
10 ต.ค.2566- ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล ว่า ทางเอกอัครราชทูตไทย ประจำอิสราเอลได้รายงานว่าน่าจะมีข่าวดีเพิ่มเติมในการอพยพคนไทยเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้จะมีการเตรียมแผนว่าแต่ละวันจะมีการนำคนไทยเดินทางกลับประเทศจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งขณะนี้ยอดล่าสุดที่แจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับ 3,000 กว่าคนแล้ว จากแรงงานไทยในอิสราเอลที่มีอยู่กว่า 30,000 คน แต่อยู่ในจุดที่มีความเสี่ยงประมาณ 5,000 คน ซึ่งเราได้มีการทยอยอพยพออกมาจากพื้นที่เสี่ยงภัยเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ จะใช้ทุกวิถีทางในการนำคนไทยกลับ ทั้งการเช่าเหมาลำ การใช้เครื่องบินพาณิชย์ของเราเองที่จะนำคนคนไทยกลับเข้ามาให้เร็วที่สุด ชุดแรกที่แน่นอนแล้วจะเดินทางกลับมาถึงวันที่ 12 ต.ค. และชุดที่สองในวันที่ 19 ต.ค. แต่ในระหว่างนั้นจะหาทางเพิ่มเติมในเรื่องของเครื่องบินพาณิชย์ของเราเองที่จะพยายามเข้าไป ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณเอกอัครราชทูตไทยประจำอิสราเอล ที่พยายามติดต่อหาทุกช่องทางให้เครื่องบินของเราไปถึงได้เยอะที่สุดเท่าที่ทำได้ ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายวันเดียวนี้หากประชุมเสร็จแล้วน่าจะเห็นแผนได้ชัดเจนขึ้นว่าคนไทยจะกลับมาช่วงไหนได้บ้าง ซึ่งขณะนี้สามารถนำเครื่องไปลงที่ประเทศอิสราเอลได้แล้ว แต่ขณะเดียวกัน ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เริ่มขยายวงกว้างเข้าใกล้สนามบิน ซึ่งเราก็เป็นห่วงในจุดนี้ด้วย และจะเห็นได้ว่าเราพยายามเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านรอบประเทศอิสราเอล ถ้าหากจำเป็นจะต้องส่งเครื่องบินไป ซึ่งในการเดินทางที่นั่นค่อนข้างลำบาก
เมื่อถามว่ายังมีแรงงานไทยที่ประสงค์จะอยู่ต่อหรือไม่ แต่สถานการณ์ยังรุนแรงจะมีการเตือนอย่างไร นายจักรพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้แรงงานที่จะกลับมาประมาณ 3,000 คน แต่ที่ประสงค์จะอยู่ต่อยังอยู่หลักร้อย ซึ่งเป็นความประสงค์ของเขาเอง แต่เราก็คงจะต้องเตือนในเรื่องของความปลอดภัย
ถามย้ำว่าแรงงานที่ประสงค์จะอยู่ต่อเป็นกลุ่มผีน้อยหรือเป็นแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย นายจักรพงษ์ กล่าวว่า รวมๆกัน และต้องเรียนว่าเป็นแรงงานที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูงประสงค์ขอกลับ
ซักว่ามีโอกาสที่จะมีคนไทยกลับก่อนไฟล์แรกวันที่ 12 ต.ค.หรือไม่ นายจักรพงษ์ กล่าวว่า ไม่น่า อันนี้ถือว่าเร็วสุดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าแรงงานที่ถูกจับไปขายต่อมีการประสานช่วยเหลือหรือไม่ นายจักรพงษ์ กล่าวว่า ได้รับรายงาน แต่ยังไม่มีการยืนยันมาจากสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำอิสราเอล
เมื่อถามต่อว่า เรื่องของประชาชนที่มีความกังวลพยายามจะซื้อตั๋วเครื่องบินพาณิชย์เพื่อเดินทางกลับมาเองก่อนที่จะรอเครื่องของรัฐบาล ตรงนี้รัฐบาลจะมีส่วนช่วยเหลืออย่างไรบ้าง นายจักรพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทางเอกอัครราชทูตไทยประจำอิสราเอลได้พยายามดำเนินการให้คนไทยได้กลับได้ทุกไฟล์ บางไฟล์มี 2-3 คนก็เอาหมด น่าจะครอบคลุมทั้งหมดแล้ว ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายก็จะดูแลเป็นกรณีๆไป
ถามอีกว่าได้รับรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอย่างเป็นทางการหรือไม่ นายจักรพงษ์ กล่าวว่า ต้องเรียนว่าทางประเทศอิสราเอลยังไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ทั้งหมด ถ้าเป็นทางการยังไม่สามารถตอบได้ แต่การรายงานจากนายจ้างก็มีเข้ามาเรื่อยๆ ตอนนี้เพิ่มเป็น 18 คน ส่วนที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ยังมีการเจรจาอยู่เรื่อยๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ที่ปรึกษา 'เนทันยาฮู' ถูกจับกุมเหตุต้องสงสัยคอร์รัปชัน
ที่ปรึกษาใกล้ชิดสองคนของนายกรัฐมนตรีอิสราเอล-เบนจามิน เนทันยาฮู ถูกจับในข้อหาต้องสงสัยคอร์รัปชัน ตามรายงานของสื่อ การจับกุม
กองทัพอิสราเอลโจมตีที่มั่นทางทหารทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย
กองทัพอิสราเอลแถลงว่าได้โจมตีที่มั่นทางทหารทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียเมื่อวันจันทร์ กองกำลังเคลื่อนที่ติดอาวุธทำการโจมตี “สถาน
“พิพัฒน์” จับมือ Sands China เปิดประตูแรงงานไทยสู่โรงแรม-คาสิโนระดับโลกในมาเก๊า
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หารือร่วมกับ บริษัท Sands China Ltd. ผู้ดำเนินธุรกิจรีสอร์ท คาสิโน และโรงแรมหรูระดับโลกในมาเก๊า
“พิพัฒน์” พบรัฐมนตรีแรงงาน ฮ่องกง กระชับความร่วมมือด้านแรงงาน ขยายโอกาสแรงงานไทย พร้อมค่าจ้างสูงและสวัสดิการดี
27 กุมภาพันธ์ 2568 – นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เข้าพบ นายซัน ยื้อ ฮ๊าน (Mr. SUN Yuk Han, Chris, JP) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการฮ่องกง พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร
มท.1 ตรวจถนนคนเดิน สร้างความเชื่อมั่นเมืองน่าเที่ยว ขอให้เปิดใจไม่มีใครยึดเมืองปาย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่ “ถนนคนเดิน”เพื่อตรวจเยี่ยมการดูแลนักท่องเที่ยวและการดำเนินกิจการในพื้นที่
มท.1 ลั่นไม่มีใครยึดครองประเทศไทยได้ แจงดราม่า ‘บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์’
รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ลงพื้นที่ปาย ยืนยันนักท่องเที่ยวอิสราเอลไม่กระทบความมั่นคง ย้ำ “โบสถ์ชาบัด” จดทะเบียนถูกต้อง พร้อมกำชับเข้มดูแลพฤติกรรมท่องเที่ยว ห้ามละเมิดวัฒนธรรมไทย