‘จตุพร’ เสนอ ‘พิธา’ พลิกเกมถอยโหวตนายกฯ แนะประกาศถอนตัวกลางสภา พร้อมหนุน ‘เศรษฐา’ เป็นตัวแทน 312 เสียงชิงนายกฯ เชื่อล็อกขา พท.ไม่ให้ย้ายข้ามขั้ว ขณะที่ฝ่าย 188 เสียงไม่กล้าตั้ง รบ.เสียงข้างน้อย สิ่งสำคัญสกัดม็อบลงถนนเผชิญหน้ารุนแรง หยุดสงครามกลางเมือง ไม่มีเลือดนองท้องช้าง
17 ก.ค.2566-นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “พลิก?” โดยเสนอให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ พลิกเกมด้วยการประกาศถอนตัวจากแคนดิเดตนายกฯ กลางสภาในวันที่ 19 ก.ค.นี้ พร้อมเสนอให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของฝ่าย 312 เสียงแทน ซึ่งมั่นใจว่า เป็นการพลิกชิงมัดขาพรรคเพื่อไทยไม่ให้ย้ายข้ามขั้ว
นายจตุพร เสนอว่า วันที่ 19 ก.ค. นี้ เป็นการโหวตนายกฯ รอบสอง นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังถูกพรรค 312 เสียงเสนอให้เป็นนายกฯ ตามเดิม แต่โอกาสจะผ่านเสียง 376 ของสองสภาร่วมกันย่อมไม่มีทางเป็นไปได้
นอกจากนี้ ตั้งแต่เวลาเช้าของวันที่ 19 ก.ค. เช่นกัน ศาล รธน.ได้นัดประชุมพิจารณาคำร้องกันตามปกติ โดยมีวาระพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องกล่าวหานายพิธา ในกรณีถือหุ้นสื่อไอทีวี ซึ่งขัดคุณสมบัติต้องห้ามสมัคร ส.ส. ดังนั้น ถ้าศาลรับคำร้อง พร้อมสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ส.ส.แล้ว นายพิธา ย่อมถูกเชิญให้ออกจากห้องประชุมสภา โดยคาดว่า จะมีการโหวตนายกฯ ในช่วงบ่าย
“โอกาสเดียวที่นายพิธา ต้องทำให้วันที่ 19 ก.ค.คือ ลุกขึ้นประกาศกลางสภาขอถอนตัวจากแคนดิเดตนายกฯ พร้อมเสนอนายเศรษฐา ชิงโหวตนายกฯ แทน ซึ่งจะทำให้เกมพลิกทันที เพราะพวกรอข้ามขั้วไปหาฝ่าย 188 เสียง จะหัวทิ่ม เนื่องจากผิดแผนกันเป็นทิวแถว”
นายจตุพร ยังเสนอว่า การประกาศลงนาม MOU ของ 8 พรรค 312 เสียงนั้น โดยสาระสำคัญอยู่ที่คำมั่นสัญญาของพรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล ที่ให้ไว้กับประชาชนว่าจะไม่จับมือกับพรรค 2 ลุง คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพลังประชารัฐ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ขณะที่ พรรคฝ่าย 188 เสียงยังประกาศคำมั่นเช่นกันจะไม่จับมือกับพรรคแก้ ม.112 ดังนั้น หากยึดตามสัญญาของทั้งสองฝ่ายที่ให้กับประชาชนแล้ว ย่อมไม่เกิดการข้ามขั้วอย่างชัดเจน แต่พรรคการเมืองไทย ล้วนมีความกะล่อน กลับกลอก ทอดทิ้งและลืมคำสัญญากับประชาชนได้เสมอด้วยการนำความจำเป็นของประเทศชาติมาอ้างให้เกิดประโยชน์สมคบคิดกัน
นายจตุพร ย้ำว่า อีกอย่าง นายพิธา ประกาศว่า ถ้าโหวตไม่ผ่านเสียง 376 แล้วจะหลีกทางให้เพื่อไทย เสนอแคนดิเดตเข้าโหวตนายกฯ ประกอบกับแนวโน้มการโหวตนายพิธา ให้ผ่าน 376 แทบไม่มีแล้ว และไม่แตกต่างกันนายเศรษฐา ย่อมไม่ได้เสียง ส.ว.เพียงพอผ่าน 376 เช่นกัน ดังนั้น วันที่ 19 ก.ค.จึงเป็นช่วงเวลาเหมาะในการพลิกเกมเสนอตัวแทนพรรคเพื่อไทย โดยทางการเมืองสิ่งที่จะได้รับคือ การผูกมัด ล็อกขาพรรคเพื่อไทยไม่ให้ข้ามขั้วไปหาพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งจะทำให้ประชาชนเดือดดาลรุนแรง และออกมาชุมนุมบนถนนมากมาย หนาตา
“ขณะนี้ หน้าที่ของพรรคก้าวไกล คือ เฝ้าพรรคเพื่อไทยไม่ให้ไปไหน ต้องจับมือกันให้แน่น จะไปไหนก็ไปตาม เพราะตั้งรัฐบาลไม่ได้อยู่แล้ว แต่มีไม้ตายเดียวที่ตั้งรัฐบาลสำเร็จคือ การข้ามขั้วเท่านั้น เมื่อนายพิธา เห็นอนาคตอยู่แล้วว่า ไม่ผ่านเสียง 376 จึงควรประกาศหลีกทางให้เพื่อไทยในวันที่ 19 ก.ค.เลย”
นายจตุพร เชื่อว่า หากนายพิธา ประกาศหลีกทางให้พรรคเพื่อไทยแล้ว ยังตั้งรัฐบาลไม่ได้อยู่ดี จึงควรล็อกขากันไว้เพื่อให้นักการเมืองหยุดกะล่อน เน้นยึดมั่นตามคำพูดกันสักครั้ง ยิ่งฝ่ายด้อมส้มจุดม็อบไม่ติด กลายเป็นพวกไม้ขีดเปียก สิ่งสำคัญ ถ้าพรรคเพื่อไทยข้ามขั้ว ม็อบจะลามทันที ดังนั้น การประกาศถอยของนายพิธา จึงพลิกสถานการณ์การข้ามขั้วและได้สกัดการเกิดม็อบลงถนนด้วย
“พรรคเพื่อไทยต้องรักษาสัจจะวาจาว่า ไม่ข้ามขั้ว สิ่งสำคัญต้องตอบให้กระจ่างด้วยว่า ถ้าดันนายพิธา จนสุดความสามารถแล้วจะข้ามขั้วหรือไม่ คำถามนี้ต้องยึดมั่นไว้ให้เป็นจริงตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับประชาชน และเพื่อไทยต้องยึดมั่นให้มีความหมายตามที่พูด โดยเมื่อดันนายพิธาจนสุดความสามารถก็ไปไม่ได้ ดังนั้น เพื่อไทยต่้องอยู่ร่วมกันตามสัญญา”
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ นายจตุพร เห็นว่า เป็นโอกาสดีของประชาชน เพราะประเทศจะได้เริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ โดยพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลต้องอยู่กันอย่างแน่นหนา จะแยกกันไปไหนไม่ได้ เมื่อบ้านเมืองไม่มีทางออก เหลืออยู่ทางเดียวคือ ประชาชนต้องแข็งใจหาทางสลายเดดล็อกนี้จึงเป็นหนทางราบรื่น
นายจตุพร ย้ำว่า เมื่อการเมืองถึงทางตัน ถ้าพรรคเพื่อไทยอ้างความจำเป็น อ้างชาติมาย้ายข้ามขั้วไปตั้งรัฐบาลกับฝ่าย 188 เสียง ดังนั้น ประชาชน ต้องจับตา เฝ้าสกัดความกะล่อนของพรรคจ้องลืมคำสัญญากับประชาชน แล้วร่วมกันลงโทษ อย่าให้พรรคเห็นแก่ตัว เนื่องจากการย้ายข้ามขั้วจะมีการชุมนุมถึงขั้นสงครามกลางเมืองขึ้น แล้วเลือดจะนองท้องช้าง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.ณัฏฐ์ มองการเมืองไทยปี 68 'รัฐบาลอิ๊งค์' มีเสถียรภาพ อยู่ยาวถึงปี 70
“ดร.ณัฏฐ์” มือกฎหมายมหาชน ชี้การเมืองไทยปี 2568 “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” กุมเสียงข้างมาก รัฐบาลมีเสถียรภาพ แม้เจอโรครุมเร้า นักร้องเรียนรายวัน ยังไม่มีตัวแปรใดล้มรัฐบาล ฟันธง รัฐบาลอยู่ยาวถึงปี 2570
'จตุพร' มองการเมือง 2568 สัมพันธ์อำนาจระแวงบีบกด ฉุดบ้านเมืองเข้ามุมอับ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ส่งท้ายปี 2567 ว่า ในปี 2568 บ้านเมือง
'นพดล' ฟังทางนี้! 'หมอวรงค์' จับโป๊ะ คำชี้แจง 'MOU 44'
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ถึงนพดล ปัทมะ" โดยระบุว่า คำพูดของนายนพดล ปัทมะ ที่ชี้แจงพันธมิตรฯ เรื่อง MOU 44
กมธ.คุ้มครองผู้บริโภครับลูกเร่งผลักดัน 3 กม.ของภาคประชาชน
'กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค' รับหนังสือแก้ไขกฎหมาย 3 ฉบับ เร่งสภาผลักดัน แก้ปัญหาสินค้าไม่ตรงปก - ติดฉลาก -ให้ข้อมูลโภชนาการไม่สมบูรณ์
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
'จตุพร' ซัด 'ทักษิณ' สติแตก โต้ 'ผมเป็นหนี้อะไรนักหนาสู้ให้จนติดคุก 5 ครั้ง' คงทดแทนพอแล้ว
'จตุพร' ซัด 'ทักษิณ' สติแตก อารมณ์อึดอัดพลุกพล่าน พูดกราดเกรี้ยวดุดัน โชว์ถ่อยเป็นพ่อไม่ไว้หน้านายกฯ ลูกสาว จวกปราศรัยเหวี่ยงแห ดุด่าสองแง่สามง่าม ยัดเยียดสารพัดเนรคุณ ย้อนแสบทดแทนบุญคุณนักสู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บหรือยัง ลั่น 'ผมเป็นหนี้อะไรนักหนา' สู้ให้จนติดคุก 5 ครั้ง ชีวิตผจญชะตากรรมไม่รู้จบ บ้านรอถูกยึด คงทดแทนกันพอแล้วมั้ง