'ชัยธวัช' ประเดิมชำแหละงบดุ! ซัดรัฐบาลเฉพาะกิจทำงบแบ่งกันกินแบ่งกันใช้

'ชัยธวัช' เปิดหัวชำแหละงบ 67 สะเปะสะปะ ไร้ยุทธศาสตร์ ไม่ตั้งงบทำประชามติแก้ รธน. มัวนิ่มโครงการเก่าเคยทำเป็นโครงการใหม่ ซัด รบ.รวมการเฉพาะกิจแบ่งกินแบ่งใช้แบ่งอำนาจ รวมตัวกันเพื่อปกป้องพลังจารีต

03 ม.ค.2567 - นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ว่าวันนี้นึกถึงบรรยากาศในวันที่นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายรัฐบาล เพราะเต็มไปด้วยข้อความสวยหรูครบทุกด้าน นายกฯ คนก่อนหน้าก็มาอ่านภารกิจทุกหน่วยราชการ แล้วบอกว่ารัฐบาลจะทำอะไร แต่ผลสวยหรูหรือไม่ทุกคนทราบดี ในวันที่นายกฯ แถลงต่อรัฐสภา บรรยากาศแบบนี้ แต่เพิ่มเติมคือตัวเลขแต่ละยุทธศาสตร์ แต่ปัญหายังเหมือนเดิม ถ้าดูเนื้อในงบประมาณรายจ่ายนี้จะเห็นว่าเลื่อนลอย สะเปะสะปะ ไม่มียุทธศาสตร์ ไม่มีลำดับความสำคัญ

นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า แผนงานต่างๆ ตามยุทธศาสตร์ไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายนโยบายของรัฐบาล ไส้ในแผนงานส่วนใหญ่เป็นโครงการเดิมที่กระทรวงทำอยู่แล้วทุกปี เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ บ้างก็ยัดโครงการกระทรวงเก่าว่าเป็นแผนงานที่รัฐบาลจะทำ ไม่ได้โทษหน่วยงานราชการ เพราะรัฐบาลสั่งเขาก็เขียนให้ แต่สุดท้ายการบริหารประเทศเพื่อบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์และนโยบาย เป็นหน้าที่ของรัฐบาล นายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างไรก็ตาม กลางเดือน ก.ย.2566 ครม.สั่งทบทวนร่างกฎหมายนี้ ในการจัดสรรงบเสียใหม่ แต่สุดท้าย 3 เดือนผ่านไป ดูร่างฉบับปัจจุบัน พบว่าแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างน้อย พ.ร.บ.ฉบับนี้ควรยึดโยงกับนโยบายเร่งด่วนให้เห็นอย่างชัดเจน วันแถลงนโยบาย นายกฯ บอกว่ามีนโยบายเร่งด่วนซึ่งควรสะท้อนในร่าง พ.ร.บ.นี้ แต่พวกเราต้องผิดหวัง

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า เป็นการจัดสรรงบไม่ตอบโจทย์ทั้งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว ลดค่าไฟฟ้า ตอนนี้แค่ผลักภาระให้ กฟผ. ไม่มีการจัดงบประมาณชดเชยหนี้ให้ กฟผ. ไม่จัดงบไว้เพราะจะต้องใช้งบกลาง หรือ กฟผ.แบกหนี้จนไม่ไหวแล้วค่อยยกเลิกโครงการใช่หรือไม่ นอกจากนี้ยังไม่เห็นการจัดงบประมาณสำหรับการทำประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ เช่นนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน ดิจิตอลวอลเล็ตที่ผ่านมานายกฯ ยืนยันไม่กู้ ใช้งบประมาณปกติ แต่วันนี้ชัดเจนไม่มีการตั้งงบไว้ในปี 2567 ซึ่งแน่นอนชัดเจนรัฐบาลต้องรอเสนอ พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทเข้าสภาใช่หรือไม่

"ถ้าดูในภาพรวมวงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท พบว่าเป็นเบี้ยหัวแตก สะเปะสะปะ ไม่มียุทธศาสตร์ ทำงานแบบไม่มีเป้าหมายชัดเจน ไม่ได้ยึดโยงเป้าหมายในทางนโยบาย เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนปกแบบมั่วๆ โครงการเก่าเดิมจับมาโยงกับเป้าหมายใหม่ อีกทั้งนับรวมทุกรายจ่ายแล้วเคลมว่าเป็นงบลงทุนใหม่ เช่น งบทำถนน โครงการใหม่ทั้งหมด 200 โครงการไม่ได้มาจากรัฐบาล แต่เกิดจากหน่วยงานใหม่ที่มารับงบประมาณ ดังนั้นจึงไม่ได้สะท้อนวาระรัฐบาลจริงๆ ด้วยสภาพนี้ จึงมองไม่เห็นวาระเป้าหมายของรัฐบาลผ่านการทำงบประมาณฉบับนี้ แน่นอนการบรรลุเป้าหมายไม่จำเป็นต้องใช้งบเยอะเสมอไป เช่น การสร้างความชอบธรรมด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรม วันนี้ไม่แน่ใจจะทำได้จริงหรือตอกย้ำสังคมกันแน่ เพราะกำลังตอกย้ำสังคมให้อยู่ในหลักนิติธรรมสองมาตรฐาน เรือนจำมีไว้สำหรับพลเรือนสามัญที่ไม่มีอำนาจเงินทอง"

นายชัยธวัชกล่าวว่า พวกเรามองไม่เห็นวาระเป้าหมายของรัฐบาลผ่านการจัดทำ พ.ร.บ.ฉบับนี้ สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลรวมการเฉพาะกิจ ไม่มีเป้าหมายขับเคลื่อนร่วมกัน รวมการเฉพาะกิจแบ่งอำนาจ แบ่งกันกินกันใช้ชั่วคราว เพราะแบบนี้เราจึงเห็นการตั้ง ครม.แบบผิดฝาผิดตัว เพราะไม่ได้แบ่งงานตามวาระเป้าหมาย แต่แบ่งตามโควต้าทางการเมือง วันนี้จากที่เคยบอกว่าคิดใหญ่ทำเป็น บางทีบางวันก็กลายเป็นคิดไปทำไป คิดสั้นไม่คิดยาวบ้าง คิดอย่างทำอย่างก็มี

“หากการจัดตั้งรัฐบาลนี้จะมีวาระร่วมกันจริง เห็นว่าคงเป็นวาระแก้ปัญหาวิกฤติอำนาจของชนชั้นนำ เพราะการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลชุดนี้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง ว่านี่เป็นการรวมตัวกันเพื่อรักษาสภาวะเดิมของสังคมไทยเอาไว้ เป็นการรวมตัวกันเพื่อพยายามฝืนทวนการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย เป็นการรวมตัวกันเพื่อปกป้องพลังสังคมแบบจารีตและต่อต้านพลังสังคมใหม่ๆ ที่ต้องการอนาคตที่ดีกว่านี้” ผู้นำฝ่ายค้านในสภากล่าว

นายชัยธวัช กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนรัฐบาลประหารปี 2549 สังคมไทยได้เห็นโอกาสความพยายามรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ผู้นำทางการเมืองขณะนั้นเล็งเห็นว่าหากประเทศจะเจริญ จำเป็นต้องปฏิรูปงบประมาณ ระบบราชการ นโยบาย ที่เดิมล่าสมัยและไม่มีประสิทธิภาพ ขณะนั้นจึงได้เห็นความพยายามเปลี่ยนระบบงบประมาณ ที่เดิมงบส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดยระบบราชการตามกระทรวงต่างๆ และเปลี่ยนเป็นมุ่งเน้นตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ทว่า หลังรัฐประหาร ระบบราชการและจารีตได้กลับเข้ามาควบคุมสังคมไทยอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงไม่ได้เห็นเจตจำนงค์รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งพยายามปฏิรูปรัฐไทยอย่างจริงจังอีก สาเหตุเพราะพลังการเมืองที่เป็นพลังใหม่แห่งการเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันได้กลับไปร่วมสมาคมเป็นส่วนหนึ่งกับอำนาจเก่า ร่าง พ.ร.บ.นี้สะท้อนสภาวะทางการเมืองที่เป็นจริงอันนี้ พวกเราในฐานะฝ่ายค้าน สุดท้ายอยากสื่อไปยังรัฐบาลว่าเราไม่สามารถอยู่กันแบบเดิมได้อีกแล้ว รัฐบาลทราบดีหลังรัฐประหารสองครั้ง ระบบรัฐราชการรวมศูนย์ของไทยกลับมาอีกครั้งรวมศูนย์มากขึ้น เอาเฉพาะรายจ่ายบุคลากรภาครัฐ แทนที่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่กลับมีบุคลากรเพิ่มขึ้น 5 แสนคน จนมีภาระรายจ่ายที่เกี่ยวข้องคิดเป็น 40% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายฯ

นายชัยธวัช กล่าวทิ้งท้ายว่าพวกเราไม่อยากเห็นความไม่เปลี่ยนแปลงอีกต่อไป แม้เป็นฝ่ายค้านก็พร้อมสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลในการปฏิรูประบบราชการ ระบบงบประมาณ เพราะมีความสำคัญในการสร้างอนาคตของพวกเรา 3 วันต่อจากนี้ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ สส.อย่างซื่อตรง สร้างสรรค์ ขอให้ฝ่ายบริหาร ฝ่ายรัฐบาลเปิดใจรับฟังความเห็นและข้อวิจารณ์ด้วยหวังว่าอภิปรายจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ก้าวไกลแพ้! ศาลยกฟ้อง 'ณฐพร โตประยูร' แจ้งเท็จ-หมิ่น ล้มล้างการปกครอง

ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.308/2564 ที่พรรคก้าวไกล เป็นโจทก์ฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ,หมิ่นประมาทฯพร้อมเรียกค่าเสียหาย 20,062,475บาท   

รู้ไว้ซะ 'ปิยบุตร' เผย 'ทักษิณ' ได้กลับบ้าน เพราะก้าวไกลชนะเลือกตั้ง!

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงกันอีกครั้ง

'ชัยธวัช' อ้างสังคมตกผลึกช้า! หากยื้อรายงาน กมธ.นิรโทษกรรม

'ชัยธวัช' หวังได้เสนอรายงาน 'กมธ.นิรโทษกรรม' วันนี้ ชี้หากชะลอไปอีก สังคมจะยิ่งตกผลึกช้า ย้ำยังมีข้อเสนอตรงกลาง 'รวมคดี ม.112 แบบมีเงื่อนไข' เข้าใจความเห็นทุกฝ่าย มองไม่มีเหตุผลให้สภาโหวตคว่ำ