'ก้าวไกล' โคม่าส่งท้ายปี 'ศาลรธน.' เปิดห้องไต่สวนคดี แก้ ม.112 ล้มล้างการปกครองฯ

คริสต์มาสเดือด ศาลรธน.เปิดห้องไต่สวนคดี ก้าวไกล แก้ 112  ล้มล้างการปกครองฯ  เผยเรียก พยานปากเอกสองคนให้ถ้อยคำ พรรคส้ม โคม่า ผู้ร้องบอก มั่นใจมาก หลังเห็นข้อมูลหลายหน่วยงานราชการส่งถึงศาล สนับสนุนข้อกล่าวหา

24 ธ.ค.2566 –  ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลรัฐธรรมนูญว่า ในวันจันทร์ที่ 25 ธ.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะเปิดห้องพิจารณาคดีเพื่อไต่สวนคำร้องคดี”ล้มล้างการปกครองฯ” หรือคดีที่ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องให้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่าการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 1 และ พรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่…)พ.ศ…เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งและยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่

ด้านนายธีรยุทธ ผู้ร้องคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า จะเดินทางไปศาลรัฐธรรมนูญเพื่อรับฟังการให้ถ้อยคำของพยานที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมา โดยทางศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เรียกให้ตนขึ้นให้ถ้อยคำแต่อย่างใด รวมถึงเท่าที่ทราบ ศาลก็ไม่ได้เรียกให้แกนนำพรรคก้าวไกล ทั้งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลในฐานะผู้ถูกร้องที่ 1 รวมถึงนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล คนปัจจุบัน ขึ้นให้ถ้อยคำด้วย โดยทราบเบื้องต้นว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้เรียกพยานที่อยู่ในบัญชีรายชื่อพยานบุคคลที่พรรคก้าวไกลยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ จำนวนสองคน ขึ้นให้ถ้อยคำเท่านั้น

นายธีรยุทธกล่าวถึงความมั่นใจในการสู้คดีล้มล้างการปกครองฯดังกล่าวว่า มั่นใจในคำร้อง เพราะก่อนหน้านี้เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางศาลรัฐธรรมนูญ ได้อนุญาตให้เข้าไปตรวจสำนวนที่ยื่นต่อศาล โดยเท่าที่ดูข้อมูล ก็มีข้อมูลที่ทางศาลรัฐธรรมนูญเรียกข้อมูลจากหลายหน่วยงานราชการ ส่งมาให้พิจารณาในในสำนวนคำร้อง  โดยเท่าที่ดูข้อมูล พบว่า หลายหน่วยงานที่ส่งไป ให้ศาล ออกมาในแนวทางสนับสนุนคำร้องที่ผมยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ  อย่างไรก็ตาม ศาลจะวินิจฉัยออกมาอย่างไร ก็อยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ

 “คำร้องคดีดังกล่าว เป็นเรื่องของการขอให้ ศาลวินิจฉัยว่า เห็นควรให้พรรคก้าวไกลหยุดการรณรงค์หาเสียงหรือการรณรงค์ให้ยกเลิกการแก้ไขมาตรา 112 ได้หรือไม่ เพราะหากยังคงปล่อยให้มีการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมหรือร่างยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จนมีการนำร่างดังกล่าว เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาได้ ก็จะทำให้อาจเกิดการก้าวล่วงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยที่ตอนเสนอร่างแก้ไขเข้าสภาฯ แล้วทางรัฐสภามีการพิจารณา ทางสมาชิกรัฐสภาทั้งสส.และสว.เวลาเขาอภิปราย เขาจะได้เอกสิทธิ์คุ้มครองเวลาอภิปรายเรื่องนี้ รวมถึงยังคุ้มครองถึงคนที่จะนำข้อความการอภิปรายดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อด้วย ที่อาจมีผลกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ คำร้องคดีนี้ จึงเป็นการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้พรรคก้าวไกล ยุติการเคลื่อนไหวในเรื่องการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112”นายธีรยุทธ กล่าว

เมื่อถามว่า ผลคำวินิจฉัยคดีดังกล่าว หากสุดท้าย ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ให้พรรคก้าวไกล ยุติการเคลื่อนไหวหรือดำเนินการใดๆเกี่ยวกับมาตรา 112 ผลที่จะตามมาจะเป็นอย่างไร จะมีการยื่นคำร้องให้ยุบพรรคก้าวไกลต่อไปหรือไม่ นายธีระยุทธกล่าวว่า เรื่องดังกล่าว โดยตามขั้นตอน ก็เป็นหน้าที่โดยตรงของคณะกรรมการการเลือกตั้งอยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ใดต้องไปยื่นให้กกต.ดำเนินการ เพราะกกต.มีหน้าที่โดยตรงในการสอดส่อง ดูการหาเสียงของพรรคการเมือง เพราะเลขาธิการกกต.ก็เป็นนายทะเบียนพรรคการเมืองโดยตำแหน่ง ทำให้เขาต้องทำหน้าที่ดังกล่าวตามปกติ

รายงานข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งว่า สำหรับพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำวันที่ 25 ธ.ค.นี้ เป็นพยานที่เป็นนักกฎหมายที่พรรคก้าวไกลเสนอบัญชีรายชื่อพยานไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา โดยมีรายงานว่า พรรคก้าวไกล เสนอบัญชีรายชื่อพยานไปทุกปาก

และหลังการไต่สวนพยานเสร็จสิ้นลง ที่คาดว่าไม่เกิน 12.00 น. ทางศาลรัฐธรรมนูญ จะประกาศกำหนดวันนัดประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อลงมติและอ่านคำวินิจฉัยคดีดังกล่าวทันที โดยคาดว่า อาจจะนัดช่วงสิ้นเดือนมกราคม 2567 หรือไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่จะเป็นการนัดต่อจาก คดีหุ้นสื่อไอทีวี ของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ศาลไต่สวนเมื่อ 20 ธ.ค.เสร็จ ศาลก็นัดอ่านคำวินิจฉัย 24 ม.ค. 2567

สำหรับคำร้องคดีดังกล่าว หากศาลรัฐธรรมนูญ ยกคำร้อง ก็ถือว่ายุติ แต่หากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้พรรคก้าวไกลยุติการเคลื่อนไหวทุกอย่างในเรื่องมาตรา 112 อาจทำให้มีบางฝ่าย เคลื่อนไหวไปยื่นเรื่องต่อนายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อให้กกต.ยื่นคำร้องเอาผิดนายพิธาและพรรคก้าวไกล ต่อศาลรัฐธรรมนูญ  ตามมาตรา 92 (2) ของ พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ ที่บัญญัติว่า

“หากพรรคการเมืองใดกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ ให้ กกต.ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มติเอกฉันท์! ศาลรธน. ตีตก 7 คำร้อง ขอให้วินิจฉัยเลือก สว. ไม่ชอบ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับ 7 คำร้องที่มีการร้องขอให้วินิจฉัยเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ประกอบด้วยคำร้องของนายสมบูรณ์ ทองบุราณ,นายวัฒนา ชมเชย ,ว่าที่ร.ต.วิชชุกร คำจันทร์ นายจิรัฎฐ์ แจ่มสว่าง,นายปรีชา เดชาเลิศ,นางฤติมา กันใจมา,

'สนธิญา' ยื่นหลักฐานเพิ่ม ร้องศาลรธน. สั่ง 'อิ๊งค์' หยุดปฏิบัติหน้าที่ แจกเงินหมื่นไม่ตรงปก

นายสนธิญา สวัสดี นำเอกสารหลักฐานไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยรัฐบาลดำเนินโครงการแจกเงินหมื่นแตกต่างจากนโยบายดิจิตอลวอลเล็ต 10,000 บาท

ปลุกรุมบี้ 'รัฐบาลอิ๊งค์' ส่งศาล รธน. ชี้ขาด 'MOU 44'

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ท่านที่ได้อ่านโพสต์ที่แล้วของผม คงจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับที่มาที่ไป