‘จตุพร’กางแผนเพื่อไทยกำจัดก้าวไกล เริ่มบทขี้แพ้ชวนตี หาเรื่องทะเลาะ ขย่มขยี้ตามสัญชาตญาณหมาป่าขู่ลูกแกะ หวังยึด ‘ปธ.สภา’ ยื้อดึงโหวตเลือกนายกฯ รอล้างยางอายแล้วข้ามขั้วไปจับมือฝ่ายรัฐประหาร. มั่นใจเกมหน้าด้านไปบรรลุความหวังเจ้าของพรรคย่อมลงท้ายถูกหัก ถูกยุบพรรคอยู่ดี
28 พ.ค.2566-นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ความหวังของใคร?” โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยเล่นเกมกำจัดจุดอ่อน หาเรื่องทะเลาะข่มขย่มแย่งตำแหน่งประธานสภาฯ แล้วหักก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน รอเวลาล้างยางอายชั่วประเดี๋ยวจึงแยกขั้วไปจับมือรัฐประหารตั้งรัฐบาลขึ้นมาแทน กระดานการเมืองขณะนี้เหมือนเล่นเกมกำจัดจุดอ่อน โดยใช้ความลื่นไหลแบบวิถีลอดช่องสิงคโปร์ที่บางพรรคถนัดแสดงบทสลัดทอดทิ้งพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นสิ่งแปลกปลอมของนักเลือกตั้งให้ไปเป็นพรรคฝ่ายค้าน
นอกจากนี้ เมื่อ 8 พรรครวม 312 เสียงจะตั้งรัฐบาล จึงเหลือฝ่ายพรรค 188 เสียง หากพรรคเพื่อไทยเดินกลเกมหมาป่ากับลูกแกะ ก่อกวนข่มขู่จะเอาตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ได้ ถ้าพรรคก้าวไกลไม่ยอม ย่อมลากลามไปโหวตในสภา ซึ่งเป็นเวทีให้ฝ่าย 188 เสียงได้แสดงบทเทเสียงให้พรรคเพื่อไทย ถึงที่สุด พรรคเพื่อไทยจึงมีแต่ได้ตามสัญชาตญาณของหมาป่าที่ต้องการได้หมด กินรวบอย่างเดียว ลูกแกะอย่างพรรคก้าวไกลจึงยากจะขัดขืนความอยากและกิเลสของมนุษย์ได้
นายจตุพร ย้ำว่า การรวมเสียง 312 เสียงตั้งรัฐบาล ยังมองไม่เห็นหนทางไปถึงตำแหน่งนายกฯ ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แม้มีเสียงข้างมากในสภาก็ตาม แต่ความเป็นจริงยังเป็นเสียงข้างน้อยของสองสภาสำหรับโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งจะต้องได้ 376 เสียงเป็นอย่างน้อย ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาลจึงขาดอีก 64 เสียงมาหนุนเติม ซึ่งในทางการมืองแบ่งขั้วจุดยืนการเมืองย่อมยากอย่างยิ่ง
ส่วนการประชุมพรรคร่วม 8 พรรคเพื่อจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าแบ่งปันเพื่อจัดหาความสำราญใจย่อมทำได้ เพราะในความเป็นจริงแล้ว เมื่อยังไม่ได้ตำแหน่งนายกฯ การแบ่งสรรรัฐมนตรีของแต่ละพรรคก็ยากจะเป็นความจริงไปได้ อีกทั้ง เห็นว่า สิ่งที่เป็นจริงนั้น เริ่มจากการแย่งชิงตำแหน่งประธานสภาฯ และคุณสมบัติสมัคร ส.ส.ของนายพิธา กรณีถือหุ้นไอทีวี ซึ่งหลายสำนักคาดการณ์แนวทางเดียวกันว่ารอดยาก และเชื่อว่า กรณีคุณสมบัติจะถูกชี้ขาดก่อนการยุบพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำไป
“การทำลายกันต้องเกิดจากพวกหรือฝ่ายเดียวเท่านั้นที่ทำได้อย่างชะงัด โดยถ้าจะจัดการพรรคก้าวไกลก็ต้องใช้พรรคเพื่อไทยที่สุมแค้นความพ่ายแพ้จากเลือกตั้งมาลงมือ เพราะพรรคก้าวไกลคือสิ่งแปลกปลอมมาทำลายความฝันทุกอย่างของพรรคเพื่อไทยจนยับเยิน”
นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่าย 8 พรรครวมกัน รู้ดีว่า จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะส่วนหนึ่งไม่ได้เสียง ส.ว.มาโหวตหนุน แม้ตามข่าว ส.ว.บางส่วนประมาณ 20 เสียงจะแยกมาหนุนนายพิธา แต่นั่นเป็นเพียงยาหอมสูดดมแก้มึนเวียน เนื่องจากเสียงจริงมีเพียง 5-6 คนเท่านั้น ถึงที่สุดเสียงโหวตนายกฯ จากพรรคก้าวไกลไม่มีทางได้ถึง 376 เสียงค่อนข้างแน่ชัดยิ่ง
“การเมืองในขณะนี้มีความเป็นจริงอยู่ที่ฝ่ายข้างน้อย 188 เสียง ผสม ส.ว. 250 และองค์กรอิสระกำลังปิดล้อม 312 เสียงอย่างแน่นหนา แล้วปล่อยให้พรรคเพื่อไทยก่อหวอดทำลายพรรคก้าวไกลกันให้ย่อยยับอยู่ในวงล้อม ซึ่งเป็นการเล่นเกมยั่วกิเลสมนุษย์ แม้วันนี้เพื่อไทยคำรามขย่มก้าวไกลเป็นการใหญ่ แต่ก้าวไกลยังทำตัวทนได้อย่างสงบนิ่ง”
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยหักคอพรรคก้าวไกลในตำแหน่งประธานสภาแล้ว ประกอบกับการโหวตเลือกนายพิธา เป็นนายกฯ ไม่ถึง 376 เสียง จึงเป็นโอกาสที่เพื่อไทยจะแยกตัว ฉีกทิ้งเอ็มโอยูตั้งรัฐบาล แล้วไปร่วมมือกับบางพรรคในฝ่าย 188 เสียง อย่างไรก็ตาม การจะทำได้เช่นนั้น พรรคเพื่อไทยต้องล้างยางอายก่อน โดยหาเรื่องทะเลาะ ตบตี และตบแต่งหน้าพอชวนให้เชื่อได้บ้าง ดังนั้น การก่อกวน ข่มขู่เอาตำแหน่งประธานสภาฯ จึงเป็นการหาเรื่องเพื่อแยกตัวออกจากพรรคก้าวไกลทั้งสิ้น
เมื่อเพื่อไทยหักหลังเพื่อนก็ย่อมถูกจัดการด้วยเช่นกัน แม้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เป็นประธานสภาฯ แต่เพื่อไทยจะเผชิญหน้าการถูกยุบพรรค แล้วตำแหน่งประธานสภาฯ ก็ว่างลง จึงย้อนกลับมาที่นายสุชาติ ตันเจริญ ตามดีสลับได้กำหนดตัวกันเอาไว้แล้วกับการโยกย้ายกลับมาเพื่อไทย ซึ่งไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อนอะไรเลย รวมทั้งการเมืองขณะนี้ร่วมมือกันหลายพรรคเพื่อกำจัดพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะเจ้าของพรรคแดนไกลได้ส่งสัญญาณให้ทุกแพลตฟอร์มเคลื่อนตัวกันพร้อมเพรียง ด้วยสัญญาณของคนอารมณ์ค้างไม่พอใจก้าวไกลกินรวบ จึงใช้มวลชนเรียกร้องพรรคเพื่อไทยออกมาเป็นฝ่ายค้าน ดังนั้น การเป็นฝ่ายค้านหรือแยกตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล 312 เสียงจึงสอดคล้องกับแรงกดดันเอาตำแหน่งประธานสภาให้ได้ จึงเป็นการหาเรื่องทะเลาะ ล้วนเป็นเกมปล่อยทิ้งพรรคก้าวไกลเพื่อไปตั้งรัฐบาลใหม่กับฝ่าย 188 เสียง
“เพื่อไทยพยายามหาเรื่องพรรคก้าวไกลทุกอย่าง ทั้งใส่ร้ายกล่าวหากินรวบ ไม่ยอมกินแบ่ง เป็นการหาเรื่องเพื่อตบแต่งตัวเอง โดยความจริงแล้ว พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการไปร่วมด้วยกับพรรคก้าวไกล เพราะรวมกันได้แค่ 312 เสียง ไปไม่ถึง 376 เสียง จึงตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เนื่องจากสองสภาไม่โหวตให้นายพิธา เป็นนายกฯ”
นายจตุพร กล่าวว่า ทุกการก่อตัวของพรรคเพื่อไทย ย่อมเคลื่อนไปสู่เป้าหมายแยกตัวจากพรรคก้าวไกล และเปิดโอกาสให้ตัวเองไปร่วมรัฐบาลกับฝ่าย 188 เสียง หรือพรรคสองลุงที่เคยหยามเหยียดไม่จับมือตั้งรัฐบาลด้วยในช่วงหาเสียง
อย่างไรก็ตาม บนเวทีปราศรัยหาเสียงสุดท้าย แกนนำพรรคเพื่อไทยทุกคนพูดปิดฉากหาเสียงทำนองเดียวกันหมด ด้วยการประกาศต่อต้านเผด็จการ ไม่สมคบพวกทำรัฐประหาร แต่สถานการณ์ขณะนี้ พรรคเพื่อไทยกำลังหาเหตุสร้างเรื่องทะเลาะมาล้างยางอายของตัวเองเพื่อออกไปจับมือกับฝ่ายทำรัฐประหารตั้งรัฐบาล แล้วโดดเดี่ยวพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน
“ถึงที่สุดแล้ว พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยต้องถูกกำจัดอยู่ดี โดยจัดการนายพิธา ก่อน แล้วต่อมาก็ยุบพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ต้องปลิวหายไปจากตำแหน่งประธานสภาด้วยเช่นกัน และนายสุชาติ ก็มานั่งประธานสภาแทน ตามที่กำหนดตัวกันไว้”
นายจตุพร กล่าวว่า เจ้าของพรรคเพื่อไทยต้องการให้ผลจบลงเช่นนี้ เนื่องจากการดีลกลับบ้าน ไม่เป็นผลมาจากการไม่เชื่อถือในคำพูดที่ไม่มีสัจจะ ดังนั้น การทรยศหักหลังเพื่อนอย่างอำมหิต แล้วใครจะเชื่อถือได้ลง เมื่อก้าวไกลถูกหักในตำแหน่งประธานสภา และถูกหักให้เป็นฝ่ายค้าน การตั้งรัฐบาลต้องหันไปจับมือกับ 188 เสียง โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ดังนั้น กระดานการเมืองขณะนี้จึงเป็นเรื่องเกมความหน้าด้าน ไร้ยางอาย เพื่อให้บรรลุความหวังของเจ้าของพรรคตัวจริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'จตุพร' มองการเมือง 2568 สัมพันธ์อำนาจระแวงบีบกด ฉุดบ้านเมืองเข้ามุมอับ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ส่งท้ายปี 2567 ว่า ในปี 2568 บ้านเมือง
'นพดล' ฟังทางนี้! 'หมอวรงค์' จับโป๊ะ คำชี้แจง 'MOU 44'
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ถึงนพดล ปัทมะ" โดยระบุว่า คำพูดของนายนพดล ปัทมะ ที่ชี้แจงพันธมิตรฯ เรื่อง MOU 44
'วันนอร์' ลุยถกแก้รธน. 14-15 ม.ค. ถือเป็นข่าวดีปีใหม่ หวังทันเลือกตั้งปี 70
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่า ได้คุยกับวิป 3 ฝ่ายไปแล้วว่าเรามีร่างรัฐธรรมนูญที่แก้รายมาตรา 17 ฉบับ และยังมีร่างที่แก้ทั้งฉบับของพรรคประชาชน(ปชน.)
'จตุพร' ซัด 'ทักษิณ' สติแตก โต้ 'ผมเป็นหนี้อะไรนักหนาสู้ให้จนติดคุก 5 ครั้ง' คงทดแทนพอแล้ว
'จตุพร' ซัด 'ทักษิณ' สติแตก อารมณ์อึดอัดพลุกพล่าน พูดกราดเกรี้ยวดุดัน โชว์ถ่อยเป็นพ่อไม่ไว้หน้านายกฯ ลูกสาว จวกปราศรัยเหวี่ยงแห ดุด่าสองแง่สามง่าม ยัดเยียดสารพัดเนรคุณ ย้อนแสบทดแทนบุญคุณนักสู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บหรือยัง ลั่น 'ผมเป็นหนี้อะไรนักหนา' สู้ให้จนติดคุก 5 ครั้ง ชีวิตผจญชะตากรรมไม่รู้จบ บ้านรอถูกยึด คงทดแทนกันพอแล้วมั้ง
จตุพรชี้ รัฐบาลพ่อเลี้ยง ขาดพ่อก็จบ ไม่มีคนเกรงใจ
“จตุพร” ชำแหละรัฐบาลพ่อเลี้ยง สะท้อนนายกฯ ยังละอ่อนการเมือง ฉะพ่อก้าวร้าว อาละวาดตบจูบทำเสมือนเป็นนายกฯ ตัวจริง ส่วนลูกแค่ร่างทรง เชื่อขาดพ่อรัฐบาลก็จบ จับตาเชือด “พีระพัง” หลังปีใหม่ ระบุขวางผลประโยชน์กลุ่มทุนผูกขาด ซัดสหายใหญ่ ทำตัวเป็นแมวเสียศักดิ์ศรีคุมกลาโหม ชมฉายา “อนุทิน- รมต.น้ำ” รู้เท่าทันสถานการณ์บังคับให้เล่นเป็น อยู่ได้ ชี้นายกฯ แพทองโพย เอาแต่อ่านทำภาพลักษณ์ผู้นำหายหมด
เทวดาแม้วของขึ้น! เปิดศึกขาประจำกว่า 10 คน รวม ‘แก้วสรร-แฝดน้อง‘
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พ่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงฉายา “ทวีไอพี” ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการ