9 ธ.ค.2564 - สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ มีนามเดิมว่า ช่วง สุดประเสริฐเกิดในสมัยรัชกาลที่ ๖ เมื่อวันพุธที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๔๖๘ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีฉลู อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ บรรพชาเมื่ออายุได้ ๑๔ ปี จึงได้บรรพชาเมื่อวันจันทร์ที่ ๑ พฤษภาคม ๒๔๘๒ ณ วัดสังฆราชา เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดยมีพระครูศีลาภิรัต (ทอง) เป็นอุปัชฌาย์ และอุปสมบทเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๔๘๘ ณ พัทธสีมาวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร พระครูบริหารบรมธาตุ (ป่วน เกสโร) วัดนางชี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) เป็นกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายานามว่า “วรปุญฺโญ”
เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เมื่อปี ๒๔๙๙ และเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เมื่อปี ๒๕๐๘ สร้างสำนักเรียนวัดปากน้ำให้มีชื่อเสียงด้วยเป็นสำนักเรียนที่สอบเปรียญธรรม ๙ ประโยค ได้มากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นสนามสอบบาลีชั้นประโยค ป.ธ.๕ ในภูมิภาค
เจ้าประคุณสมเด็จช่วง มีความแตกฉานทางภาษาบาลี สามารถสนทนาภาษาบาลีได้ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่กองบาลีสนามหลวง เมื่อปี ๒๕๓๙ ถือเป็นตำแหน่งสำคัญยิ่งของการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีของพระภิกษุสงฆ์
ท่านยังได้มอบปัจจัยให้สร้างพระไตรปิฎกจารึกในแผ่นหินอ่อน เจดีย์ วิหาร เพื่อธำรงรักษาพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน รวมถึงหอประชุมสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ซึ่งเป็นที่ประชุมกรรมการ มส.ทุกวันนี้
เจ้าประคุณสมเด็จช่วง ได้รับการถวายสมณศักดิ์จากหลายประเทศ อาทิ
ปี ๒๕๒๐ ได้รับสมณศักดิ์จากบังกลาเทศ ที่พระศาสนธชมหาปัญญาสาระ
ปี ๒๕๒๔ ได้รับสมณศักดิ์จากศรีลังกา ฝ่ายอมรปุรนิกาย ที่ พระชินวรศาสนโสภณเตปิฏกวิสารทคณปาโมกขาจริยะ
ปี ๒๕๒๕ ได้รับสมณศักดิ์จากศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายอัสสคิริยะ ที่ พระศาสนโชติกสัทธัมมวิรทวิมลกิตติสิริ และได้รับสมณศักดิ์จากศรีลังกาสยามวงศ์ ฝ่ายมัลลวัตตะ ที่ พระธรรมกิตติสิริเตปิฏกวิสารโท
ปี ๒๕๒๖ ได้รับสมณศักดิ์จากศรีลังกา ฝ่ายรามัญวงศ์ ที่ พระติปิฏกบัณฑิตธัมมกิตติสสิริยติสังฆปติ
ปี ๒๕๒๖ ได้รับสมณศักดิ์จากศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายโกฏเฏ ที่ พระอุบาลีวังสาลังการะอุปัชฌายธรรมธีรราชมหามุนีเถระ
ปี ๒๕๕๘ รัฐบาลเมียนมา ถวาย “อัคคมหาบัณฑิต” ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
ปี ๒๕๖๐ สมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาตั้ง เป็นประธานอำนวยการโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หรือหมู่บ้านรักษาศีล ๕
ส่วนสมณศักดิ์นั้น เริ่มจากพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระศรีวิสุทธิโมลี วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๙๙ และได้รับการสถาปนาให้เป็นสมเด็จพระราชาคณะ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๘ ในราชทินนามว่า “สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ไพศาลหิตานุหิตวิธาน ปฏิภาณสุธรรมภาณีศรีสังฆโสภณ วิมลศีลาจารนิวิฐ ตรีปิฏกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆารามคามวาสี อรัญวาสี”
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ มรณภาพด้วยโรคชรา เมื่อรุ่งอรุณของวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๔ อย่างสงบ โดยอาพาธและเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อฟอกไตมาเป็นระยะเวลา ๕ ปี ก่อนที่ตลอดปีที่ผ่านมาจะรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ ก่อนมรณภาพไม่มีโรคประจำตัวอย่างโรคเบาหวาน หรือความดัน ท่านมรณภาพด้วยอาการสงบเหมือนหลับไป โดยไม่มีสายระโยงระยาง ที่มาโบราณนานมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สุริยะใส' ยก 'สมณะโพธิรักษ์' ผู้บุกเบิกสังคมธรรมาธิปไตย การเมืองแนวบุญนิยม
นายสุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าพ่อท่านโพธิรักษ์ ผู้บุกเบิกสังคมธรรมาธิปไตย การเมืองแนวบุญนิยม
ลูกศิษย์เศร้า 'สมณะโพธิรักษ์' ผู้นำจิตวิญญาณสำนักสันติอโศก มรณภาพแล้ว
เพจเฟซบุ๊ก บุญนิยมทีวี โพสต์ข้อความแจ้งข่าว พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ มรณภาพ ด้วยโรคชรา เวลา 06.40.10 น. วันพฤหัสบดี 11 เมษายน 2567
เปิดรายละเอียดพินัยกรรม 'ครูบาน้อย ญาณวิไชย' สั่งเสียลูกศิษย์ก่อนละสังขาร
เพจเฟซบุ๊ก "ประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน" ได้มีการเผยคลิปอ่านพินัยกรรม "ครูบาน้อย ญาณวิชัย" โดยมีเนื้อหาว่า ในการปฏิบัติเมื่อข้าพเจ้าละสังขารแล้ว หนึ่งในการละสังขารของข้าพเจ้าไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดข้าพเจ้าและญาติ ประด้วยด้วยบิดา
ลูกศิษย์อาลัย 'ครูบาน้อย ญาณวิไชย' มรณภาพอายุ 34 ปี เขียนพินัยกรรมให้ถวายเพลิงค่ำวันนี้
คณะศิษย์ครูบาน้อย ญาณวิไชย จ.น่าน แจ้งว่า ครูบาน้อย ญาณวิชัย แห่งวัดถ้ำเชตวัน อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน มรณภาพแล้ว ได้ละสังขารอย่างสงบ ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว
จวกรัฐละเมิดสิทธิการศึกษา พระ-สามเณรไร้สัญชาติ เจ้าอาวาสแบกภาระหารายได้ส่งเสีย
กรณีที่พบว่าการศึกษาของสามเณร โดยเฉพาะสามเณรไร้รัฐไร้สัญชาติจำนวนมากประสบปัญหาเนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ไม่ออกรหัส G สำหรับสามเณรที่ไม่มีเอกสารทางทะเบียนราษฎรแตกต่างจากเด็กนักเรียนในระบบการศึกษาที่เปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนไม่มีเอกสารใดๆ สามารถขอรหัสตัว G และได้รับงบสนับสนุนจากรัฐบาล
ลูกศิษย์อาลัย 'หลวงปู่แสง' ละสังขารอย่างสงบแล้ว
เพจเฟซบุ๊ก "หลวงปู่แสง ญาณวโร" โพสต์ข้อความว่า วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2566 เวลา 19.13 น. น้อมส่งพ่อแม่ครูบาอาจารย์ สู่แดนนิพพานละธาตุ