26 ส.ค.2566 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "สุดยอด..." โดยระบุถึงพฤติกรรมทางการเมืองของนายเศรษฐา ทวีสิน ที่โชว์ภาพความกะล่อน น้ำเน่าในวัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พาชมทำเนียบรัฐบาล ชี้ชวนดูต้นไม้แนบชิด ไหว้เมื่อพบและลาจากกันอย่างนอบน้อมตามประสาคนตัวลีบ ย่อมแสดงถึงนักการเมืองอยากมีอำนาจต้องเล่นละครน้ำเน่าเป็น
นายจตุพร กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลในวันที่สังคมสงสัยอาการป่วยของทักษิณ ชินวัตร คงเป็นวันหายนะมากกว่าเป็นวันดีๆ แน่นอน อีกอย่างภาพที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้อนรับนายเศรษฐา ผูกเนคไทเหลือง ไม่ใส่ถุงเท้าแดง และไม่สวมเสื้อแดงโชว์เหมือนช่วงหาเสียงด้วยอารมณ์ฮึกเหิมเกรี้ยวกราด ซึ่งน่าชื่นชมไปอีกแบบหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ประจักษ์ว่า หากมีเพียงทักษิณคนเดียว และถ้าไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ มาช่วยแล้ว นายเศรษฐา คงโหวตไม่ผ่าน และไม่ได้เป็นนายกฯ เพราะเพื่อไทย 141 เสียง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ มี สว.152 เสียง รวมกับพรรครวมไทยสร้างชาติเป็น 188 เสียงมาเทให้ อีกอย่าง รมต.กลาโหมที่เป็นโควตาของเพื่อไทย คงได้ทหารคนสนิทของ พล.อ.ประยุทธ์ มาดำรงตำแหน่งในฐานะโควตาคนนอกอีกเช่นกัน ดังนั้น ภาพนายเศรษฐา ไปพบที่ทำเนียบจึงออกมาด้วยท่วงทำนองคนตัวเล็กลีบมีกิริยานอบน้อมต้องทำตัวน่ารักเข้าไว้
ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ของกลุ่ม 3 ป. เก็บตัวเงียบนั้น นายจตุพร ระบุว่า ในทางการข่าวรายงานช่วงเย็นวันที่ 22 ส.ค. หลังจากน้องหักคอพี่เทเสียงช่วยนายเศรษฐาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนเย็นได้คุยกันตามประสาคนคบหากันมายาวนาน และคงมีวาจาปลอบประโลมกัน อย่างไรก็ตาม โดยธรรมชาติชีวิตแล้ว ถึงที่สุดความเป็นพี่จะเหี้ยมไม่ลงกับน้อง มีแต่น้องที่เหี้ยมกว่า ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงใช้โอกาสไม่เปลือง แต่ พล.อ.ประวิตร เอาแต่เงื้อง่าราคาแพงอยู่นาน จึงกลับบ้านป่ารอยต่อคนเดียวด้วยความเจ็บใจน้องที่จะทำอะไรไม่บอกกันก่อนสักคำเลย
"นายเศรษฐา ตั้งรัฐบาลด้วยต้นทุนติดลบทางการเมืองย่อมยากอยู่แล้ว เพราะตระบัดสิตย์ ผิดคำพูดทุกอย่างนับครั้งไม่ถ้วนในเรื่องจุดยืนทางการเมือง แต่ที่ใหญ่กว่าคือชนักทางการเมืองเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ปักไว้กลางหลัง ซึ่งใหญ่มาก"
นายจตุพร ยกกรณีชนักปักหลังนายกฯ มาเปรียบเทียบว่า นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายายกฯ อยู่ได้ 7 เดือน ต้องพ้นทางการเมืองด้วยข้อหาเป็นลูกจ้างทำกับข้าว ส่วนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯได้ 2 เดือนครึ่งก็ถูกยุบพรรคจากข้อหากรรมการบริหารคนเดียวทุจริตเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ช่วงนั้นพรรคพลังประชาชนมี สส. 233 คนขาดอีก 7 คนจะถึงครึ่งจากจำนวน สส.ทั้งหมดของสภา 480 คน ยังอยู่เป็นรัฐบาลได้แค่ 9 เดือนครึ่งเท่านั้น
ส่วนรัฐบาลนายเศรษฐา นายจตุพร กล่าวว่า ในวันนี้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้วมี สส. 141 เสียง ซึ่งน้อยมาก และยังมีชนักที่นายชูวิทย์ เปิดประเด็นใหญ่ทิ้งไว้อีก อีกทั้งสังคมคาดจะเห็นปลายทางยุติลงในเดือนพฤษภาคมล้วนไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น หากจะจัดการนโยบายแจกเงินดิจิทัจหมื่นบาท ต้องดำเนินการให้ก่อนพฤษภา 67 ซึ่งประชาชนต้องเผื่อใจเอาไว้บ้าง
รวมทั้ง ประเมินว่า เมื่อรัฐบาลถวายสัตย์ปฎิญาณและแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเพื่อเริ่มปฎิหน้าที่ หลังจากนั้นประชาชนคงเริ่มปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน โดยจะมีกระบวนการตรวจสอบนายเศรษฐา ซึ่งไม่แตกต่างจากนายสมัคร เจอมาแล้วในเรื่องขัดคุณสมบัติต้องห้าม แต่สิ่งสำคัญนายเศรษฐา จะมีทั้งโทษทางอาญาและจริยธรรมทางการเมือง
"ถ้าข้ามเดือนพฤษภาไปได้ ก็อาจอยู่ยาวได้ แต่ถ้าต้องการใช้บริการ สว.อีกครั้ง จึงต้องลงมือก่อน สว.ครบวาระ หากมีความรู้สึกว่าสบาย ๆ เพราะได้อยู่ใต้ชายคาของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวีตร ก็มีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ควรต้องโทรสอบถามกัน"
นายจตุพร กล่าวว่า วันที่นายเศรษฐา ไปพบและไหว้นอบน้อม พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล แล้วได้รับการต้อนรับด้วยอารมณ์สดใส เป็นกันเอง พล.อ.ประยุทธ์ ยิ้มเบิกบาน พาเดินโชว์ดูทำเนียบ ชี้ชวนแนบชิดให้ชมต้นไม้ แม้อารมณ์แบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่บดขยี้จิตใจของกองเชียร์เพื่อไทยให้แหลกยับเยิน ยิ่งย้อนถึงคำพูดฮึกเหิมไม่จับมือ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ร่วมรัฐบาล 2 ป. และต้องการปิดสวิตซ์ 3 ป. ดังนั้น ภาพลักษณ์การแสดงออกของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงสะท้อนถึงความเขี้ยวทางการเมืองอย่างยิ่ง
สิ่งสำคัญแล้ว ภาพการเมืองที่กองเชียร์เพื่อไทยต้องการปิดสวิตซ์ 3 ป. กลับถูกกลบด้วยภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้อนรับนายเศรษฐา อย่างเจ็บแสบที่สุด อีกอย่างยังปิดปากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าเพื่อไทย เคยออกแถลงการตั้งแต่ตีห้า สั่งห้าม พล.อ.ประยุทธ์ ย้ายข้าราชการ รวมทั้งนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการเพื่อไทย ดุดันไล่ พล.อ.ประยุทธ์ รีบขนสิ่งของเครื่องใช้ย้ายออกจากบ้านพักทหาร กลับเงียบเสียงสนิท แล้วหายลับไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย
"นายเศรษฐา ไหว้นอบน้อม จับมือทั้งก่อนพบและหลังลาจากกัน แล้วให้สัมภาษณ์สื่อประจำทำเนียบว่า ท่าน (พล.อ.ประยุทธ์) เป็นคนน่ารัก เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ เป็นคนแนะนำสร้างความปรองดอง ให้แก้ไขปัญหาของประเทศ ซึ่งแตกต่างจากครั้งโจมตีรุนแรง ขับไล่ช่วงหาเสียง ดังนั้น ในวันนี้ภาพปรากฎคงแสดงถึงความจริงของประเทศที่มากด้วยความตอแหลแลนด์ นักการเมืองกะล่อน ประชาชนจึงอยู่ยาก"
นายจตุพร เชื่อว่า ละครการเมืองบทนี้ของเพื่อไทยและ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่จบลงง่ายๆ เพราะตามประสาการละครแล้ว ต้องมีจุดหักมุมช็อกความรู้สึกประชาชนอีก โดยเฉพาะการหักมุมเกิดขึ้นแล้วเมื่อ 22 ส.ค. ซึ่งทหารเคยนั่งข้าง พล.อ.ประยุทธ์ ในวันยึดอำนาจได้โหวตให้นายเศรษฐา พร้อมเพรียงกัน แล้วตามมาด้วยการหักมุมด้วยภาพชวนชมทำเนียบ ชี้ให้ดูต้นไม้อีก ซึ่งต่อไปคงมีสิ่งตื่นเต้น ตามประสาความกะล่อนทางการเมืองไทยต้องน้ำเน่าสุดๆ จึงจะมีอำนาจได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นพดล' ฟังทางนี้! 'หมอวรงค์' จับโป๊ะ คำชี้แจง 'MOU 44'
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ถึงนพดล ปัทมะ" โดยระบุว่า คำพูดของนายนพดล ปัทมะ ที่ชี้แจงพันธมิตรฯ เรื่อง MOU 44
'อิ๊งค์' ลางาน 1 วัน ก่อนหยุดยาวปีใหม่ ใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัว
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ในวันเดียวกันนี้ นายกฯได้ส่งหนังสือลากิจ 1 วันไปที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เรียบร้อยแล้ว
เทวดาแม้วของขึ้น! เปิดศึกขาประจำกว่า 10 คน รวม ‘แก้วสรร-แฝดน้อง‘
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พ่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงฉายา “ทวีไอพี” ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการ
'ทักษิณ' ถึงเชียงใหม่ ช่วยหาเสียงนายก อบจ. 'สว.ก๊อง' คึกมั่นใจชนะล้านเปอร์เซ็นต์
'ทักษิณ' ถึงเชียงใหม่ 'เจ๊แดง-สมชาย-พิชัย' ต้อนรับ แวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านมิชเชอร์ลิน 7 ปีซ้อน ก่อนช่วงเย็นขึ้นปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ. 'สว.ก๊อง' ลั่นมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์
'อิ๊งค์' ยิ้มร่ารับฉายา 'รัฐบาลพ่อเลี้ยง' แซวตัวเอง 'แพทองแพด' แฮปปี้ไม่เกลียดใคร
'นายกฯอิ๊งค์' ยิ้มแย้ม ไม่โกรธฉายา 'รัฐบาลพ่อเลี้ยง' ขอมองมุมดี พ่อมีประสบการณ์เพียบช่วยหนุน หยอกสื่อกลับ 'แพทองแพด' ไม่ใช่แพทองโพย บอกไม่ค่อยเกลียดใครมันเหนื่อย แฮปปี้เข้าไว้
'เท้ง' ลุ้น! ฉายาผู้นำฝ่ายค้าน เมินตอบ 'รัฐบาลพ่อเลี้ยง-แพทองโพย'
'เท้ง' ยิ้ม ปัดให้ความเห็น 'ฉายารัฐบาล-นายกฯ' บอกอยากฟังของตัวเองมากกว่า ชี้สื่อทำเนียบ-รัฐสภามีสิทธิ์ตั้งคำถาม พร้อมรับมาสะท้อนปรับปรุงการทำงาน