'โอมิครอน 'แซง 'เดลต้า' ในอเมริกา แมสซาชูเซตส์ ขอกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติสนับสนุน

ผู้บริหารโรงพยาบาลกล่าวว่าบรรดาแพทย์และพยาบาลของพวกเขา รู้สึกเหนื่อยล้าและหมดแรง และการขาดแคลนบุคลากรกำลังเป็นประเด็นให้สถานการณ์แย่ลง ในหลายๆรัฐ รวมทั้งแมสซาชูเซตส์ ได้มีการเรียกร้องให้กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ

24 ธ.ค.2564 – โควิดสายพันธุ์โอมิครอนซึ่งขณะนี้กำลังปกคลุมในทุกพื้นที่ของสหรัฐอเมริกาและแพร่กระจายเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ได้ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายวัน สูงกว่าสถิติของสายพันธุ์เดลต้าไปเรียบร้อยแล้วจากการประมาณการล่าสุด ในสภาวะที่ประเทศกำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มตัวในอีกไม่ช้า

แม้ว่าจะมีสัญญาณเชิงบวกในช่วงเริ่มต้นจากการติดเชื้อในแอฟริกาใต้และการระบาดอย่างแพร่หลายในสหราชอาณาจักรว่า การติดเชื้อโอมิครอน มักส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยที่ไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ก่อนหน้า แต่ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เตือนว่า การระบาดใหม่ในครั้งนี้อาจทำให้ระบบสาธารณสุขเกินขีดจำกัดอย่างรวดเร็ว และทำให้โรคกระจายไปสู่หลายชุมชน

โอมิครอนกำลังระบาดอย่างรวดเร็ว

การที่สายพันธุ์นี้มีความโดดเด่นในเรื่องการติดเชื้อได้ง่าย ทำให้มันเป็นปัจจัยหลักให้การแพร่กระจายเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุก ๆ 2-3 วัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขคาดว่า จะทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลของผู้ป่วยติดเชื้อรายวันในอัตราเฉลี่ยที่ 251,232 รายในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ และจากการประเมินคร่าวๆ สหรัฐอเมริกาอาจมีผู้ป่วยติดเชื้อถึง 1 ล้านรายต่อวันก่อนสิ้นปีนี้

แม้ว่าความโดดเด่นจากการแพร่เชื้อได้รวดเร็วของโอมิครอนจะเป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้วในตอนนี้ แต่บรรดานักวิทยาศาสตร์ก็ยังคงพยายามค้นหาและทำความเข้าใจถึงภัยคุกคามของมัน การศึกษาเบื้องต้นในสกอตแลนด์และอังกฤษเผยว่า การติดเชื้อโอมิครอนไม่น่าจะส่งผลรุนแรงต่อสุขภาพมากนัก แต่บรรดานักวิทยาศาสตร์ยังคงเฝ้าสังเกตและติดตามผลของการติดเชื้อในสหรัฐอเมริกาเสียก่อน ก่อนที่จะสรุปไปในทางใดทางหนึ่ง

ผลการติดตามการรักษาในระยะแรกของผู้ป่วยติดเชื้อโอมิครอนแสดงให้เห็นว่าการเจ็บป่วยนั้นจะเป็นแบบไม่รุนแรงเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ความกังวลที่แท้จริงของกรณีนี้คือระบบการรักษาในโรงพยาบาลอาจจะใกล้เต็มหรือถึงขีดจำกัดแล้ว หากการระบาดยังเกิดต่อไปเรื่อยๆ ปัญหาจะเกิดจากระบบการรักษาล่มสลาย ซึ่งอาจส่งผลรุนแรงมากกว่า

ดร. ฮัลลี เพรสคอตต์ รองศาสตราจารย์ด้านอายุรศาสตร์ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน กล่าวว่า “เมื่อเรามีผู้คนนับล้านและหลายล้านคนป่วยทั้งหมดพร้อมกันในคราวเดียว จะยิ่งทำให้คนเหล่านั้นสูญเสียโอกาสในการเข้าถึงระบบการรักษาได้มากขึ้น”

ระบบการรักษาในโรงพยาบาลนั้น ตึงเครียดอยู่แล้ว

โรงพยาบาลทั่วประเทศใกล้จะถึงขีดจำกัดในการรักษาแล้ว หอผู้ป่วยของพวกเขาเต็มไปด้วยผู้ป่วยที่ป่วยด้วยสายพันธุ์เดลต้า หรือบางส่วนยังอยู่ในช่วงการรักษาที่ยาวนานและยังไม่หายขาดจากช่วงที่มีการระบาดใหญ่ก่อนหน้านี้ ซึ่งยังคงต้องได้รับการดูแลอย่างดีต่อไป ขณะนี้โรงพยาบาลประมาณ 1 ใน 10 แห่ง ตามพื้นที่ต่างๆทั่วสหรัฐอเมริกา มีห้องไอซียูที่เต็มความจุในการรองรับผู้ป่วยเกินกว่า 90% แล้ว ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

“เรามีคนไข้อีกหลายคนที่รออยู่ที่แผนกฉุกเฉินของไอซียู เราจึงจำเป็นต้องขยายการบริการ ห้องไอซียูเพิ่มขึ้นในแผนก” กล่าวโดย ดร.ดานี่ แฮ็กเนอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่คลินิกของเครือข่ายโรงพยาบาล ในเขตตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งได้เพิ่มพื้นที่ห้องไอซียูด้วยการเลื่อนบริการการผ่าตัดศัลยกรรมทางเลือกออกไปก่อน เพื่อลดความตึงเครียดต่อศูนย์การแพทย์ของตน “ผมคิดว่าเดือนหน้าจะเป็นเดือนที่หนักหน่วงมาก” เขากล่าวเสริม

ผู้บริหารโรงพยาบาลกล่าวว่าบรรดาแพทย์และพยาบาลของพวกเขา รู้สึกเหนื่อยล้าและหมดแรง และการขาดแคลนบุคลากรกำลังเป็นประเด็นให้สถานการณ์แย่ลง ในหลายๆรัฐ รวมทั้งแมสซาชูเซตส์ ได้มีการเรียกร้องให้กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ และเมื่อเร็ว ๆ นี้ประธานาธิบดีไบเดนได้ประกาศว่า เขาจะสั่งการให้บุคลากรทางทหารช่วยเหลือโรงพยาบาลที่กำลังจะเข้าสู่ภาวะวิกฤต

ยังมีปริมาณคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นอีกมาก รวมถึงคนที่ยังไม่ยอมฉีดเลยซักเข็ม

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขกังวลว่า ชาวอเมริกันหลายล้านคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือยังไม่ได้รับการฉีดเข็มกระตุ้น จะกลายเป็นกลุ่มเปราะบางต่อการระบาดของโอมิครอน ซึ่งตัวมันได้รับการยืนยันว่าเป็นสายพันธุ์ที่สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนและจากการเคยติดเชื้อโควิดมาก่อนหน้านี้ได้ อย่างไรก็ดี การวิจัยเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าการได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ดีที่สุด และการเคยได้รับการฉีดวัคซีนมาแล้วแม้จะยังไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น ก็คาดว่าจะสามารถป้องกันการป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลและป้องกันการเสียชีวิตได้เป็นอย่างดี

ประชากรกว่า 62 เปอร์เซ็นต์ของสหรัฐอเมริกาได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และประมาณ 19 เปอร์เซ็นต์ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว แม้ว่าจะยังไม่ใช่ทุกคนก็ตาม อัตราความครอบคลุมนั้น แตกต่างกันไปตามแต่ละรัฐ โดยมีอัตราต่ำสุดในภาคใต้ ซึ่งโดยรวมแล้วสหรัฐอเมริกายังตามหลังประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความลังเลใจของประชาชนที่จะฉีดวัคซีน

อัตราการฉีดเข็มกระตุ้นยังคงต่ำอยู่เนื่องจากยังอยู่ในระยะแรกเริ่ม พวกผู้ใหญ่และวัยรุ่นเพิ่งเข้ารับการฉีดในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ และผู้ใหญ่บางคนยังไม่ได้รับรู้ถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'น้องสกาย-น้องภษมน'คว้ารองแชมป์ กอล์ฟเยาวชนชิงแชมป์โลก ที่สหรัฐฯ

สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย ส่งนักกอล์ฟเยาวชนไทย 36 คน เข้าแข่งขันกอล์ฟเยาวชนชิงแชมป์โลกรายการ ”ไอเอ็มจี จูเนียร์ เวิลด์ กอล์ฟ แชมเปี้ยนชิพ 2024“ ที่ซานดิอาโก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 9-11 ก.ค.67 โดยนักกอล์ฟชุดนี้ผ่านการคัดตัวจากการแข่งขันรายการ “ทีจีเอ-สิงห์ จูเนียร์ กอล์ฟ แชมเปี้ยน 2024” (คลาสเอ-อี)

‘หมอมนูญ’ เผยข้อมูลระบาดวิทยา พบ ‘โควิด-ไข้หวัดใหญ่’ ยังแพร่เชื้อต่อเนื่อง

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ยังมีต่อเนื่อง ไวรัสไข้หวัดใหญ่กำลังพุ่งสูงขึ้นตามฤดูกาล เข้าฤดูฝนแล้ว เชื้อไวรัสทางเดินหายใจทุกชนิดจะกลับมาระบาดหนักอีก