29 ก.ค.2566 - พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้
เมื่อผมเป็นราชองครักษ์เวรของในหลวง รัชกาลที่ 10
ผมเริ่มต้นทำหน้าที่ราชองครักษ์เวรครั้งแรก เป็นการปฏิบัติหน้าที่ถวายในหลวง ร. 9 ส่วนใหญ่อยู่ที่พระตำหนักสวนจิตรลดา เวลาเข้าเวรช่วงกลางคืน ถ้าอยู่ตรงทางขึ้นพระตำหนักในตอนหัวค่ำ เมื่อมองออกไปทางเขาดิน จะเห็นฝูงยุงจำนวนมหาศาล บินออกมาจากเขาดิน คล้ายก้อนเมฆสีดำเล็กๆ มุ่งหน้ามายังสวนจิตรลดา และบ้านเรือนผู้คนที่ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกราชวิถี ดังนั้น เมื่อในหลวง ร. 10 ทรงย้ายเขาดิน ผมจึงไม่ได้สงสัยอะไรเลย เพราะนอกจากยุงแล้ว ใครพาเด็กๆไปเที่ยวเขาดิน ก็จะกลับมาไม่สบายเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด สะสมเชื้อโรคไว้นาๆชนิด นานกว่า 80 ปี ผมจึงคิดว่า ถ้าพระองค์ไม่ลงมือทำใครจะทำครับ
ต่อมาผมได้ย้ายมาเป็นราชองครักษ์เวร ของในหลวง ร.10 (พระยศ ขณะนั้นเป็นพระบรมโอรสาธิราชฯ) ตอนแรกก็เกิดความวิตก เนื่องจาก ผมทั้งอ้วน จากการนั่งโต๊ะทำงานจนดึก และ กินมากเวลาออกกำลังกายมีน้อย ถ้าให้วิ่งในระยะทางไม่เกิน 100 เมตร ผมก็เริ่มมีอาการหอบแล้ว ประกอบกับผมไม่ได้มาจากโรงเรียนเหล่าโดยตรงด้วย ราชองครักษ์ประจำคนอื่น จึงกลัวว่าผมจะไปทำอะไรผิดเข้า
ซึ่งก็เป็นจริง วันแรกก็ผิดแล้ว ตอนถวายรายงานเลยครับ ผมลงท้ายว่า
“..ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ” พระองค์ทรงยิ้ม กล่าวว่า “ยังไม่ต้องเดชะหรอก” และก็ไม่ได้ทรงตำหนิอะไรอีก หลายวันต่อมา พระองค์ทรงรถกอล์ฟเสด็จจากพระตำหนักไปเปิดร้านค้า ที่หน้าพระราชวัง ระยะทางประมาณ 150 เมตร ผมก็วิ่งตามไปสัก 50 เมตรก็เริ่มมีอาการเหนื่อยหอบแล้ว ทันใดนั้น ปรากฏว่ารถกอล์ฟส่วนพระองค์ ก็ชะลอช้าลงอย่างผิดปกติ ผมจึงกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามไปอย่างสบายๆ ทั้งขาไปและกลับ พระองค์มีทรงพระเมตตายิ่งนัก จากนั้นมาผมก็เริ่มหาเวลาออกกำลังกาย ซึ่งส่งผลทำให้ผมมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น อยู่มาอย่างสบายจนถึงทุกวันนี้ แม้อายุใกล้จะ 80 เข้าไปแล้ว
เมื่อเกิดเหตุรุนแรงทางภาคใต้ได้ประมาณ 2 ปี
ผมถูกเรียกตัวให้เข้าเฝ้า ในหลวง ร.10 (ขณะนั้นพระองค์ยังทรงดำรงตำแหน่ง พระบรมโอรสสาธิราชฯ) เพื่อกราบทูลรายงานเบื้องหลังเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าว โดยมีประธานองคมนตรีท่านปัจจุบัน ร่วมอยู่ด้วย ผมได้กราบทูลเรื่องราวอย่างค่อนข้างเป็นทางการแต่ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดมากนัก เมื่อกราบทูลจบ พระองค์ทรงยิ้ม มีพระราชดำรัสว่า “ให้เล่าใหม่ เอาจริงๆเลย” ผมจึงกราบทูลใหม่โดยลงละเอียดอย่างไม่ตกแต่งให้เป็นทางการหรือสวยหรูอะไรอีก พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสถามเป็นระยะๆ บางคำถาม ผมซึ่งทำงานอยู่ในพื้นที่ก็ยังนึกไม่ถึง เมื่อผมเล่าถวายจบ ซึ่งใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว พระองค์ทรงยิ้มอีกและมีพระราชดำรัสว่า “ต้องอย่างนี้ซิ” ในใจผมซาบซึ้งถึงพระเมตตา นึกอยู่ตลอดเวลาว่า พระองค์ทรงสนพระทัยทุกข์สุขของประชาชนและบ้านเมืองอย่างจริงจัง และยังทรงมีพระปฏิภาณไหวพริบถึงขนาดนี้ ผมจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ทรุดตัวลงกราบแทบเบื้องพระบาทด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยความจงรักภักดี ในหลวง ร.10 ทรงมีพระราชดำรัสว่า “เขาเป็นองครักษ์ของฉันด้วย”
ยังมีอีกหลายเรื่องที่บอกได้ว่า ในหลวงของเรา เป็นเสาหลักค้ำจุนชาติสืบเนื่องต่อกันมาจากบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะขอนำมาเล่าให้อ่านกันอีกในปลายเดือนกรกฎาคม ปีหน้าครับ
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อดีตบิ๊ก ศรภ.วิเคราะห์เหตุ สว.หัก สส.ปมกฎหมายประชามติ
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.)
อุ้ย! อดีตบิ๊กศรภ. บอกแบ่งงบซอฟต์พาวเวอร์แจก ’หมูเด้ง’ บ้าง จะได้มีผลงาน
อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ แนะนำเงิน Soft power จำนวนมหึมา ของนายก อุ๊งอิ๊ง นั้นควรแบ่งมาแจกให้ 'น้องหมูเด้ง'
'นายกฯอิ๊งค์' อยู่ได้เกิน 6 เดือนไหม! ขึ้นอยู่กับ 2 ทางรอด
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อุ๊งอิ๊งจะอยู่เกิน 6 เดือนไหม
'อดีตบิ๊ก ศรภ.' บอกไม่ต้องรอนานทักษิณเตรียมชื่อนายกฯ ใหม่ไว้มากว่า 1 เดือนแล้ว!
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.)
'อดีตบิ๊กศรภ.' ชำแหละ 9 ข้อต่อสู้ 'ก้าวไกล' ดูเสมือนจะยอมรับว่าก้าวต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ ก้าวไกล ดูเสมือนจะยอมรับว่าก้าวต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว มีเนื้อหาดังนี้
‘อดีตบิ๊กศรภ.’ ชี้กลยุทธ์’ซุนวู’ กำลังจู่โจม ‘เศรษฐา-ทักษิณ’ เสียขบวน
ตำราพิชัยสงครามของซุนวู มีการนำมาสอนกันใน ร.ร.เสนาธิการทหารของทุกเหล่าทัพ และยังใช้กันอย่างกว้างขวางในแวดวงธุรกิจ ปัจจุบันทางการเมืองก็นำมาประยุกต์ใช้เช่นกัน