19 ธ.ค.2566 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมด้วย นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ และ น.ส.ศุภมาศ อิสรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ เรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้กับทหารกองประจำการ ระหว่าง กระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน)
โดยนายสุทิน กล่าวว่า พิธีการลงนามข้อตกลงวันนี้เกิดขึ้น ด้วยความมุ่งหมายของกระทรวงกลาโหม ที่คิดว่าต่อไปนี้กำลังพลทุกระดับจะต้องเพิ่มเติมเรื่องการศึกษา และให้โอกาสกำลังพลพัฒนาตัวเอง เพื่อเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้กับประเทศชาติ จุดสำคัญที่สุดก็คือ ทหารกองประจำการ หรือทหารเกณฑ์ ที่เข้ามาเป็นทหาร 2 ปี กระทรวงกลาโหมจะเปลี่ยนกระบวนทัศน์ หรือแนวคิดของคนในสังคมเสียใหม่ โดยฝ่ายประชาชนเดิมทีคิดว่าเป็น 2 ปีของความสูญเสียโอกาส และหยุดชะงักของการพัฒนาของเยาวชน แต่ปัจจุบันจะเปลี่ยนเป็น 2 ปีของการเพิ่มศักยภาพ และโอกาสการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น ทำให้เลิกยาเสพติด พร้อมเติมการศึกษาถึงระดับสูงสุด ผ่านระบบการเรียนออนไลน์ การฝึกวิชาชีพ จนได้ใบประกาศและใบรองรับคุณวุฒิ โดยมีสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ที่จะเข้าไปวัดมาตรฐานฝีมือ ซึ่งสัปดาห์หน้าจะมีการลงนาม MOU กับสถานศึกษาสถาบันเอกชน รวมถึงภาคธุรกิจ
นายสุทิน กล่าวว่า สำหรับเรื่องรายได้ของทหารกองประจำการ จะได้รับ 11,000 บาทต่อเดือน โดยไม่หักค่าประกอบเลี้ยง ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ชายไทยเข้ามาเป็นทหาร และโอกาสที่จะได้เห็นทหารสมัครใจ 100% โดยไม่ต้องเกณฑ์ ซึ่งจะเป็นรูปธรรมใน 2 ปี แต่ในภาพรวมของกระทรวงกลาโหมตั้งเป้าเอาไว้ในปี 2570
รมว.กลาโหม กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากคณะกรรมการเรื่องการปรับโครงสร้างกองทัพและลดกำลังพล ที่ได้ทำงานในระดับหนึ่ง ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ต่อไปนี้กระทรวงกลาโหมเดินหน้าปรับโครงสร้างให้ทันสมัย ลดกำลังพล 2 ระยะ โดยระยะเร่งด่วน 3 ปีแรกงบประมาณ 2568-2570 จะมีการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงกลาโหม ปิดหน่วย ควบรวมหน่วย ปิดอัตรา ซึ่งใน 3 ปี คาดว่าจะปิดได้ 1,713 อัตรา และสามารถนำไปใช้จ่ายในการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพในด้านอื่นๆ เพื่อให้กองทัพมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ มีขนาดเล็กลงแต่คล่องแคล่ว นอกจากนี้ จะนำระบบเออรี่รีไทร์ สำหรับทหารที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยจะมีการปรับยศให้สูงขึ้นและได้เงินเพิ่ม โดยงบประมาณที่จะนำไปรองรับส่วนนี้ จะของบกลางจากรัฐบาลปีละ 200 ล้าน 3 ปีรวม 600 ล้าน ซึ่งประหยัดกว่าที่จะรอให้คนเหล่านี้เกษียณตามอายุ ที่จะต้องใช้งบประมาณถึง 4,000 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บิ๊กเล็ก' ยันกองทัพไม่ได้อ่อนแอ รัฐบาลสั่งก็พร้อม ลั่นรบว้าแดงไม่ยาก แต่ผลกระทบเกินเยียวยา
พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยเมียนมา กรณีพื้นที่ที่มีการพิพาทเกิดขึ้นกับกลุ่มว้าแดงในขณะนี้ ว่า ประเด็นนี้ไม่ขอลงรายละเอียด
'บิ๊กเล็ก' คาดร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบกลาโหม เสร็จอย่างช้า ก.พ.68
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพบก ว่า เป็นไปตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีแ
'หัวเขียง' ปรับแก้ 10 กว่าจุด ลั่นหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ต้องเสนอ กม.ยึดอำนาจกองทัพ กลับไปใหม่
นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าในวันที่ 12 ธ.ค.ตนจะแจ้งเรื่องต่อที่ประชุมพรรคเพื่อไทย เพื่อขอถอนร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่เสนอ
นายกฯอิ๊งค์ ยืนยันจุดยืนรัฐบาล ไม่มีเจตนาแทรกแซงกองทัพ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ว่า เรื่องนี้มีความคิดเห็นต่างกันอยู่แล้วก็ต้องรับฟังทุก
อย่าวางใจ 'หัวเขียง-เพื่อไทย' ถอนร่างกฎหมายยึดอำนาจกองทัพ
แม้ดูแนวโน้มแล้ว นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ จากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสที่จะถอนร่าง กฏหมายยึดอำนาจกองทั