ศาลสั่งจำคุก 6 กปปส.ชุดเล็ก ชุมนุมขับไล่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก่อความวุ่นวายยุให้มีการหยุดงานในบ้านเมือง ตั้งเเต่ 6 เดือน - 5 ปี เมตตารอลงอาญาคนละ 2 ปี ยกฟ้อง 'กิตติศักดิ์ ปรกติ'
1 ธ.ค.2566 - ที่ห้องพิจารณา801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี กปปส. ชุดเล็กร่วมกันกบฏ ก่อการร้าย หมายเลขดำอ.2732/2562 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ4 เป็นโจทก์ฟ้องนายนัสเซอร์ ยีหมะ,นายอุทัย ยอดมณี,นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา น.ส.จิตภัสร์ หรือตั๊น กฤดากร ,นายพานสุวรรณ ณ แก้ว,นายประกอบกิจ อินทร์ทอง และนายกิตติศักดิ์ ปรกติ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-7ในความผิด ฐาน ร่วมกันมั่วสุม เป็นกบฏสมคบกันใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ฯ
โดยอัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 16 ต.ค.2562 สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย.2556-1พ.ค.2557จำเลยกับพวกซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มคณะกรรมกาประชาชน เพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข( กปปส.) โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. จำเลย ที่ศาลพิพากษาลงโทษได้ร่วมกันกับพวกจำเลยคดีนี้ มั่วสุม เป็นกบฏสมคบกันใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ต่อต้านการบริหารราชการแผ่นดินและขับไล่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้พ้นจากตำแหน่ง ยุยง ปลุกระดม ให้ประชาชนกระด้างกระเดื่อง
พวกจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
วันนี้กลุ่มจำเลยทยอยเดินทางมาศาล รวมถึงนาย
จตุพร พรหมพันธุ์ เดินทางมาให้กำลังใจ
ด้านนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความในคดี กล่าวว่า คดีนี้เป็นกบฎ กปปส. ชุดกลาง จำเลย 7 คน โดยศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมฯ เช่นเดียวกับกรณีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำ กปปส.
ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวโน้มคำพิพากษาของศาลจะเป็นไปในลักษณะเช่นเดียวของนายสุเทพ ที่พิพากษาจำคุกหรือไม่ นายสวัสดิ์ ตอบว่า ต้องยอมรับว่า การชุมนุมมีผู้รักชาติรักแผ่นดินมาเป็นร่วมจำนวนมาก ดังนั้นพฤติการณ์ก็จะแยกออกเป็นกลุ่ม และในแต่ละกลุ่มพฤติการณ์ก็จะต้องแยกออกเป็นรายบุคคลอีก ซึ่งมองว่า ตามหลักการทางอาญาแล้ว การจะพิจารณาแบบเหมารวมไม่สามารถทำได้
ส่วนแนวทางในการต่อสู้ทางคดีนั้น ขอยืนยันว่า เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ใช้ความรุนแรง รวมถึงลักษณะของการปราศรัย เช่น น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ก็เป็นการแปลเนื้อหาข่าวสารให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดความคาดเคลื่อนในการรายงานข่าวอย่างไรก็ตาม เราเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และพร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล
โดยศาลพิจารณาพยานหลักฐานคู่ความทั้งสองที่เบิกความตรงกันเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยว่าการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนเเปลงการปกครองทำให้เกิดความเเตกเเยกในบ้านเมืองพฤติการณ์ไม่ใช่การทำกบฎให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 7 ในข้อหากบฎฯ ส่วนข้อหาเกี่ยวกับการชุมนุมข้อหาอื่น ๆ อาทิเช่น ทำให้เกิดความวุ่นวายและทรัพย์สินเสียหาย ยุยงให้มีการหยุดงาน รวมถึงขัดขวางการเลือกตั้ง ศาลลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละรายแตกต่างกัน
พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 นายนัสเซอร์ ยีหมะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตราที่ 117 วรรคสอง , 215 วรรคหนึ่งฐานเข้า มีส่วนให้เกิดการร่วมกันหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลและฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปกระทำการให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้บทลงโทษที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ฐานเข้ามีส่วน ให้เกิดการร่วมกันหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลจำคุก6 เดือนและปรับ 20,000 บาท
พิพากษาจำเลยที่4 น.ส.จิตภัสร์ หรือตั๊น กฤดากร มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 117 วรรคหนึ่ง, 215 วรรคหนึ่งฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลและฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ สิบคนขึ้นไป กระทำการให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดอกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลจำคุก 9 เดือน และปรับ 40,000 บาทไม่ปรากฏว่าจำเลยที่4เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน
พิพากษาว่า นายอุทัย ยอดมณี,นายนิติธร ล้ำเหลือจำเลยที่2-3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (2),117วรรคหนึ่ง, 215 วรรคหนึ่ง 216, 358 ,362 ประกอบ 365 (2) พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรและได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาพ.ศ. 2550 มาตรา 36,152 การกระทำของจำเลยที่ 6 และจำเลยที่3 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรม ต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามป.อ.91 กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่ จะก่อความไม่สงบในราชอาณาจักรจำคุกคนละ2ปี และปรับคนละ 100,000 บาทฐานขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไป ณ ที่เลือกตั้ง จำคุกคนละ 1 ปีปรับคนละ 20,000 บาท ฐานร่วมกันทำให้เสียซับจำคุกคนละ 1 ปีปรับ 20,000 บาท ฐานร่วมกันบุกรุกโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปจำคุกคนละ1 ปีปรับคนละ 20,000 บาท ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการ หยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลและฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป กระทำการให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้บทลงโทษที่มีบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลจำคุกคนละ9 เดือนปรับคนละ 40,000 บาทรวมห้ากระทงจำคุกคนละ5 ปี9 เดือนปรับคนละ 200,000 บาท
พิพากษาว่า นายพานสุวรรณ ณ แก้ว,นายประกอบกิจ อินทร์ทอง จำเลยที่ 5 และจำเลยที่6มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (2), 117 วรรคหนึ่ง ,215 วรรคหนึ่ง, 216, 358 ,362 ประกอบ 365 (2) กรานกระทำของจำเลยที่5และที่6 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันจึงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามป.อ .91 ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาเพื่อก่อให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่ จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรจำคุก2ปีปรับ 100,000 บาทฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์สินจำคุกคนละ1ปีปรับคนละ 20,000 บาท ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลและฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปกระทำการให้ เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบททำให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลจำคุกคนละ9เดือนปรับ 40,000 บาทรวมจำคุกคนละ4ปี9เดือนปรับคนละ 180,000 บาท
ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่2-6 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนส่วนจำเลยที่1 เคยได้รับโทษจำคุกมีกำหนด6 เดือนมาก่อน
จำเลยทั้งหมดกระทำความผิดสืบเนื่องจากมีข้อมูลถึงการกระทำที่ไม่ชอบของนักการเมืองจำเลยทั้งหมดจึงมีเจตนารมย์และเป็นการแสดงออกเพื่อต่อสู้ให้เกิดความชอบธรรมตามหลักนิติรัฐนิติธรรมเป็นสำคัญ มิใช่เป็นการกระทำเพื่อตนเองจำเลยทั้งหมดมอบตัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมด้วยความกล้าหาญไม่เคยมี พฤติการณ์หลบหนีเห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด2ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56(2) สำหรับจำเลยที่1 และมาตรา 56(1) ข้อหาและคำขออื่นให้ยก
ยกฟ้องนายกิตติศักดิ์ ปรกติ จำเลยที่7 เนื่องจากเป็นการขึ้นปราศรัยโดยให้ความเห็นทางรัฐธรรมนูญในการเรียกสิทธิ
ภายหลังการฟังคำพิพากษานายนัสเซอร์ ยีหมะ จำเลยที่1 ในคดี ได้เปิดเผยว่า ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาว่าจะไม่รอลงอาญาตนเพราะเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จากนั้นตนและทนายได้เข้าไปปรึกษาข้อกฎหมายกับทางศาล ว่าคดีอื่นที่ตนเคยโดนโทษจำคุก 6 เดือนมาก่อนแต่ว่าเวลาผ่ายไปนานกว่า 5 ปีแล้ว ตามกฎหมายในส่วนของตนจึงสามารถรอลงอาญาได้ แต่ต้องเสียค่าปรับ 20,000 บาทแทนเเละยื่นร้องต่อศาล
ต่อมาศาลได้ตรวจสอบเท็จจริงเเล้วพบข้อผิดหลงจึงเเก้ไขคำพิพากษาเป็นว่าให้รอลงอาญา เเละอ่านให้จำเลยที่ 1 ฟัง
โดยน.ส.จิตภัสร์ได้เดินทางกลับทันที
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อหรือไม่ น.ส.จิตภัสร์ ไม่ได้ตอบเเต่พยักหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดินเนอร์พรรคร่วมฯพิธีกรรมลวงๆ สุดท้ายอยู่ที่จันทร์ส่องหล้า 'บอสแม้ว' กินข้าวเชือดทีละพรรค
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ดินเนอร์ เชือดทีละพรรค
แกนนำคปท. ฟาดกลับ 'นิติสงคราม' ที่แท้จริงคือ การทำลายกระบวนการยุติธรรมของ'ทักษิณ'
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊ก กรณีที่มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบพฤติการณ์ของพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร ถูกมองว่าเป็นนิติสงคราม ว่า
แกนนำคปท.เตือน นายกฯตั้ง 'ณัฐวุฒิ' มารับม็อบ จะขยายวงสงครามออกไป
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เแต่งตั้ง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
กฐินการเมืองหลายกอง จองทอดวัดจันทร์ส่องหล้า เชิญปชช.เที่ยวงานให้สมใจ
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ(คปท.) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า กฐินวัดจันทร์(ส่องหล้า)
อันตราย! การแจกเงินที่เป็น 'เงินภาษี' แล้วบอกว่า มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีกิน มีใช้
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ(คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ห่างไกล
คปท.ปลุก ต้าน 'ระบอบชินวัตร' 7 ก.ย.มาเจอกัน อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า