'อดีตรองอธิการ มธ.' ชำแหละ 4 แคนดิเดตผู้ว่าฯกทม.

'อดีตรองอธิการ มธ.' สแกนยิบคุณสมบัติ 4 แคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม. 'อัศวิน-ชัชชาติ-ดร.เอ้-รสนา' ฟันธง 'พลังเงียบ' เสียงชี้ขาดสนามเมืองกรุง

20 ธ.ค. 2564 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ระยะเวลาที่ผ่านมา บรรยากาศของการแข่งขันชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกำลังคึกคัก ทั้งที่กว่าจะมีการเลือกตั้งจริงๆ อาจจะถึงกลางปีหน้า ขณะนี้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ประกาศตัวแล้วมี 3 คนคือ

1.รองศาสตราจารย์ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะลงสมัครในนามอิสระ

2.ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จะลงในนามพรรคประชาธิปัตย์

3.คุณรสนา โตสิตระกูล อดีตวุฒิสมาชิกในสมัยที่วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้ง จะลงสมัครในนามอิสระ

ที่ไม่ได้ประกาศตัวอย่างเป็นทางการ แต่ค่อนข้างแน่ว่าจะลงสมัครในนามอิสระก็คือ ผู้ว่าฯ กทม. คนปัจจุบัน พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. ในทีมของพรรคประชาธิปัตย์ และที่ปฏิเสธที่จะลงสมัครแน่นอนแล้วคือ ผู้ว่าฯ หมูป่า คุณณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ข้ออ้างคือย้ายสำมะโนครัวไม่ทัน

น่าสนใจอย่างยิ่งว่าผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะออกมาอย่างไร เพราะผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไป พรรคการเมืองน่าจะได้เปรียบใน กทม. จะเป็นพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคก้าวไกล หรือพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาได้รับความนิยมอีก ส่วนพรรคเพื่อไทยน่าจะยังไม่เป็นพรรคยอดนิยมของคนกทม. ได้

พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง เนื่องจากเป็นผู้ว่าฯ คนปัจจุบัน ดูเหมือนจะมีความได้เปรียบอยู่บ้างตรงที่ว่า อย่างน้อยคน กทม. ได้เห็นฝีมือกันมาแล้วหลายปี นอกจากผลงานการจัดระเบียบสถานที่ใน กทม. ให้น่าอยู่ขึ้น ตามแนวทางของรัฐบาล เช่น จัดระเบียบคลองโอ่งอ่าง คลองลาดพร้าว ซึ่งก็ไม่ใช่งานง่าย แต่ก็ไม่มีผลงานอื่นๆ ที่โดดเด่นหวือหวา ยังไม่สามารถเนรมิตรภูมิทัศน์ของกรุงเทพมหาครให้น่าอยู่อย่างที่คนรุ่นใหม่ต้องการได้ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย สำหรับคนที่ไม่อยากเสี่ยงเลือกคนที่ยังเห็นฝีมือไม่ชัด และไม่ต้องการเห็นอะไรเปลี่ยนแปลงจากที่เป็นอยู่มากนัก พลตำรวจเอกอัศวิน ก็น่าจะเป็นตัวเลือกของคนกลุ่มนี้ ข้อดีอีกอย่างของ พลตำรวจเอกอัศวิน คือ ไม่มีคราบของพรรคประชาธิปัตย์หลงเหลืออยู่เลย อย่าลืมว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ ส.ส.กทม. แม้แต่คนเดียวในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธ์ เปิดตัวก่อนคนอื่นมาเป็นเวลานาน เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้ที่มีประวัติการศึกษาดีเยี่ยม ไม่มีข้อกังขาใดๆ เกี่ยวกับพื้นฐานการศึกษา แต่ประสบการณ์ทำงานยังไม่อาจพิสูจน์ได้ชัด เพราะช่วงเวลาที่ดูแลกระทรวงคมนาคมเป็นช่วงเวลาเพียงปีกว่าๆ ยังไม่เห็นอะไรที่โดดเด่น ในช่วงแรกๆ ที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ จัดว่าเป็นรัฐมนตรีที่โลกลืม ต่อมาเมื่อได้เป็นรัฐมนตรีว่าการ จึงเป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี และได้เห็นภาพในสื่อมวลชนว่า เป็นรัฐมนตรีที่นั่งรถเมล์ไปปฏิบัติงานเพียงคนเดียวก็ได้

ครั้งนี้ ดร.ชัชชาติประกาศจะลงสมัครรับเลือกโดยอิสระ ไม่สังกัดพรรคใด คงเป็นเพราะชาว กทม.ไม่ค่อยจะนิยมพรรคเพื่อไทยสักเท่าใดนั่นเอง แต่จะอย่างไรก็คงสลัดภาพของพรรคเพื่อไทยออกไปได้ไม่หมด เนื่องจากกพรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งผู้ใดลงสมัครในการเลือกตั้งครั้งนี้ ชาว กทม.จึงเชื่อว่าจะอย่างไรพรรคเพื่อไทยก็คงจะให้การสนับสนุน ดร.ชัชชาติอยู่ข้างหลังอยู่ดี ดังนั้นแนวโน้มคือ ผู้ที่จะลงคะแนนให้ ดร.ชัชชาติ ก็น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ไม่เอารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ และไม่เอาพรรคพลังประชารัฐ และน่าจะเป็นกลุ่มคนที่ค่อนข้างมีการศึกษาดี อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของ กทม. และคาดหวังว่าผู้ว่าฯคนใหม่น่าจะเป็นทางเลือกกว่าคนเดิม

ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ มีข้อดีตรงที่มีความสด ไม่มีแผลใดๆ ในทางการเมือง ประวัติการศึกษาดีเยี่ยม บวกลบคูณหารแล้วเรียกได้ว่ามีความเด่นเรื่องการศึกษาพอๆ กับดร.ชัชชาติ ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในแวดวงการศึกษาหลายตำแหน่ง นอกจากเป็นอธิการบดีแล้ว ยังได้รับเลือกเป็นประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย และเคยเป็นนายกสมาคมนักเรียนทุนรัฐบาล

อาจเป็นเพราะว่า แม้ ดร.สุชัชวีร์จะเป็นคนที่มีชื่อเสียงพอสมควร แต่ก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จึงพยายามพูดถึงตัวเอง หรือจะเรียกว่าโฆษณาตัวเองมากสักนิด โดยเฉพาะในวันเปิดตัวในนามพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการ ซึ่งคุณสมบัติอย่าง ดร.ชัชวีร์ ไม่จำเป็นต้องโฆษนาตัวเองมาก เพราะเพียงแค่ประกาศตัวว่าจะลงสมัคร ก็จะมีคนไปขุดคุ้ยประวัติให้เอง ดูอย่างกรณีที่ประกาศในวันเปิดตัวว่าอาจารย์ที่ปรีกษาขณะที่เรียนอยู่ที่ MIT ชื่อ Prof. Herbert Einstein เป็นหลานของ Prof.Albert Einstein นักฟิสิกส์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ตัวเองจึงถือได้ว่าเป็นทายาทของ Einstein คนเดียวในประเทศไทย จากนั้นสำนักข่าวที่ไม่น่าจะหวังดีต่อดร.สุชัชวัร์ ก็เริ่มไปขุดคุ้ยตรวจสอบ พบว่าแท้ที่จริง Prof. Herbert Einstein ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับ Prof. Albert Einstein เลยแม้แต่น้อย จึงนำข้อมูลนี้มาเปิดเผย ทำให้เกิดภาพลบต่อดร.สุชัชวีร์ไม่น้อย แต่ ดร.ชัชวีร์ก็ชี้แจงว่าตัวเองเข้าใจเช่นนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เนื่องจากเป็นสิ่งที่รุ่นพี่บอกต่อๆ กันมา

เมื่อได้ฟังคำชี้แจงของดร.ชัชวีร์ แรกทีเดียวรู้สึกว่าเป็นคำแก้ตัวมากกว่าความจริง แต่เมื่อได้รับคำยืนยันจาก ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร หลานชายผมซึ่งจบจาก MIT เช่นเดียวกันว่า เขาเองเมื่อเรียนอยู่ก็เข้าใจเช่นนั้นมาโดยตลอด และไม่ได้เคยคิดที่จะไปถามเจ้าตัว จึงต้องเชื่อว่าเป็นความจริง

หาก ดร.สุชัชวีร์ลงสมัครในนามอิสระ ไม่ใช่ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ก็น่าจะเป็นคู่แข่งโดยตรงที่จะไปแย่งคะแนนจาก ดร.ชัชชาติได้ไม่น้อย แต่เมื่อลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์เสียแล้ว กลุ่มคนที่ไม่เอารัฐบาล ไม่เอาพลเอกประยุทธ์ และตั้งใจจะลงคะแนนให้ ดร.ชัชชาติ ก็คงจะไม่วอกแวกเปลี่ยนใจมาลงคะแนนให้ ดร.สุชัชวีร์แน่ๆ ยิ่งมีข่าวเรื่อง Prof. Einstein ยิ่งทำให้เกิดข้อกังขายิ่งไม่เลือก ส่วนกลุ่มคนที่สนับสนันรัฐบาล ก็คงต้องรอดูว่าพรรคพลังประชารัฐจะส่งใครลงสมัครหรือไม่ ถ้าไม่ ดร.สุชัชวีร์ก็จะได้คะแนนจากคนกลุ่มนี้เป็นส่วนใหญ่เลยทีเดียว

คุณรสนา โตสิตระกูล มีชื่อเสียงโด่งดังจากการขัดขวางไม่ให้รัฐบาลทักษิณ ชินวัตรแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้สำเร็จ จนทำให้ได้รับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกในเวลาต่อมาด้วยคะแนนเป็นอันดับ 1 หากมีโอกาสลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ในช่วงเวลานั้น จะมีโอกาสมากกว่าช่วงนี้ คุณรสนาเป็นนักรณรงค์เพื่อผู้บริโภคและในด้านอื่นๆ อีกมากมาย ภาพของคุณรสนาจึงเป็นภาพของเอ็นจีโอที่เคลื่อนไหวในเรื่องต่างๆ ตลอดเวลา ไม่ใช่ภาพของนักบริหาร กลุ่มคนที่จะลงคะแนนให้คุณรสนา จึงน่าจะเป็นกลุ่มเอ็นจีโอที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และไม่ได้เป็นฝ่าย 3 นิ้ว และบรรดาแนวร่วมที่มีอุดมการณ์เดียวกันกับคุณรสนา ซึ่งไม่น่าจะมีมากนัก คุณรสนาจึงน่าจะเป็นม้านอกสายตา หากจะชนะการเลือกตั้งได้ ก็ต้องถือว่าเป็นการพลิกล็อกอย่างมโหฬารเลยทีเดียว

ทั้งหมดนั้นคือ candidates ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเท่าที่ได้ประกาศตัวออกมาแล้ว ยังมีพรรคก้าวไกลที่เพิ่งประกาศว่าจะส่งผู้สมัครลงแข่งด้วย โดยจะประกาศชื่อในเดือนมกราคม 2565 ให้ข่าวว่าจะเป็นผู้สมัครที่เป็นที่รู้จักของชาวกทม เป็นอย่างดี ถ้าเป็นเช่นนั้น กลุ่ม 3 นิ้วที่ตั้งใจจะเลือก ดร.ชัชชาติ ส่วนใหญ่จะหันมาเลือกผู้สมัครของพรรคก้าวไกล ทำให้ ดร.ชัชชาติที่คะแนนนิยมนำโด่งอยู่ตามโพลต่างๆ ขณะนี้จะต้องเสียคะแนนให้กับผู้สมัครของพรรคก้าวไกลเป็นจำนวนมากแน่นอน

ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าใครน่าจะเป็นผู้ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเพพมหานคร สิ่งที่บอกได้ในขณะนี้คือ ผู้สมัครแต่ละคนก็จะมีฐานคะแนนที่เป็นของพรรคการเมือง หรือกลุ่มต่างๆ ที่สนับสนุนผู้สมัครแต่ละคนอยู่ มากน้อยต่างกันไป เช่น ผู้สมัครของพรรคก้าวไกล ก็จะมีกลุ่ม 3 นิ้วที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเป็นฐานเสียงใหญ่ แต่อย่าลืมว่ายังมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้ยึดมั่นกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ หรือเรียกว่าเป็นพลังเงียบ กลุ่มพลังเงียบจะเป็นตัวตัดสินหากเทคะแนนให้ผู้สมัครคนใด ผู้สมัครคนนั้นน่าจะได้รับชัยชนะ

ผู้ที่เกิดทันและโตทัน คงยังจำการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเมื่อปี 2528 ได้ ในระยะแรกผู้ที่ดูเป็นตัวเต็งที่จะได้รับเลือกตั้งคือ คุณชนะ รุ่งแสง ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกสิกรไทย ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ แต่แล้วจู่ๆริมท้องถนน และทางแยกต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร ก็ปรากฏมีหุ่นไล่กาที่ทำจากฟาง ประดับด้วยฝาเข่ง มีชื่อผู้สมัครเข้าแข่งขันเป็นผู้ว่าฯ กทม. คือ พลตรี จำลอง ศรีเมือง ซึ่งมีภาพลักษณ์เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต หุ่นไล่กาและฝาเข่งเน้นความเป็นคนสมถะ ลงสมัครในนามกลุ่มรวมพลัง ซึ่งภายหลังกลายเป็นพรรคการเมืองคือ พรรคพลังธรรม ผลก็คือพลตรี จำลองชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย

จากประสบการณ์นี้ ผู้ที่จะได้เสียงจากพลังเงียบ ไม่น่าจะเป็นผู้ที่สังกัดพรรคการเมือง แต่ต้องเป็นผู้มีความแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่นๆ อย่างชัดเจน ความแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ มีความซื่อสัตย์สุจริต หากผู้สมัครคนใด มีคุณสมบัติที่ดี เช่น การศึกษาดี มีภาพลักษณ์เป็นนักบริหาร และทำให้พลังเงียบเชื่อได้ว่า เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต ผู้สมัครคนนั้นจะชนะเลือกตั้งค่อนข้างแน่

ลองติดตามดูกันต่อไปว่านะครับ ว่าในที่สุดผู้สมัครคนใดจะเข้าวิน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เพื่อไทย' ไม่ฟังเสียงต้าน! ดันทุรังเข็น 'กิตติรัตน์' นั่งปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า รัฐบาลที่มาจากพรรคเพื่อไทยตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน

จับตา! ปม 'นักโทษเทวดา' จุดตาย 'ทักษิณ-เพื่อไทย'

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เป็นเพราะคุณไพบูลย์ นิติตะวัน โปรโมตเรื่องหมัดเด็ดที่อาจจะทำให้พรรคเพื่อไทยล่มสลายดีเกินไป

ต้องไม่ยอมมัน! อดีตรองอธิการบดี มธ. ปลุกขวางแก้ รธน. ทำลายความถูกต้อง-เป็นธรรม

ความพยายามในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราครั้งนี้ หากทำได้สำเร็จ จะเป็นลดความสำคัญของความซื่อสัตย์สุจริต และมาตรฐานทางจริยธรรม

ผู้ว่าฯธปท.จบจากที่ไหน 'นักวิชาการ' แนะดูคลิปแล้วจะตัดสินได้เองว่าสมควรเชื่อใคร

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า s

หยาม 'มาดามแพ' ไม่ได้เขียนนโยบายเอง ไร้วิสัยทัศน์ มีแต่พรรณนา กังขาผุด 'กาสิโน' ทำเลทอง

'อ.หริรักษ์' เชื่อนโยบายรัฐบาลผู้เขียนคงไม่ใช่ตัว'แพทองธาร' ภาพรวมไม่ต่างรัฐบาลชุดก่อนคือไม่มีวิสัยทัศน์ มีแต่การพรรณนา ชี้ entertainment complex จุดหมายที่แท้จริงคือ casino ในทำเลทอง ส่วนอื่นๆเป็นเพียงส่วนประกอบ 'ดิจิทัลวอลเล็ต'งวด3คงไม่ได้แจกเพราะคงอยู่ไม่ถึง

อดีตรองอธิการบดี มธ. ห่วง ‘ภูมิธรรม’ คุมเหล่าทัพ ตัวเร่งรัฐประหารในอนาคตอันใกล้

การส่งคุณภูมิธรรมไปนั่งเป็นผู้บังคับบัญชาของกองทัพทั้ง 3 เหล่า เหมือนกับเป็นการบอกว่า อำนาจอยู่ที่ฉัน ฉันจะเลือกใครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ได้