ทีมวันนอร์โวตัวประกันไทยรอดแน่ 'ฮามาส' เตรียมปล่อยตัวเร็วๆ นี้!

'อารีเพ็ญ' เผยบินอิหร่านพบบุคคลสำคัญหลายคน มั่นใจตัวประกันไทยรอดชีวิตแน่ เจรจาฮามาสขอปล่อยที่อิหร่าน 'วันนอร์' จะไปรอรับเอง ชี้ปาเลสไตน์โดนเหยียดหยามมานาน

01 พ.ย.2566 - ที่รัฐสภา นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาฯ แถลงข่าว เกี่ยวกับการเจรจาช่วยเหลือตัวประกันคนไทย จากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล โดยนายอารีเพ็ญ กล่าวว่าจากการเดินทางไปประเทศอิหร่านเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ได้พบตัวแทนกลุ่มฮามาสที่เป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ เขาฝากบอกกับพี่น้องของตัวประกันไทยว่าตัวประกันของไทยได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แต่เขาเกรงระเบิดที่เป็นอันตรายจากคู่ต่อสู้ และรอจังหวะใดเหมาะสมจะปล่อยตัวทันที เพราะเขาต้องการให้คนไทยที่อยู่กับฮามาสออกมาสื่อสารว่าฮามาสโหดร้ายจริงหรือไม่ เขาพยายามทำให้ตัวประกันไทยกลับมาอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข

นายอารีเพ็ญ กล่าวอีกว่า วันที่ 29 ต.ค. ได้พบกับที่ปรึกษาประธานาธิบดีและประธานสมัชชาองค์กรปาเลสไตน์แห่งสำนักประธานาธิบดีอิหร่าน ซึ่งมีบทบาทเป็นที่เกรงใจของคนอิหร่านและที่อาศัยอยู่ที่อิหร่าน นอกจากนี้ยังพบเลขาธิการใหญ่องค์กรช่วยเหลือประชาชาติปาเลสไตน์แห่งชาติ และประธานสมาพันธ์พิทักษ์เยาวชนปาเลสไตน์ต่อต้านอิสราเอลแห่งชาติด้วย ทั้งนี้ ที่ปรึกษาประธานาธิบดีรับปากจะดำเนินการให้การช่วยเหลือ เพราะเข้าใจว่าไทยมีคุณอนันต์ต่อมุสลิมในไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยสั่งเจ้าหน้าที่ทำรายงานต่อประธานาธิบดี และมีหนังสือไปยังบุคคลสำคัญของอิหร่าน 4 คน มีคนหนึ่งถามที่ปรึกษาประธานาธิบดีว่าเหตุใดไม่ถามประเทศไทยถึงท่าทีที่มีต่อปาเลสไตน์ เขาตอบว่าถ้ารัฐบาลไทยมาจะถาม แต่นี่คือมิตรสหาย จึงไม่มีประเด็นนี้ มีแต่ว่าจะให้ความร่วมมือ

“จากนั้นเมื่อวันที่ 31 ต.ค.รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอิหร่าน ไปที่กรุงโดฮาร์ ประเทศการ์ตาร์ เพื่อไปพบกับหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มฮามาส ดังนั้นขอบอกว่า ทุกคนที่คุยกับผมอยากให้คนไทยเข้าใจว่า พวกปาเลสไตน์เขาต่อสู้มาเป็นเวลาช้านาน เดือดร้อนมากโดยที่โลกไม่ให้ความสนใจ แต่พออิสราเอลโดนกระทำ โลกให้ความสนใจ แต่พวกเขาตายมาเท่าไหร่แล้ว คนที่จะเข้าละหมาดในมัสยิดที่สำคัญในศาสนาอิสลาม ก็ถูกทหารอิสราเอลไล่ต้อน ถือเป็นการเหยียดหยามกันมาเป็นเวลานาน เขายังบอกอีกว่าเหตุผลที่กั้นกำแพงระหว่างกาซากับอิสราเอล เพราะตรงนั้นของอิสราเอลเป็นพื้นที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากสหประชาชาติมีมติให้อิสราเอลถอยออกไป แต่อิสราเอลไม่ถอยและตัวเองไม่อยู่ เพราะรู้ว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย แต่กลับไปจ้างแรงงานต่างชาติให้มาอยู่แทนและทำงานที่นั่น ส่วนที่มีข่าวว่ามีการทารุณกรรมคนไทย เขาบอกว่าทางฮามาสไม่เคยทำอย่างนี้ แต่เขาบอกว่าตอนที่มีกำแพงถล่ม แล้วมีการบุกเข้าไป ไม่รู้ว่าใครเป็นใครก็อาจจะมีการยิงกัน นี่คือสิ่งที่เขาตอบ และบอกว่าไม่ใช่การกระทำของฮามาสแน่นอน ดังนั้นการที่อิสราเอลและสหประชาชาติเอาภาพมาออกก็ชัดเจนว่าเป็นใครทำอะไรที่ไหน วิธีการกระทำ หรือโดนทุบ รวมถึงการพูดต่างๆก็ไม่ใช่ของฮามาสและยังไม่ยืนยันว่าเป็นคนไทยหรือไม่ อาจจะเป็นคนที่มีความแค้นเป็นการส่วนตัว”นายอารีเพ็ญ กล่าว

นายอารีเพ็ญ กล่าวด้วยว่า จากการที่ไปสัมผัสด้วยตัวเอง ตัวแทนของเขาให้เกียรติเรา และเขาจะดูแลคนไทยที่อยู่เป็นอย่างดี จะไม่ให้เสียชีวิต เพราะคนเหล่านี้จะเป็นกระบอกเสียง เมื่อออกมาแล้วจะบอกว่าเขาอยู่ในการกักกันของฮามาสได้รับผลกระทบและเดือดร้อนอะไรบ้าง

เมื่อถามว่าจากการพูดคุยกับตัวแทนฮามาส ได้ให้พูดคุยหรือวิดีโอคอลกับแรงงานที่ถูกจับเป็นตัวประกันหรือไม่ เพื่อยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า การใช้โทรศัพท์ที่นั่นถือเป็นอันตราย เพราะเมื่อมีการจับคลื่นได้ที่ใดระเบิดจะจับทันที เขาจึงไม่ให้พูดคุย แต่เขาบอกว่าหากจะเดินทางไป เขายินดีพาไป แต่ไม่ไปเพราะหากไปก็จะเสี่ยงอันตราย

ถามย้ำว่าอะไรที่ทำให้เรามั่นใจว่าตัวประกันยังปลอดภัยอยู่ นายอารีเพ็ญ กล่าวว่าเขามายืนยันกับตน เองและให้บอกกับญาติพี่น้องที่อยู่ในประเทศไทยให้สบายใจ ซึ่งก็จะบอกกับ สส.ในพื้นที่ให้ไปบอกแทน

ต่อข้อถามว่า ทางกลุ่มฮามาสได้บอกกรอบกว้างๆหรือไม่ว่าจะปล่อยตัวประกันเมื่อไหร่ นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า เขาจะปล่อยตัวให้เร็วที่สุด เพราะความปลอดภัยของตัวประกันสำคัญ แต่ถ้าบอกว่าปล่อยเมื่อไหร่ ระเบิดไปทันที เพราะฉะนั้นจะไม่บอกเวลา เมื่อปล่อยออกมาแล้วเขาถึงบอก แต่คิดว่าคงไม่นานเกินรอ และคนที่ประสานงานที่ไปกับตนเองแล้วยังไม่กลับเราให้อยู่ประสานงานแล้วมารายงานตลอดว่าจะปล่อยตัวเมื่อไหร่ และถ้าจะปล่อยตัวก็อยากให้ปล่อยทางอิหร่านเพราะสะดวก โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา จะเดินทางไปรับเอง และจะขอบคุณผู้ใหญ่ที่อิหร่านด้วย ทั้งนี้เขายืนยันว่าถ้ามีความปลอดภัยพรุ่งนี้ก็ปล่อยตัวได้เลย และการที่เราเลือกไปอิหร่าน เพราะอิหร่านสนับสนุนฮิซบอลเลาะห์และฮามาส เพราะฉะนั้นเมื่อคนที่มีบุญคุณใหญ่หลวงขออะไร คิดว่าทางฮามาสไม่น่าจะปฏิเสธ จึงทำให้เดินทางกลับประเทศไทยด้วยความสบายใจว่าตัวประกันอาจมีชีวิตรอดกลับมาได้

“การทำหน้าที่ครั้งนี้ไม่ได้ข้ามหน้าข้ามตาใคร แต่เป็นการช่วยเหลือตามศักยภาพ ซึ่งมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เขาพูดมีความจริง เพราะเราเป็นกลุ่มแรกที่พูดคุยกับกลุ่มฮามาสอย่างเป็นทางการ หากคนไทยได้ปล่อยตัวก็เป็นผลงานของคนไทยทั้งหมด ไม่ใช่ผลงานของคนใดคนหนึ่งซึ่งเราจะไม่ก้าวก่ายในการทำหน้าที่ของรัฐบาล เราทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนประธานรัฐสภาเท่านั้นที่ไปพูดคุยโดยตรง เมื่อเรารับอาสาที่จะช่วยเหลือคนไทยเราก็ต้องช่วยเหลือให้ดีที่สุด ส่วนการช่วยเหลือของรัฐบาลเราจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เราทำงานในส่วนของประธานรัฐสภา ส่วนรัฐบาลจะทำในแนวทางใดไม่มีปัญหา เพราะทางการสามารถพาใครเข้าไปได้ในประเทศที่เป็นพันธมิตร แต่ถ้าจะไปโดยตรงก็ต้องอาศัยประเทศซาอุฯและกาตาร์ แต่พวกผมไปพบโดยตรง”นายอารีเพ็ญ กล่าว

ด้านนายมุข กล่าวว่า คำถามที่ตเองนได้ฟังทั้งหมดว่าจะมั่นใจอย่างไร เราก็ต้องให้เกียรติเขาว่าเขาก็ต้องพูดความจริงเพราะถ้าเขาจะมาพูดอย่างทำอย่าง ก็ไม่จำเป็นที่จะมารับเราตั้งแต่แรก เราขอเข้าไปพบ ถ้าไม่เห็นดีเห็นงามกับเราหรือไม่อยากพูดความจริงเขาคงปฏิเสธไม่ให้เราเข้าไปพบตั้งแต่แรกแล้ว เพราะฉะนั้นการที่เขาให้ไปพบแสดงว่าเขายินดีรับ และพร้อมที่จะพูด และเชื่อว่าเขาก็ต้องพูดความจริง ในเมื่อเขาบอกว่าคนไทยอยู่ปลอดภัยดีแล้ว เราก็เชื่อในศักดิ์ศรีของสถาบันของความเป็นคนในทำนองนี้ อย่าลืมว่าคนเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นผู้นำของศาสนา เพียงแต่เป็นซีอะห์ ถ้ายึดมั่นในหลักการของศาสนาเขาจะไม่พูดโกหก จึงอยากฝากสื่อและพี่น้องประชาชนทุกคน เนื่องจากว่าวันนี้มีการพูดกันหลายฝ่าย หลายแบบ หลายอย่างว่าอาจจะมีการโจมตีทางฝ่ายฮามาส ปาเลสไตน์ อาจจะมีการโจมตีจากฝ่ายอิหร่าน จะมาจากการพูดของคน หรือจากสื่อ อยากให้พยายามฟังจากหลายๆฝ่ายจะได้วิเคราะห์จากความเป็นจริงมันน่าจะอย่างไร เหมือนคำถามเมื่อกี้แสดงว่าเราหวาดระแวง เพราะมีคนพูดว่าคนไทยที่ถูกจับถูกทารุณกรรม ถูกเอามาเป็นหลักประกันในการที่จะต่อสู้ เป็นเกราะในการป้องกันกลุ่มฮามาส แต่คำตอบที่นายอารีเพ็ญพูดเขายินดีที่จะปล่อย เขาไม่ได้หวังจะยึดเหนี่ยวเอาไว้ แต่เขาบอกว่าอยากจะดูความปลอดภัยนิดหนึ่งเท่านั้นเอง

“เขาจำเป็นต้องระวังสิ่งเหล่านี้มาก ถ้าเกิดว่าขณะที่ลำเลียงมีระเบิดตูมาตายหมดก็อาจจะทำให้บางคน บางฝ่ายเข้าใจผิดว่ากลุ่มฮามาสได้ใช้ชีวิตของคนไทยหรือเชลย เขาจึงต้องระวังให้ปลอดภัยที่สุด เพื่อไม่ให้ภาพพจน์เขาเสียหาย แต่วันนี้เราฟังจากหลายฝ่าย เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้เราอาจไม่ยืนยันพันเปอร์เซ็นต์ หรือหมื่นเปอร์เซ็นต์ แต่ควรที่จะวิเคราะห์ว่าอะไรที่น่าจะเป็นจริงและไม่เป็นจริง แต่ผมเชื่อว่าเมื่อวันนั้นมาถึงคือคนไทยทั้งหมดได้กลับมา จะเป็นคำตอบทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร ทั้งหมดที่เราเดินไปสังคมจะได้ยอมรับว่าเราเดินทางถูกหรือไม่ แต่ถ้าท้ายที่สุดคนไทยไม่ถูกปล่อยตัวก็แสดงว่าที่ทำมาไร้ผล เดินทางไม่ถูกก็เป็นไปได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายฝ่ายอย่างนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.การคลัง เดินทางไปพบกษัตริย์ของประเทศซาอุฯ บอกว่าจะช่วย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ เดินทางไปพบประเทศกาตาร์ ทุกฝ่ายก็ช่วยกัน แต่การช่วยของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สำคัญ ที่สำคัญคือจะสามารถทำให้คนไทยกลับมาได้หรือไม่เท่านั้นเอง”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รองเลขาฯ​สมช.​ เผย​จับตา​สงครามอิสราเอล-​ฮามาส​ ปะทุระลอกใหม่​

นายฉัตรชัย​ บางชวด รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ​ (สมช.) กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทุความรุนแรงสงครามระหว่างกลุ่มอิสราเอลและฮามาส​ ว่า​ ขณะนี้ได้มีการแจ้งเตือนให้คนไทยพยายามเดินทางออกจากพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะพื้นที่ตอนเหนือของประเทศอิสราเอลติดกับเลบานอน

‘คิวบา’ ร่วมฟ้องอิสราเอลต่อศาลแห่งสหประชาชาติคดี ‘ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’

ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2023 อิสราเอลได้ทำสงครามอันขมขื่นกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา สร้างความทุกข์ทรมานให้กับ

กต. แจง 2 ตัวประกันไทยเสียชีวิต จากเหตุปะทะในกาซา เรียกร้องปล่อยอีก 6 คนทันที

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารสนเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่ากระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟว่า