ก้าวไกลแรง 'พท.' ส่อวืดแลนด์สไลด์ เปิดทาง 'ขั้วรัฐบาล' พลิกชนะ

‘นิด้าโพล’ ครั้งสุดท้าย 3 พ.ค. ชี้ก้าวไกลแรง ‘คนแดนไกล’ เหนื่อย พท. เสี่ยงวืดแลนด์สไลด์ เปิดทางขั้วพรรครัฐบาลพลิกชนะ

1 พ.ค. 2566 – ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยว่า นิด้าโพล จะมีการเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อการเลือกตั้ง 2566 รอบสุดท้าย ในตอนเที่ยงวันพุธที่ 3 พ.ค. นี้ เนื่องจากตามระเบียบข้อกฎหมาย ห้ามทำการเปิดเผยผลสำรวจโพลในช่วงเจ็ดวันสุดท้ายก่อนวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ที่จะเลือกกัน 14 พ.ค. อย่างไรก็ตาม หลังจากวันที่ 3 พ.ค. ทางนิด้าโพล จะยังมีการออกสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อการเลือกตั้งต่อไป แต่จะนำมาเปิดเผยอีกครั้ง หลังปิดหีบเลือกตั้ง วันที่ 14 พ.ค.

ผอ.นิด้าโพล ยังวิเคราะห์ถึงกรณีผลโพลหลายสำนักที่พรรคก้าวไกลมีคะแนนนิยมพุ่งสูงขึ้นในช่วงหลังจะมีผลทางการเมืองอย่างไรว่า ในการสำรวจของนิด้าโพลพบว่า พรรคเพื่อไทย มีคะแนนเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน 2565 ที่ตอนนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย เปิดตัวเข้าสู่การเมือง ก็พบว่า คะแนนนิยมในส่วนของตัวบุคคลที่ประชาชนจะเลือกเป็นผู้นำ คะแนน น.ส.แพทองธาร ก็เริ่มเข้ามาเรื่อยๆ จนบางช่วงสูงกว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และสูงกว่า คนที่ตอบว่ายังไม่ได้ตัดสินใจจะเลือกใคร จากนั้นคะแนนนิยมของอุ๊งอิ๊ง ก็ไต่ขึ้นเรื่อยๆ

ขณะเดียวกัน พบว่า พรรคก้าวไกลก็ตามพรรคเพื่อไทย มาแบบห่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แฟนคลับก้าวไกล จะอยู่ในช่วง 18 – 25 ปี ที่เรียกกันว่านิวโหวตเตอร์ ซึ่งเดิมก้าวไกลมีคะแนนนิยมในโหวตเตอร์กลุ่มนี้เยอะ แต่พออุ๊งอิ๊ง เริ่มเดินสายหาเสียงทั่วประเทศ ตั้งแต่ พ.ย. -ธ.ค. 2565 และต่อเนื่องมา พบว่าทำให้สามารถดึงคะแนนเสียงจากโหวตเตอร์กลุ่มนี้มาที่เพื่อไทยและอุ๊งอิ๊งได้ ส่งผลให้ผลโพลของนิด้าโพลที่ออกมา ตั้งแต่ทำโพลเลือกตั้ง 2566 คะแนนของอุ๊งอิ๊งและเพื่อไทยนำโด่งมาตลอด

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ผลโพลของนิด้าโพลล่าสุดที่ออกมาเมื่อ 16 เมษายนที่ผ่านมา ก้าวไกลพุ่ง แต่เพื่อไทยคะแนนลดลง จากที่เคยได้เยอะสุดตอนทำโพลเลือกตั้งครั้งแรกๆ ร่วม 49 เปอร์เซ็นต์กว่าๆ ก็เริ่มลดลงมาเหลือ 47 เปอร์เซ็นต์ ส่วนทางกับพรรคก้าวไกลที่ขึ้นจาก 17 เป็น 21 เปอร์เซ็นต์

นายสุวิชา กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นพูดง่ายๆ ก็คือ เกิดการแย่งกัน กินคะแนนเสียงกันเอง โดยก้าวไกลไปกินคะแนนของเพื่อไทยและพรรคเสรีรวมไทย และหากยังเป็นแบบนี้ พรรคเสรีรวมไทย อาจมีแค่หัวหน้าพรรคคนเดียวที่ได้เดินเข้าสภาฯ ซึ่งการที่คะแนนนิยมของก้าวไกลสูงขึ้น ทำให้เพื่อไทยเกิดอาการมึน จนต้องเร่งปรับตัวกันใหญ่ เพื่อสู้กับกระแสก้าวไกล ตอนนี้หากสังเกตดูจะเห็นได้ว่า เพื่อไทยไม่มีคำว่าเกรงใจพรรคก้าวไกลอีกแล้ว การให้สัมภาษณ์ทุกวันนี้ของคนในพรรคเพื่อไทย ใส่ก้าวไกลเต็มๆ ไม่มีแตะเบรก ชนได้ชนเลย การที่พรรคก้าวไกลคะแนนขึ้น แต่เพื่อไทยลดลง ถามว่าแบบนี้ใครยิ้ม แน่นอนว่าก้าวไกลคงยิ้ม เพราะตัวเองคะแนนขึ้น

แต่อีกกลุ่มที่ยิ้มขึ้นคือลุงป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ กับเสี่ยหนู นายอนุทิน ชาญวีรกูล เพราะอะไร ยกตัวอย่างเช่น ในเขตเลือกตั้งต่างๆ ที่ตอนนี้ เพื่อไทย ตัวผู้สมัคร ส.ส.เขต อาจกำลังนำอยู่ที่ 35,000 คะแนน ส่วน คะแนนพลังประชารัฐ ตามมาที่สอง คือประมาณ 33,000 คะแนน ก้าวไกลไล่มาอันดับสาม 28,000 คะแนน แต่หากก้าวไกลไปตัดคะแนนเพื่อไทย เช่นไปตัดมาจากเพื่อไทยสัก 3,000 คะแนน ก้าวไกลจะขึ้นไปที่ 31,000 คะแนน ทำให้เพื่อไทย จาก 35,000 คะแนน จะเหลือ 32,000 คะแนน ทำให้พลังประชารัฐ ที่อยู่ที่ 33,000 คะแนน แบบนี้ พลังประชารัฐเข้าวินเลย ตาอินแข่งกับตานา สุดท้ายกลายเป็นตาอยู่ได้ไป

“การที่คะแนนก้าวไกลเพิ่มขึ้นแบบนี้ อาจทำให้บางพรรคเช่น พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะมีโอกาสจะเป็นตาอยู่ แบบนี้คนปวดหัวที่สุดคือเพื่อไทย ทำให้ความหวังเพื่อไทยที่ต้องการจะแลนด์สไลด์ ทุกวันนี้ยากแล้ว หรือหากไม่แลนด์สไลด์ เพื่อไทยก็ต้องการสองร้อยเสียงขึ้นไป แต่ดีไม่ดี หากเป็นแบบนี้เพื่อไทยจะได้ไม่ถึงสองร้อยเสียง ถ้าโดนพรรคก้าวไกลแย่งมากๆ ตรงนี้คือปัญหา ทำให้เพื่อไทยเลยพยายามแก้เกม ต้องโหมสร้างกระแสว่าต้องเลือกเชิงยุทธศาสตร์ โดยพยายามบอกว่าขอให้ประชาชนเลือกเพื่อไทยทั้งสองใบ เพื่อต้องการคะแนนคืน เพราะวันนี้คะแนนที่เพื่อไทยเสียไป เขาเสียให้ก้าวไกล ไม่ใช่เสียให้ใครเลย เพราะเขารู้ว่าหากก้าวไกลทำแบบนี้ ผลสุดท้าย เรือมันจะจมด้วยกันทั้งคู่ จะร่วงด้วยกันทั้งคู่” ผอ.นิด้าโพล ระบุ

ผศ.ดร.สุวิชา วิเคราะห์ด้วยว่า ในช่วงที่เหลืออีกประมาณไม่ถึงสองสัปดาห์ เพื่อไทยจึงพยายามดึงคะแนนคืนมา ซึ่งหากเพื่อไทยมีกลยุทธ์เด็ดๆ ก็อาจจะพอดึงคะแนนกลับมาได้ เช่นเพื่อไทย อาจต้องอาศัยคุณอุ๊งอิ๊งหลังจากนี้มากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่า การที่เพื่อไทยดันนายเศรษฐา ทวีสิน ออกมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ไม่ได้ช่วยอะไรเพื่อไทยเลย นอกจากตัวนายเศรษฐาที่ตามโพลได้มาแค่ 6 เปอร์เซ็นต์ แต่คะแนนอย่างอื่นไม่ได้ตามขึ้นมา ตอนนี้เพื่อไทยคงต้องปรับกลยุทธ์ แต่หากปรับไม่ทัน แล้วเพื่อไทยพลาดขึ้นมา ฝั่งพรรคการเมืองซีกรัฐบาลก็ยิ้มหวาน ไม่ว่าจะเป็น พลเอกประยุทธ์ พลเอกประวิตร นายอนุทิน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ นายวราวุธ ศิลปอาชา ซึ่งหากกลุ่มนี้รวมกันแล้วมีโอกาสจะได้ ส.ส. เกิน 250 เสียง เพราะหากเพื่อไทยได้ ส.ส. ลดลงจากที่ตั้งเป้าไว้ ก็จะทำให้ฝั่งขั้วรัฐบาลได้ ส.ส. เพิ่มขึ้น

ผอ.นิด้าโพล กล่าวต่อไปว่า แม้นิด้าโพลจะเปิดเผยผลสำรวจศึกเลือกตั้ง 2566 นัดสุดท้าย ก่อนวันเลือกตั้ง วันที่ 3 พ.ค. แต่พรรคการเมืองก็ยังมีเวลาอีกประมาณสิบเอ็ดวันก่อนวันเลือกตั้ง ที่จะปรับยุทธศาสตร์ ทางพรรคพลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ภูมิใจไทย ดูแล้วคงไม่ต้องปรับอะไร นั่งเฉยๆ นั่งบนภูดูเสือกัดกัน ดูเพื่อไทยจัดการกับก้าวไกลว่าจะทำได้หรือไม่ ดังนั้น ตอนนี้คนที่เหนื่อย คือคนที่อยู่แดนไกล หลังพอเห็นว่าคะแนนของก้าวไกล ทำท่าว่าจะมา

“ต้องรอดูในช่วงใกล้ๆ วันเลือกตั้ง เพราะประเทศเราเป็นประเทศสังคมแห่งวาทกรรม อาจจะมีวาทกรรมใหม่ๆ ออกมา เหมือนอย่างก่อนหน้านี้ที่เคยมี อย่างที่ดังๆ ก็เช่น “ไม่เลือกเรา เขามาแน่” ตอนเลือกตั้งผู้ว่าราชกรุงเทพมหานคร หรือ “เลือกความสงบจบที่ลุงตู่” ตอนปี 2562 แล้วก็มีหัวหน้าพรรคการเมืองบางพรรคมาบอกว่า ไม่เอาลุงตู่ ผลปรากฏพรรคนั้นสูญพันธุ์เลยใน กทม.” ผศ.ดร.สุวิชา ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สิงหารู้เรื่อง! ดวง ‘แม้ว‘ กำลังมีปัญหากับข้าเก่าเต่าเลี้ยง

ท่านแม้ว เดินเกมการเมืองข้ามช็อตเตรียมจัดตั้งรัฐบาลต่อถ้าเศรษฐาถูกสอย ไม่ปล่อยให้ภูมิใจไทยพรรคลำดับ 3 จัดตั้งรัฐบาลตามธรรมเนียม

แอคชั่นทันที! นายกฯมาเอง ลงพื้นที่ห้วยขวาง สั่งสอบป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สน.ห้วยขวาง ติดตามสอบถามข้องเท็จถึงกรณีที่พบมีการติดแผ่นป้ายโฆษณาซื้อขายหนังสือเดินทางและพาสปอร์ตที่แยกห้วยขวาง พบว่ามีการขึ้นป้ายดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2567 เนื้อหาเป็นข้อความเกี่ยวกับการรับจ้างทำหนังสือเดินทาง

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป

'วิโรจน์' บอก 7 ส.ค. ผลออกมา ต้องมีคำอธิบายที่ปชช.เข้าใจได้

'วิโรจน์' บอกตามตรง 7 ส.ค. ก็แค่วันปกติ ยัน ไม่ตื่นตระหนก แต่ไม่ประมาท 'คดียุบก้าวไกล' หากผลเป็นลบ ก็ต้องตอบสังคมให้ได้ภายใต้กรอบนิติรัฐ-นิติธรรม