ฟันเปรี้ยง! อนาคต 'พท.-ก้าวไกล-ปชป.' ปี 2567

1 ม.ค. 2567 – นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อนาคต 3 พรรคการเมือง ปี 2567

ผมไม่ใช่โหรการเมือง ที่จะทำนายอนาคตพรรคการเมืองในปี 2567 ได้ แต่จะขออนุญาตวิเคราะห์ถึงทิศทางและความนิยมต่อพรรคการเมืองของประชาชน เพียง 3 พรรค ซึ่งประมวลข้อมูลจากผลโพลสำนักต่างๆ ข้อมูลส่วนตัว และความคิดของผมเท่านั้น

ถ้าพูดถึงสถานการณ์การเมืองในปี 2567 ในส่วนที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองนั้น ผมเห็นว่า มี 3 พรรคที่น่าสนใจ ต่อกระแสความนิยมของประชาชน คือ

1.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีโอกาสที่จะโชว์ผลงานเรียกคะแนนนิยม ให้กลับคืนมาได้มากที่สุด หลังจากเสียเครดิต จากการตระบัดสัตย์กระโดดข้ามขั้วจับมือกับพรรค 2 ลุง จัดตั้งรัฐบาล แต่ถ้าผลงานไม่เด่นชัดมากพอ ก็ไม่สามารถกู้ศรัทธากลับคืนมาได้ แม้จะมีคุณทักษิณที่พ้นโทษจากการถูกจำคุก มาอยู่เบื้องหลัง ก็เรียกคะแนนนิยมให้กับพรรคเพื่อไทยได้ระดับหนึ่งเท่านั้น เชื่อว่าตลอดปี 2567 ถ้าหากรัฐบาลซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ไม่สามารถสร้างผลงานให้โดดเด่น เป็นที่ประทับใจประชาชนได้ ความนิยมของพรรคจะอยู่ในระดับเท่าเดิมไม่บวกไม่ลบ

2.พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคที่มี สส.อันดับหนึ่ง มีเสียงสนับสนุนจากประชาชนทั่วประเทศ 14 ล้านคน แต่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลได้ เหมือนถูกหักหลังไปจัดรัฐบาลข้ามขั้ว สร้างกระแสกีดกันพรรคก้าวไกล โดยยกเอาข้ออ้างประเด็นมาตรา 112 ขึ้นมาบังหน้า ยิ่งทำให้มวลชนโกรธแค้นพรรคเพื่อไทยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะชนชั้นกลางจะเห็นใจพรรคก้าวไกลที่ถูกกันแกล้ง จะเทเสียงให้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าการทำบทบาทฝ่ายค้านของพรรคก้าวไกล โดดเด่นเข้าตาประชาชน ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคก้าวไกล ยังครองความนิยมเป็นอันดับหนึ่งได้อีก

3.พรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางสถานการณ์พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล แย่งชิงฐานคะแนนเสียงกัน แต่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่เสียโอกาสมากที่สุด ทั้งที่เคยเป็นพรรคหลักหรือขั้วการเมือง แต่ด้วยจุดยืนทางการเมืองที่ไม่ชัดเจน ทำให้มวลชนที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ แต่ปันใจไปเลือกพลเอกประยุทธ์ เมื่อพลเอกประยุทธ์วางมือทางการเมือง มวลชนกลุ่มนี้ยังเคว้งคว้าง ชนชั้นกลางที่หันไปเลือกพรรคก้าวไกลมากขึ้น ยังไม่เปลี่ยนใจกลับมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์เหมือนเมื่อก่อน เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีจุดขายอะไรโดดเด่น และไม่ได้แสดงท่าทีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน ยังคิดทำตัวเป็นพรรคอะไหล่ หลังร่วมรัฐบาลอย่างเดียว จะทำให้สูญเสียมวลชนฐานคะแนนเดิม โดยไม่หวนกลับมาอีก ซึ่งเป็นการเสียโอกาสของพรรคประชาธิปัตย์อย่างน่าเสียดายที่สุด

สรุปได้ว่าการเมืองปี 2567 พรรคเพื่อไทย มีเสมอตัวหรือติดลบ พรรคก้าวไกล มีเสมอตัวหรือบวก ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ มีติดลบอย่างเดียว ไม่มีบวกหรือเสมอตัวเลย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป

'วิโรจน์' บอก 7 ส.ค. ผลออกมา ต้องมีคำอธิบายที่ปชช.เข้าใจได้

'วิโรจน์' บอกตามตรง 7 ส.ค. ก็แค่วันปกติ ยัน ไม่ตื่นตระหนก แต่ไม่ประมาท 'คดียุบก้าวไกล' หากผลเป็นลบ ก็ต้องตอบสังคมให้ได้ภายใต้กรอบนิติรัฐ-นิติธรรม