ฉากสุดท้าย 9 ปีทำเนียบ 'ลุงตู่' เปิดใจหมดเปลือก อำลาสื่อ น้ำตาคลอ

ฉากสุดท้ายทำเนียบฯ "บิ๊กตู่" ร่วมหม่ำอาหารกลางวันกับสื่อ พร้อมเปลือยใจหมดเปลือก จากนี้ขออยู่กับครอบครัว ชดเชยเวลา 9 ปีที่หายไป ขรก.-จนท.ร่วมซึ้งส่งท้าย เปิดเพลง "คำสัญญา" สวมกอด"พีระพันธุ์-ธนกร" น้ำตาคลอ ก่อนออกทำเนียบบ่ายสองตามฤกษ์

31 ส.ค.2566 - เมื่อเวลา 12.03 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เดินลงจากห้องทำงาน บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว. สาธารณสุข นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ

ทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินมาถึงบริเวณที่จะร่วมรับประทานอาหารกับสื่อมวลชน หน้าตึกบัญชาการ 1 ได้ถอดเสื้อสูธ และมีท่าทีผ่อนคลายอย่างอารมณ์ พร้อมกล่าวทักทายว่า "ระวังติดโควิดนะ สบายดีกันมั้ย วันหน้าก็ทำกับรัฐบาลใหม่เขาให้ดีๆก็แล้วกันนะ " จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้รับประทาน โดยเมนูวันนี้ที่พล.อ.ประยุทธ์รับประทาน ประกอบด้วย ผัดไท หมูย่างปลาร้า ส้มตำ หอยทอด ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ และของหวานเป็นไอศกรีมกะทิ

โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่า นายกฯคุยกับเราบ้างก็ได้ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ก็คุยกันมาตลอดนิ คุยกันมา 9 ปีแล้ว ไม่เบื่อหรือไง ทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เอางานเป็นหลัก พูดไม่เพราะบ้างก็ให้อภัยกันเถอะ”

ถามว่า จากนี้นายกฯจะไปเที่ยวที่ไหนบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงซักระยะ ให้มันนิ่งๆ เงียบๆ เรียบร้อยก่อน จะไปถูกหรือเปล่ายังไม่รู้เลย เพราะตนนั่งแค่รถจากบ้านมาทำเนียบทุกวัน ก็ฝากไปถึงครอบครัว ขอให้อยู่กับครอบครัว เพราะเวลาหายไป 9 ปี หรือเยอะกว่านั้น ที่เรามาอยู่ตรงนี้มาบริหารสถานการณ์สภาวะต่างๆ วันนี้สงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างน่าภูมิใจ ถ้าเราช่วยกันรักษาไว้ประเทศก็เดินต่อไปได้ เพราะทุกอย่างตั้งเอาไว้แล้ว จะปรับเปลี่ยนอะไรก็ต้องทำให้ต่อเนื่องกันบ้าง ตนไม่ขอวิจารณ์ ให้เขาทำงานไป ซึ่งการที่ตนตัดสินใจออกจากทำเนียบฯไปนั่งทำงานอยู่ที่บ้าน เพราะเป็นการให้เกียรติคณะรัฐมนตรีใหม่ คาดว่าน่าจะเร็วๆนี้ เขาจะได้มาจัดสถานที่ในการทำงาน

ถามอีกว่า ก่อนหน้านี้ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มาดูตึกไทยคู่ฟ้า แล้วระบุว่าไม่มีห้องนอน พล.อ.ประยุทธ์ แนะนำอะไรไปบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นายเศรษฐาเป็นผู้ถามตนว่าจะนอนทำเนียบฯดีหรือไม่ ตนจึงบอกว่าถ้าจะนอนก็มีห้องเล็กอยู่ แต่ตนยังไม่เคยนอน เพราะรบกับสื่อ ทำให้นอนไม่หลับ แต่พอพูดไปโมโหไป กลับมาก็รู้สึกเสียใจ คิดว่าไม่ควรพูด ต่างคนต่างเข้าใจกันนะ ดูอย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่เคยทะเลาะกับใคร ยิ้มตลอด ตนเป็นคนขี้โมโห คิดเร็วทำเร็ว บางทีก็อาจจะไม่เหมาะสม แต่ถ้าดูผลงานที่ออกมาก็โอเคแล้ว บางครั้งต้องดุบ้าง เพราะเราเป็นทหารมาก่อน ที่สื่อเขียนกันมาตนก็ไม่ได้โกรธ เพราะเดี๋ยววันเวลาพิสูจน์กันเอง

ถามต่อว่า ถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ จะเหงาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะเหงาอะไร ตนเป็นคนช่างคิด ช่างอ่าน นิสัยนี้เลิกไม่ได้ ไม่มีอำนาจอะไรก็นั่งคิดไปเฉยๆ คิดในฐานประชาชนคนหนึ่ง คนเราต้องวางบทบาทที่เหมาะสม ทำตัวอย่างไร สื่อไทยมีอิสระและบทบาท เพราะนี่คือประเทศไทย เราไม่เหมือนกับคนอื่น เพราะอย่างไรก็เป็นคนไทยด้วยกัน แต่ขอให้นึกถึงกฎหมายกันบ้าง เพราะคนอื่นเขาเดือนร้อน การใช้อำนาจ การใช้กฎหมายต้องระมัดระวัง ไม่ให้บานปลาย ไม่เป็นเยี่ยงอย่าง ต้องมีวิธีการ เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม เราเป็นฝ่ายบริหาร ส่วนฝ่ายนิติบัญญติ อัยการ ศาล องค์กรอิสระ เขามีหน้าที่บทบาทของเขา จะไปก้าวล่วงเขาไม่ได้ เราเคารพตรงนี้ ทำของเราให้ดีที่สุด

เมื่อถามย้ำว่า งานอดิเรกจากนี้ไป พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าจะอ่านหนังสือและเลี้ยงสุนัข c]h;จะเขียนหนังสือสักเล่มหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่หรอก ขอพักสมองสักเดี๋ยว เจอกับหนังสือมา 9 ปี ท่วมหัวไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องการทำเพลงนั้น วันหน้าจะเขียนให้นายอนุทินไปแต่ง เพลงที่ตนแต่งมาชอบทุกเพลง เพราะมีความหมายสำหรับเรา เราชอบแต่งบทกลอน บทกวี เล่าเรื่องร้อยเรียง เราเป็นคนพูดได้ 2-3 ชั่วโมง วันๆ หนึ่ง ตอนสมัยอยู่กับทหารแต่งเพลงมายังไม่มีใครมาขอออกซิงเกิลเลย การแต่งเพลงจะเอาทำนองเพราะๆ มาก่อนแล้วใส่เนื้อทีหลัง แต่ถ้าให้ร้องเพลงของตัวเองตอนนี้คงจำเนื้อไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเพลงคืนความสุขให้เธอประเทศไทย ที่ร้องว่าขอเวลาอีกไม่นาน ตอนนั้นคือตอนนั้น แต่ไม่คิดว่าจะมาถึงตอนนี้หรอก ต้องคิดว่าเข้ามาอย่างไรสถานการณ์เป็นอย่างไร ถ้ามันเรียบร้อยตนไปนานแล้ว ถ้ามันสงบเรียบร้อยไม่มีปัญหาก็ไป ตนไม่ได้ตั้งใจอยู่มาถึงขนาดนี้ แล้วตอนนี้ถือว่าทุกอย่างโอเค อย่าลืมว่า 4 ปีแรกกับ 4 ปีหลัง ด้วยตัวกฎหมายด้วยอะไร 4 ปีแรกเลิกกันเสียที เราไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เราเข้ามาดูบ้านเมืองให้เรียบร้อย ไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงต่อกัน เป้าหมายมีแค่นั้น วันนี้ถือว่าทุกคนปรองดองกัน แต่เราจะไปสั่งใครปรองดองไม่ได้ นายกฯ คนเดียวทำได้เหรอ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับเพลง สะพาน เราแต่งทำนอง เนื้อหาเป็นการข้ามสายน้ำที่เชี่ยวกราก เป็นสะพานให้คนเขาเหยียบย่ำข้ามไปนั่นแหละคือเรา จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้เปิดเพลงสะพานจากโทรศัพท์มือถือ ออกลำโพง โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้องตาม พร้อม ระบุว่า คำว่าขอเวลาอีกไม่นานนั้นหมายความว่า ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี ถ้าผ่านเร็วเราก็ไปเร็วแค่นั้นเอง แต่กลไกการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญเขาทำมาเราก็ต้องอยู่ เป็นเรื่องของกระบวนการ

“ทุกคนก็มองแต่อำนาจ ลองถามนายอนุทินดูเราใช้อำนาจไหม อำนาจต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะอำนาจมาพร้อมความรับผิดชอบ ทุกคนอยากมีอำนาจ แต่อำนาจก็ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีนั่นคือการใช้อำนาจ ถ้าไม่ถูกก็มีปัญหา ผมพยายามระมัดระวังมา 9 ปี ทุกคนในครม.ก็ระมัดระวังมาด้วยกัน ขอร้องกันแล้ว ว่าบ้านเมืองสำคัญกว่าอย่างอื่น และยังอาจไม่เหมือนกัน ความคิดผมแบบทหารและอยู่การเมืองมาหลายปี 4 ปีแรกมันก็มีอยู่ แต่ 4 ปีหลังเราทำการเมืองที่สร้างสรรค์ ถ้าคนแตกแยกกันมากๆมันอันตราย รู้ไหม”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มันต้องมีหลักพื้นฐานสำคัญคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไว้ก่อน แล้วจะอย่างไรก็ว่ากันมา ถ้าแยกกันเป็นกลุ่มเป็นฝ่าย มันจะเดินหน้าไปไม่ได้ วันหน้ามันก็ลูกหลานของพวกท่าน ไม่แน่อาจจะดีก็ได้ เราไปพูดมากเดี๋ยวจะกลายเป็นอะไรอีก เราไม่มีอำนาจอะไรอยู่แล้ว ไม่เคยคิดว่ามีอำนาจ เอาอย่างนี้ดีกว่า อำนาจมาตามความรับผิดชอบมาตามระเบียบข้อบังคับกฎหมาย อยู่ดีๆ จะสั่งทำแบบนั้นแบบนี้ ตนจะไปสั่งได้หรือไม่ มีแต่ดำริไปตามนโยบายว่าเรื่องไม่ควรจะทำหรือไม่ เห็นชอบร่วมกัน คณะกรรมการกฤษฎีกาก็ต้องนำไปตรวจทานว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าแบบนี้โอเค อำนาจใช้มากเกินไปก็อันตราย แต่ทุกคนก็รับผิดชอบอยู่แล้ว

ซักว่า ที่ว่าวันข้างหน้าจะเรียบร้อยไปด้วยดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า อย่ามาถามตนและชี้ไปที่นายอนุทิน แต่ว่าขอให้ฝากคนนี้ ซึ่งต้องย้อนดูว่ามีอะไรอยู่บ้าง รัฐธรรมนูญเขียนไว้ ถ้าจะแก้ จะเกิดประโยชน์หรือไม่ ก็ไม่รู้อาจจะดีก็ได้ ไม่มีความคิดเห็น โนคอมเมนต์

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะฝากอะไรถึงชาวโซเชียลมีเดียที่วันข้างหน้าจะไม่ได้เป็นนายกฯแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝากความรัก ความคิดถึง และไม่โกรธเคืองใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะรักจะชอบไม่ชอบจะด่าจะว่า เพราะเป็นโลกของโซเชียล เพียงแต่ท่านต้องมีภูมิคุ้มกันบ้าง บางทีไม่รู้จักกันเห็นเขาเกลียดก็เกลียดด้วย ตนคิดว่ามันต้องมีเหตุมีผล ถ้าทุกคนบิดเบี้ยวไปหมด กฎหมายอยู่ตรงไหนไม่รู้ มันไม่ได้ เป็นอันตรายสำหรับประเทศ สื่อด้วยต้องช่วยกัน

ถามอีกว่า มีเรื่องไหนบนโซเชียลที่อ่านแล้วรู้สึกจี๊ด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “จี๊ดทุกอันแหละ ไม่เป็นไร เป็นการแสดงความคิดเห็นคนที่เขาชมก็มี วันหลังก็ไม่อ่าน ที่ด่ามันก็หายไปจากโทรศัพท์เหมือนกัน แต่รวมๆแล้วรู้สึกจี๊ดหมด” สำหรับเรื่องโซเชียลตนไม่เคยทำเอง จะเล่นทำไม แต่ก็ดูอยู่แล้ว ไม่ตอบโต้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาตอบโต้ เขียนอะไรก็เขียนมา ได้แต่อ่าน จากนี้ไปต้องดู อ่านสิ่งที่เป็นประโยชน์ ประชาธิปไตยต้องดูความเป็นมาด้วย เราเป็นอย่างไร และบ้านเราจะสงบแบบนี้หรือไม่ ได้รับการพัฒนาหรือไม่ บ้านเมืองเรามีคนหลายระดับ รายได้การพัฒนาใช้งบประมาณอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ต้องมีการปรับวิธีการ วันข้างหน้าคอยดูแล้วกัน มีคนทำอยู่แล้ว วันนี้เราต้องสมมุติในสิ่งที่ดี มันก็ต้องดี

เมื่อถามย้ำว่า ประทับใจอะไรกับเรือลำนี้ที่พายมาจนถึงวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เกิดจากความรักความสามัคคีความเข้าใจ เราทำหน้าที่เพื่อใคร เพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน เพื่อสถาบันอะไรต่างๆ ที่ทำได้โดยเร็ว ก็เร่งดำเนินการไป อันไหนที่ยังต้องรอขั้นตอนก็ต้องทำต่อ หลายอย่างติดข้อกฎหมาย ก็ยังทำไม่เรียบร้อย ต้องทำกันต่อไป มีแค่นี้ เมื่อถามย้ำว่า หลังจากนี้ไม่ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ หวังอะไรกับเรือลำใหม่ที่จะมาดูแลประเทศต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วสื่อหวังอย่างไร ก็หวังแบบสื่อที่ต้องการให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า ตนตอบแบบนี้ใช้ได้หรือไม่

ถามต่อว่า หลังจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ จะแสดงความเห็นเรื่องชาติบ้านเมืองหรือไม่ เมื่อไม่มีตำแหน่งแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าควรหรือไม่ควร เราไม่อยากให้ความขัดแย้งมันมากกว่านี้ ซึ่งมันดีอยู่แล้ว อยู่ที่พวกเราจะช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ แต่ก่อนมันไม่มากเท่านี้ แต่วันนี้มีโซเชียลอะไรต่างๆ ทุกคนแสดงความคิดเห็นกันได้หมด เมื่อถามว่า มองดูแล้วบรรยากาศจากนี้จะสงบดีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราก็ต้องหวังอย่างนั้นมั้ง

ซักว่า ความขัดแย้งจะกลับมาอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธว่า “ไม่รู้ ไม่ทราบ ก็พูดอยู่นี่ไม่อยากให้กลับมาก็แค่นั้น ในฐานะประชาชนคนหนึ่งเราก็เป็นประชาชนแล้วล่ะ และคิดว่าทุกคนไม่อยากให้กลับมาเหมือนเดิม ย้อนกลับไปดูก็แล้วกันก็แค่นั้นเอง” อะไรที่มันผิดพลาดที่เกิดมาแล้วเสียหายอย่าไปทำมันอีก นั่นเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ ไม่เรียนรู้และจะอยู่กันอย่างไร ในวันนี้และวันข้างหน้า ที่ผ่านมาการทำงานตนประทับใจทุกอัน ส่วนเหตุการณ์มีเยอะจำไม่ได้ และที่ประทับใจที่สุดคือการประชุมครม. ในทุกสัปดาห์ทุกคนเห็นชอบร่วมกันเสนอโครงการที่อยู่ในกรอบที่วางไว้ ในเรื่องการปฏิรูปก็เดินไปตามนั้น ทุกอย่างไม่ได้ไปบีบรัดใคร เป็นหัวข้อใหญ่ที่ร่างไว้ แต่ไม่ได้ร่างเพื่อสืบทอดอำนาจ ขอให้ไปดู แต่บางครั้งไม่อ่านกัน แต่วิจารณ์กันได้เป็นหน้าๆ

เมื่อถามว่า 9 ปีที่ผ่านมาทำงานได้พึงพอใจสำเร็จตามที่มุ่งหวังหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เกินครึ่งนะ แต่บางอย่างมันยาก ติดกฎหมาย เสนอไปหลายอย่างไม่ออก ซึ่งเป็นเรื่องของสภา แต่อย่างน้อยก็เกิน 50-60 บางอย่างก็ 80-90 อย่างเรื่องโครงสร้างพื้นฐานการแพทย์สาธารณสุขก็เดินหน้าไปเยอะ สำหรับนโยบายที่ประทับใจถือว่าทุกโครงการที่ทำ เพราะเป็นผลประโยชน์ของประชาชน วันนี้ทำไม่ได้ก็ต้องรอวันหน้า บางแผนการโครงการประชาชนไม่เห็นชอบก็ต้องสร้างความเข้าใจ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับมอบดอกไม้ และร่วมถ่ายรูปกับสื่อมวลชน ที่ร่วมเดินไปส่งจนถึงตึกไทยคู่ฟ้า

เวลา 13.09 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นไปสักการะพระพรหม บนดาดฟ้าตึกไทยคู่ฟ้า เสร็จแล้วได้ไปไหว้นรสิงห์ต่อ ก่อนจะลงมาพบปะข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลจำนวนมาก ที่ห้องโถงกลางตึกไทยคู่ฟ้า โดยนำดอกกุหลาบแดงมามอบให้ ขณะที่กรมประชาสัมพันธ์ นำวงดนตรีมาบรรเลงเพลง โดยเพลงแรกได้บรรเลงเพลงความฝันอันสูงสุดให้กับ พล.อ.ประยุทธ์

กระทั่งเวลา 13.30 น.ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบ รวมทั้งแฟนคลับ ได้เข้ามาร่วมให้กำลังใจมอบดอกไม้ ถือป้ายเชียร์ และร่วมส่ง พล.อ.ประยุทธ์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าาวกับทุกคนว่า อะไรก็ตามที่ทำให้พวกเราไม่สบายใจ ไม่พอใจก็ขอบอกว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่ตั้งใจแบบนั้น ขอบคุณทุกคนและทุกหน่วยงานทั้งรัฐและรัฐวิสาหกิจทุกคน ขอให้เดินหน้าได้อย่างปลอดภัย ขอฝากแค่นี้ พวกเราไม่ว่าใครจะมา ใครจะไป หน่วยงานต้องอยู่ให้ได้ทั้งตัวเองและครอบครัว จะทำอะไรต้องไม่ทำให้เกิดความเดือดร้อน ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เจอกันข้างนอกขอให้ทักบ้าง อาจจะจำไม่ได้ หน้าตนอาจจะเปลี่ยนไปเยอะ หลายคนบอกว่าจะพาตนไปเที่ยว แต่จะไปได้อย่างไร เพราะทุกคนก็จำหน้าตนได้ในขณะนี้

โดยพล.อ.ประยุทธ์ได้เชิญชวนให้ทุกคนร่วมร้องเพลง คำสัญญา ของอินโดจีน เพลงด้วยรักและผูกพัน ของเบิร์ด ธงไชย และเพลง ศรัทธา ของหินเหล็กไฟ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อมารับดอกไม้ และร่วมถ่ายรูปกับทุกคนที่มาส่ง

ทั้งนี้ ก่อนจะขึ้นรถเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ในเวลา14.00 น.ตามฤกษ์ยามที่วางไว้ มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมสวมกอดร่ำลา ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับมีน้ำตาคลอ ก่อนจะส่งสัญลักษณ์ไอ เลิฟ ยู และเดินทางออกจากทำเนียบไป

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังออกจากทำเนียบฯ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แวะบ้านพิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเข้าไปสักการะองค์พระภูมิเจ้าที่​ และบวงสรวงองค์ท่านท้าวหิรัญพนาสูร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านพิษณุโลก ก่อนเดินทางกลับบ้านพักภายใน​ ร​.1.รอ.

สำหรับ องค์ท่านท้าวหิรัญพนาสูร เชื่อกันว่าท้าวหิรัญพนาสูร คือ อสูรเทพรูปร่างกำยำใหญ่โต เป็นผู้มีสัมมาปฏิบัติที่คอยติดตามพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) เพื่อปกปักรักษาและป้องกันภยันตรายทั้งปวงให้แก่พระองค์ โดยคำว่า "หิรัญ" หมายถึง สีเงิน หรือทอง ส่วนคำว่า "พนาสูร" หมายถึง เทพาสูรแห่งป่า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯแพทองธาร เปิดทำเนียบฯต้อนรับคณะนักธุรกิจจากอเมริกา กว่า 40 บริษัท

ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้พบปะหารือกับคณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา

นายกฯ พร้อมคู่สมรส ซักซ้อมพิธีต้อนรับนายกฯสิงคโปร์เยือนไทย

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อม นายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เดินมาที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อซักซ้อมและดูสถานที่ในจุดที่จะเดินตรวจแถ

'ปลัดยุพา' เริ่มลุยงาน สปน. เร่งสรรหา 'เลขาฯ สคบ.' จบใน 1 เดือน

'ปลัดยุพา’ เข้าทำเนียบฯ วันแรก สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยันพร้อมลุยงาน สปน. แก้ปัญหาประชาชน คาด 1 เดือน สรรหา ‘เลขาฯ สคบ.’ คนใหม่ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม