ผบ.ตร. เผยเด็ก 14 กราดยิงพารากอน มีประวัติรักษาอาการทางจิต ขาดยาไม่รักษาต่อเนื่อง

3 ต.ค.2566 - เวลา 16.00 น. พ.ต.อ.นพดล เทียมเมธา ผกก.สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุ ชาย คลุ้มคลั่งใช้อาวุธปืน กราดยิงใส่ผู้บริสุทธิ์ ภายในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ถนนพระราม 1 แขวงและเขตปทุมวัน กทม. จึงนำกำลัง สายตรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ บริเวณด้านหน้าห้างสรรพสินค้าและลานจอดรถ พบประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาตินับร้อยกำลังวิ่งหนีอพยพหนีตายกันอลหม่าน จากการสอบถามทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ชาวบ้าน กำลังจับจ่ายใช้สอย อยู่ภายในบริเวณห้างตามปกตินั้น ได้มีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น อายุไม่น่าเกิน 20 ปี รูปร่างผอมสูง ราว 175 เซนติเมตร ผิวขาว แต่งกายแนว tactical สวมเสื้อผ้ารัดกุม โดยใส่เสื้อคลุมสีดำพับแขน นุ่งกางเกงขายาวสีน้ำตาล ใส่รองเท้าปีนเขาสีดำ และหมวกแก๊ป สีเทา ใช้อาวุธปืน กึ่งอัตโนมัติคาดเป็น ขนาด 9 มม. กราดยิงใส่ผู้บริสุทธิ์ บริเวณชั้น G ก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นที่ 2 ชั้นที่ 4 และชั้นต่างๆภายในบริเวณห้าง

ทำให้ประชาชนตื่นตระหนกตกใจกลัว บางส่วนรีบวิ่งหนีออกทางประตูเข้าออก และลานจอดรถ บางส่วนตัดสินใจวิ่งหลบหนีเข้าไปอยู่ด้านในร้านค้าต่างๆ อย่างโกลาหล มีพลเมืองดีพบเห็น ผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 4-5 รายถูกคมกระสุนของคนร้าย รอคอยความช่วยเหลืออยู่ด้านใน เจ้าหน้าที่จึงสั่งการให้ปิดพื้นที่รอบบริเวณห้าง เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอก เข้าไปเพิ่มเติมซึ่งอาจทำให้เกิดอันตราย และยากต่อการควบคุมสถานการณ์

ต่อมา พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.น.6 ได้รุดไปบัญชาการเหตุการณ์ด้วยตนเอง ยังห้างสรรพสินค้าที่เกิดเหตุ พร้อมขอสนับสนุนกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษจากอรินทราช 26 และคอมมานโด 904

ซึ่งระหว่างนี้ทางเจ้าหน้าที่สามารถช่วยลำเลียงคนเจ็บออกจากพื้นที่ได้จำนวน 2 ราย จากการข่าวที่ทราบเบื้องต้นเป็น รปภ.ของทางห้าง ส่วนยอดผู้เสียชีวิตยังไม่มีการยืนยัน มีเพียงพยานที่เห็นเหตุการณ์ระบุ พบคนเจ็บอาการสาหัส ประมาณ 2-3 ราย

หลังเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง 15 นาที ทราบว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม.ยี่ห้อกล็อค ซึ่งคาดว่ากระสุนของคนร้ายถูกยิงจนหมดแม็กกาซีน โดยหลังจากนี้ จะนำตัวไปสอบปากคำ หาเหตุจูงใจก่อน เข้าเคลียร์พื้นที่จุดเกิดเหตุเพื่อสำรวจ ยอดผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ และจะรายงานให้ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบต่อไป

ต่อมาเวลา 17.50 น. ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายตลาดยิงภายในห้างสยามพารากอนได้แล้ว ทราบชื่อต่อมาผู้ก่อเหตุอายุ 14 ปี จากการสอบสวนพฤติกรรม ผู้ก่อเหตุทราบว่า เป็นเด็กติดเกม โดยชุดจับกุม ได้พยายามติดต่อกับผู้ปกครอง เพื่อเข้าร่วมสอบปากคำ และหามูลเหตุจูงใจจากการลงมือในวันนี้ ซึ่งชุดจับกุมได้นำตัวไผสอบผากคำที่ สน.ปทุมวัน

กระทั่งเวลา 18.00 น.นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ได้รุดมายังที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร ดูแลรับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.น.6 เพื่อสอบปากคำผู้ก่อเหตุยิงภายในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน

มีรายงานเรื่องการสอบสวนผู้ต้องหา ทั้งนี้ระหว่างการสอบปากคำผู้ต้องหายังอยู่ในอาการตื่นกลัว และพูดเพียงแค่ว่า “พี่มันอยู่นู้น” ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามพูดคุยให้ใจเย็นลงโดยระบุว่า ปลอดภัยแล้ว

ยังมีรายงายแจ้งอีกว่า สาเหตุที่เด็กอายุ 14 ปี ก่อเหตุนั้น เนื่องจากเกิดจากอาการหูแว่ว มีคนสั่งให้ทำจึงก่อเหตุกราดยิงดังกล่าว เบื้องต้น พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบบ้านที่พักอาศัย รีบสืบค้นประวัติย้อนหลัง เบื้องต้นทราบว่ามีประวัติพบว่าเป็นติดเกม ส่วนประวัติอาการทางจิตอยู่ระหว่างตรวจสอบ

ส่วนอาวุธปืนนั้นเป็น BB Gun ดัดแปลงซื้อมาจากในเว็บไซต์พร้อมกระสุนในราคาหมื่นกว่าบาท อย่างไรก็ตามจากการสอบถามผู้ปกครองทราบว่า น้องติดเกมลักษณะต่อสู้ใช้อาวุธปืนยิงกันเป็นอย่างมาก แต่ไม่เคยมีประวัติการรักษาอาการทางจิตที่ใด นอกจากนี้มีรายงานว่า ในโทรศัพท์ของน้องพบคลิปวีดีโอบันทึกภาพการซ้อมการเปลี่ยนแม็กกาซีนบรรจุกระสุนปืนเก็บไว้ที่คลังภาพ และก่อนจะเข้ามาก่อเหตุในห้าง น้องได้ส่งภาพแม็กกาซีนบรรจุกระสุนไปให้เพื่อนในแชท ก่อนที่จะเข้ามาก่อเหตุในห้างดังกล่าว

จากการสอบถาม นายปรัชญา จิระพงษ์ อายุ 51 ปี รปภ.ซึ่งประสบเหตุ ขณะน้องก่อเหตุภายในห้างสรรพสินค้า กล่าวว่า หลังรับแจ้งเหตุทางวิทยุสื่อสารตนก็รีบไปทำการอพยพลูกค้าอยู่บริเวณชั้น M บังเอิญพบกับผู้ก่อเหตุห่างแค่ระยะ 15 เมตร ผู้ก่อเหตุเห็นว่าตนเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ก็ชักปืนยิงใส่ทันที 1 นัด โชคดีที่กระโดดหลบทัน กระสุนจึงไม่ถูกร่างกาย อย่างไรก็ตาม เมื่อกระสุนพลาดเป้าผู้ก่อเหตุก็ได้เดินเข้าไปภายในบริเวณห้างตามชั้นต่างๆ และมีเสียงอาวุธปืนดังอย่างต่อเนื่อง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาควบคุมสถานการณ์ เอาไว้ได้ในที่สุด

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุยังไม่สามารถให้การได้ มีประวัติการรักษาทางจิตเวชที่โรงพยาบาลราชวิถี และพบว่ามีการขาดการรักษา ไม่ได้รับประทานยารักษาโรคตามที่แพทย์กำหนด ขณะนี้ไม่สามารถให้รายละเอียดในเรื่องของประวัติครอบครัวได้ รวมถึงแรงจูงใจที่ใช้ในการก่อเหตุ เพื่อไม่อยากให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบในสังคม

ส่วนสถานที่เกิดเหตุจากการตรวจสอบในเบื้องต้นเป็นการไล่ก่อเหตุ ตั้งแต่บริเวณชั้นเอ็ม ไล่ไปจนถึงชั้น 3 ซึ่งหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ได้ และเข้าพื้นที่ได้ภายใน 5 นาที สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในเวลาต่อมา ทางนี้ขอชื่นชมศูนย์การค้า ที่ได้ใช้ยุทธวิธีในการฝึกอบรมมาทำให้สามารถเอาตัวรอดและหาที่กำบังให้เกิดความปลอดภัยในขณะเกิดเหตุได้ และบริหารจัดการทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งลำดับการก่อเหตุในขณะนี้ยังต้องมีการรวบรวมรายละเอียดอย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ที่ชัดเจน โดยจะให้ทางโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้รายละเอียดในภายหลัง

ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ พบว่าเป็นปืนที่เรียกว่า blank gun หรือโมเดลอาวุธปืน ที่ถูกดัดแปลงนำมาใช้กับกระสุนจริง แหล่งที่มาของปืน รวมถึงการนำอาวุธปืนเข้าไปไปห้างสรรพสินค้าได้อย่างไร อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม

ส่วนเสียชีวิตพบว่าเสียชีวิตบริเวณชั้น จี เป็นหญิงชาวจีน ส่วนผู้ถูกยิงอีก 1 คนเป็นชายชาวเมียนมา ยังไม่ทราบว่าถูกยิงที่ชั้นไหน ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลตำรวจในเวลาต่อมา

ส่วนตัวผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นเยาวชนอายุ 14 ปี ถูกควบคุมตัวไปที่สน.ปทุมวัน เพื่อทำการสอบปากคำ โดยจะประสานทางสหวิชาชีพเข้ามาร่วมสอบปากคำด้วยเนื่องจากผู้ก่อเหตุอย่างเป็นเยาวชน และขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานผู้ปกครองของผู้ก่อเหตุ ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้

"ส่วนการสร้างความเชื่อมั่นในการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวชาวจีน ยืนยันว่าตำรวจทำทุกอย่างเพื่อป้องกันและดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว รวมถึงนายกรัฐมนตรีได้กำชับ เรื่องมาตรการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ" ผบ.ตร.กล่าว