทุกอย่างตามที่พวกเชียร์นักโทษทักษิณบอก จึงอยากฝากให้คิดว่า สถานการณ์วันที่ 22 ก.พ.นี้ อีกไม่นานเรื่องนักโทษชั้น 14 จะกลายเป็นชนวนให้เรื่องราวต่างๆ มาผสมกันแล้วจะลากไปสู่ปัญหาต่างๆ ของรัฐบาล ดังนั้น รัฐบาล พรรคเพื่อไทย และนักโทษชั้น 14 จึงหาเรื่องกันเองทั้งนั้น ทำตัวเอง ถ้าจะพังก็อย่าโทษคนอื่น ถ้าจะฉิบหายอีกรอบก็เพราะตัวเองนั่นแหละ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อดีต สว.ดิเรกฤทธิ์' ระบุชัดเจนพ่อนายกฯ นอนชั้น 14 ฝ่าฝืนหมายคุมขังศาล!
ดร.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.)
'จตุพร' ซัด 'ทักษิณ' สติแตก โต้ 'ผมเป็นหนี้อะไรนักหนาสู้ให้จนติดคุก 5 ครั้ง' คงทดแทนพอแล้ว
'จตุพร' ซัด 'ทักษิณ' สติแตก อารมณ์อึดอัดพลุกพล่าน พูดกราดเกรี้ยวดุดัน โชว์ถ่อยเป็นพ่อไม่ไว้หน้านายกฯ ลูกสาว จวกปราศรัยเหวี่ยงแห ดุด่าสองแง่สามง่าม ยัดเยียดสารพัดเนรคุณ ย้อนแสบทดแทนบุญคุณนักสู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บหรือยัง ลั่น 'ผมเป็นหนี้อะไรนักหนา' สู้ให้จนติดคุก 5 ครั้ง ชีวิตผจญชะตากรรมไม่รู้จบ บ้านรอถูกยึด คงทดแทนกันพอแล้วมั้ง
จตุพรชี้ รัฐบาลพ่อเลี้ยง ขาดพ่อก็จบ ไม่มีคนเกรงใจ
“จตุพร” ชำแหละรัฐบาลพ่อเลี้ยง สะท้อนนายกฯ ยังละอ่อนการเมือง ฉะพ่อก้าวร้าว อาละวาดตบจูบทำเสมือนเป็นนายกฯ ตัวจริง ส่วนลูกแค่ร่างทรง เชื่อขาดพ่อรัฐบาลก็จบ จับตาเชือด “พีระพัง” หลังปีใหม่ ระบุขวางผลประโยชน์กลุ่มทุนผูกขาด ซัดสหายใหญ่ ทำตัวเป็นแมวเสียศักดิ์ศรีคุมกลาโหม ชมฉายา “อนุทิน- รมต.น้ำ” รู้เท่าทันสถานการณ์บังคับให้เล่นเป็น อยู่ได้ ชี้นายกฯ แพทองโพย เอาแต่อ่านทำภาพลักษณ์ผู้นำหายหมด
'โบว์' อุ้มแม้ว! ชี้สังคมเจริญแล้วไม่เอาภาษีไปเลี้ยงคนไว้ในคุกให้นานที่สุดเพื่อความสะใจ
โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Bow Nuttaa Mahattana
‘แพทองธาร’ ยันพรรคร่วมไร้ปัญหา หลังภาพ 'ทักษิณ-อนุทิน' ออกรอบตีกอล์ฟด้วยกัน
ความจริงแล้วตนและนายอนุทิน ก็คุยกันอยู่แล้ว ถึงจะมีปัญหาอะไรก็คุยกันเคลียร์กันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆถึงเวลาถ้ามีอะไรก็คุย
อย่างหล่อ! ‘อนุทิน’ ปัดตีกอล์ฟเคลียร์ขัดแย้ง ‘ทักษิณ’ ยันการกระทำสำคัญกว่าคำพูด
‘อนุทิน’ ปัดตีกอล์ฟ ‘ทักษิณ’ เคลียร์ปมขัดแย้ง ยัน ‘การกระทำสำคัญ กว่าคำพูด’ ย้ำอีแอบ ไม่ได้หมายถึงตัวเอง - ภูมิใจไทยชัดเจน เพราะข้อเท็จจริงเข้าประชุมครม.