9 ม.ค.2567- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า กรณีที่นายเศรษฐา บอกว่า คณะกรรมการกฤษฎีส่งความเห็นการกู้เงิน 5 แสนล้านมาแจกประชาชนคนละ 1 หมื่นบาทตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาส่งคำตอบมาปฏิเสธอย่างสุภาพ โดยมีความเห็นว่ารัฐบาลกู้เงินได้แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมายวินัยการเงินการคลัง ม. 53 และ ม.57 ซึ่งเท่ากับบอกรัฐบาลจะทำตามใจตัวเองต้องการจะทำไม่ได้
อย่างไรก็ตาม คำตอบของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ส่งให้กระทรวงการคลังจึงสอดคล้องกับความเห็นในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งก่อนหน้านี้ให้การสนับสนุนกู้เงินมาแจกโครงการดิจิทัล 5 แสนล้านบาท แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย
นายจตุพรระบุว่า คำตอบของคณะกรรมการกฤษฎีการแสดงว่ารัฐบาลไม่สามารถกู้เงินมาแจกตามโครงการดิจิทัลได้เลย เพราะการให้ทำตามกฎหมาย แต่กฎหมายกำหนดข้อห้ามเอาไว้ และการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อไทยยังเข้าข้อห้ามของกฎหมายทุกข้อด้วย ดังนั้น คำตอบให้กู้เงินทำได้ตามกฎหมาย จึงยากที่จะกู้เงินได้ หรือเป็นการบอกอย่างสุภาพว่า ไม่ให้กู้นั่นเอง
เขากล่าวว่า กฎหมายให้รัฐบาลกู้เงินได้ในสถานการณ์ประเทศวิกฤตและเร่งด่วน เมื่อนายกฯ ตระเวณชวนนักลงทุนต่างประเทศมาลงทุนในไทยโดยยืนยันเป็นประเทศไม่มีวิกฤต ดังนั้น การจะกู้เงินมาแจกในช่วงบ้านเมืองวิกฤตจึงต้องแลกด้วยไม่มีนักลงทุนมาลงทุนในไทยที่เป็นประเทศวิกฤตด้วย
พร้อมทั้งระบุว่า การพยายามทั้งหมดของรัฐบาลเพื่อไทยนั้น เป็นสิ่งผิดปกติ เพราะการเร่งอธิบายจะให้คณะกรรมการกฤษฎีกามาพูดให้ชัดในที่ประชุม ครม. แต่รัฐบาลและ รมช.คลังนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ กลับพูดดักไว้ล่วงหน้าว่า ทำได้แล้ว ดังนั้น ถ้าทำไม่ได้ จึงเป็นปัญหาในอนาคต
นายจตุพร กล่าวว่า ตามปกติแล้วรัฐบาลจะกู้เงินไม่ไปถามความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีแบบประกาศทางสาธารณะเช่นนี้ โดยจะเรียกมาขอความเห็นลับๆ หรือออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินเพื่อให้มีผลสมบูรณ์โดยเร็ว
“ที่ผ่านมารัฐบาลไม่มีความมั่นใจในโครงการแจกเงินดิจิทัล ถ้ามั่นใจต้องออกเป็น พ.ร.ก.ไปแล้ว ดังนั้นคนเป็นนักบริหาร ถ้ามีความจำเป็นเร่งด่วนจะกู้เงินโดยออก พ.ร.บ.ไม่ได้ สิ่งสำคัญถ้ารัฐบาลมั่นใจว่าทำได้ แล้วทำไมไม่ทำเลย จะออกเป็น พ.ร.ก.หรือ พ.ร.บ.ก็ตาม แต่จะถูกยื่นคำร้องให้ศาล รธน.ตรวจสอบอยู่ดี”
เขาตำหนิว่า นายกฯ มักนิยมบริหารประเทศผ่านการโพสต์ข้อความ โดยล่าสุดต่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยสวนทางเงินเฟ้อติดลบ ซึ่งเป็นการบริหารงานที่ไม่เหมาะสม และไม่ใช่วิธีการบริหารราชการของคนเป็นนายกฯ
“ปัญหามีว่าอยากจะปลดผู้ว่า ธปท.ใช่หรือไม่ ก็ปลดเลยสิ แต่มันมีที่ไหนที่การบริหารราชการด้วยข้อความผ่านเอ็กซ์ ที่ไม่เห็นด้วยกับหน่วยงานราชการ แทนที่นายกฯ จะใช้ความเป็นผู้นำที่มีวุฒิภาวะด้วยการแลกเปลี่ยนเหตุผลที่ก่อเกิดปัญหา ซึ่งธนาคารชาติก็จะมีเหตุผลให้ในมิติใด สิ่งสำคัญที่สุดวิธีการทวิตข้อความผ่านเอ็กซ์ยังไม่เข็ดกับการแสดงความเห็นกรณีอิสราเอลกับฮามาสอีกเหรอ”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นิพนธ์' ซัดรัฐบาลแจกเงินหมื่น เฟส 2 หวังผลการเมือง ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย-อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตนายก อบจ. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีการแจกเงินสด 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนในระบบและยืนยันตัวตนแล้ว รวมกว่า 4 ล้านคน
ป้า 67 ป่วยหลายโรค หาบเร่ขายของเลี้ยงชีพ หวังได้เงินหมื่น เฟส 2 หวั่นตกหล่น บัตรคนจนก็ไม่มี
บุรีรัมย์ ป้า 67 ป่วยความดัน มีก้อนเนื้อที่คอ แต่ต้องหาบเร่ขายของเลี้ยงชีพและลูกพิการ หวังได้เงินหมื่น เฟสสอง มาแบ่งเบา
เตือน ถ้าชื่อ 'ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ' ผ่าน ครม.จะมีการฟ้องกันระนาวแน่
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ ว่า กรณีแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาตินั้น
รัฐบาลเคาะแจกเงินหมื่น เฟส 2 ให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไป ก่อนวันตรุษจีนปี 68
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 1/2567 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง
'จตุพร' ให้จับตา '22พ.ย.' จุดเปลี่ยนการเมืองไทย
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า วันที่ 22 พ.ย.นี้จะเป็นปฐมบทของคนรักชาติได้ห