'ปานปรีย์' ไม่มั่นใจภาพเบลอตัวประกันเป็นคนไทยหรือไม่ เหตุมีคนหลายชาติถูกจับด้วย

7 พ.ย.2566 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการช่วยเหลือแรงงานไทยอิสราเอลว่า ล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 34 คน บาดเจ็บ 18 คน และถูกควบคุมตัว 24 คน ขณะนี้กำลังรอฟังข่าวดี แต่ยอมรับว่าในประเทศอิสราเอลมีการปฏิบัติการค่อนข้างหนักในฉนวนกาซ่าทั้งนี้ สำหรับตัวเลขแรงงานไทยในอิสราเอล จากที่ได้รับรายงาน เดิมมีประมาณ 30,000 คน กลับมาแล้วประมาณ 8,000 คน ยอมรับว่ายังเหลืออีกเป็นหมื่นคน แต่อยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเพิ่มเที่ยวบินเพื่อไปรับแรงงานไทยที่จะกลับใจเดินทางกลับประเทศไทยหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ตอนนี้แรงงานไทยในอิสราเอลไม่อยากกลับแล้ว และศูนย์ที่รองรับผู้อพยพแรงงานไทยที่สถานทูตไทยประจำอิสราเอลจัดตั้งขึ้นได้ยุบไปแล้ว แต่ยังมีศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อรองรับคนไทยที่เปลี่ยนใจจะกลับ โดยจากข้อมูลที่ตนได้เดินทางไปประเทศกาตาร์และอียิปต์ได้รับข้อมูลจากผู้นำระดับนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศทราบว่า ตัวประกันยังอยู่ในเขตฉนวนกาซ่า เพียงแต่คนที่จับตัวไปมีกลุ่มอื่นประมาณ 2-3 กลุ่ม ไม่ใช่กลุ่มฮามาสเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ตัวประกันน่าจะแยกกันอยู่ แต่หากมีการปล่อยตัวประกัน คิดว่าจะปล่อยในช่องทางที่ปลอดภัย เช่น ชายแดนประเทศอียิปต์ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานกับอียิปต์ไว้แล้ว โดยให้เจ้าหน้าที่ไทยสามารถไปรับตัวแรงงานไทยในอิสราเอลที่ถูกปล่อยตัวในช่องทางนั้นได้

เมื่อถามว่า ข่าวดีเรื่องตัวประกัน พอจะระบุรายละเอียดได้หรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า จากกรณีที่ตนเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ และได้รับข้อมูล มีการพูดคุยกันว่า คนไทยจะได้รับการปล่อยตัวเป็นกลุ่มแรก เมื่อถามย้ำว่า ได้เห็นภาพคนไทยที่ถูกควบคุมตัวเป็นอย่างไรบ้าง นายปานปรีย์ กล่าวว่า ได้เห็นมาระยะหนึ่งแล้วแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นคนไทยหรือไม่ เนื่องจากภาพไม่ชัด ภาพเบลอ และเข้าใจว่ามีคนหลายสัญชาติที่ถูกจับไป

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ผู้ถูกควบคุมตัวก็มีสีผมสีดำเหมือนคนไทย จึงไม่แน่ใจว่า เป็นคนไทยหรือเป็นคนชาติอื่น ซึ่งเป็นภาพถ่ายที่นั่งขัดสมาธิ แต่ไม่ได้ดูรายละเอียดว่าบาดเจ็บหรือไม่ แต่มีสีหน้าที่สดใส ซึ่งอยู่ภายในห้อง และไม่แน่ใจว่าเป็นห้องบนดินหรือห้องใต้ดิน แต่ไม่ได้ถูกพันธนาการ ส่วนจะเป็นภาพเดิมที่เคยออกสื่อหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะไม่เห็นว่าภาพที่ออกสื่อเป็นอย่างไร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘พิพัฒน์’ เปิดตลาดแรงงานรุ่นใหม่สิงคโปร์ นับ 4,000 คน หารือทูตสิงคโปร์ ฝึกงาน เพิ่มโควตาจ้างงาน พัฒนาทักษะรองรับงานในอนาคต

วันที่ 21 สิงหาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นางสาวหว่อง เสี่ยว ผิง แคเทอริน (Ms.Wong Siow Ping Catherine)

'พิพัฒน์' เผยข่าวดี!! เริ่มส่งแรงงานไทยไปเก็บผลไม้ป่าในสวีเดน-ฟินแลนด์ ฤดูกาล 2024

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยว่ากรมการจัดหางาน จะเริ่มทยอยจัดส่งแรงงานไทยไปเก็บผลไม้ป่าในสวีเดน ฤดูกาล 2024 แล้ว ล็อตแรกกว่า 1

"พิพัฒน์" หนุนจ้างงานอุตสาหกรรมการบิน หารือไทยเวียตเจ็ทผลักดัน การจ้างงานนับ 3,000 คน ภายใน 5 ปี

วันที่ 14 สิงหาคม 2567 เมื่อเวลา 13.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นายวรเนติ หล้าพระบาง

ปรบมือ ตร.ท่องเที่ยวพะงันทำงานรวดเร็ว ช่วยสาวอิสราเอลได้กระเป๋าเงินคืน

11 ส.ค.2567 – เมื่อวันที่ 10 ส.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงันได้รับแจ้งว่านักท่องเที่ยวชื่อ MISS NOGA LEV อายุ 24 ปี สัญชาติ อิสราเอล เดินทางมายังหน่วยบริการตำรวจท่องเที่ยวเพื่อขอความช่วยเหลือเมื่อเวลา 19.00 น ว่าตนเองได้ทำกระเป๋าสตางค์หล่นบริเวณหน้าเซเว่นอีเลฟเวน สาขาศรีธนู ม.8 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี และได้มีหญิง ไม่ทราบสัญชาติ ลักษณะเป็นหญิงสาวเอเชีย ได้หยิบกระเป๋าผู้แจ้งขึ้นมาแล้วหยิบเอาไป โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 เวลา 00:30 น. ได้รายงานให้ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วินิจ บุญชิต สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงันออกสืบสวนสอบสวนบริเวณที่เกิดเหตุ ต่อมาเวลา 19:30 น. ของวันที่ 10 สิงหาคม 2567 หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงันเก็บรวบรวมข้อมูล พยาน หลักฐาน จึงได้ออกสืบสวนบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง บริเวณรอบนอก พบรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจอดอยู่หน้าร้านอาหาร บริเวณบ้านศรีธนู เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงันจึงได้เข้าไปตรวจสอบภายในร้าน พบผู้ต้องสงสัย รูปพรรณตรงตามหลักฐานจากกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบถามผู้ต้องสงสัยถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ทราบชื่อ นางสาวจุฑารัตน์ เทพทุ่งหลวง สัญชาติไทย อายุ 23 ปี นางสาวจุฑารัตน์ให้การยอมรับ ตนเองได้ไปที่เซเว่นอีเลฟเว่นจริงเพื่อไปซื้อสินค้า และได้พบกระเป๋าสตางค์สีน้ำเงินลายดอกไม้ วางอยู่บนพื้นหน้าตู้กดเงินสด ตนจึงได้หยิบกระเป๋าสตางค์ใบนั้นขึ้นมาและเดินเข้าไปข้างในเซเว่นอีเลฟเว่น โดยมีการเปิดดูเพียงเล็กน้อยทราบว่าบัตรและเงินสดจำนวนหนึ่ง ตนเองก็ได้ทำการเลือกซื้อสินค้าต่อ จนกระทั่งเลือกซื้อสินค้าเสร็จและได้เดินมาชำระเงินที่เคาท์เตอร์ได้เดินออกจากร้านพร้อมสินค้าและกระเป๋าสตางค์ ได้เอาเงินผู้เสียหายไปใช้จำนวน 2,959 บาท เบื้องต้นเชิญตัวพบพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน เพื่อสอบปากคำ และ ให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการตามกฎหมาย ต่อไป ทั้งนี้ MISS NOGA LEV นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลได้กล่าวขอบคุณและชื่นชมตำรวจท่องเที่ยวในการช่วยเหลือตนได้อย่างรวดเร็วในครั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนและภาพลักษณ์ที่ดีของการท่องเที่ยวตามนโยบายกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว.