25 เม.ย.2566- ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงผลการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ) ที่มีมติปรับลดค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บกับประชาชนงวดใหม่สำหรับเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2566 จากมติเดิม 4.77 บาท/หน่วย เป็น 4.70 บาท/หน่วย เท่ากันทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม หรือลดลง 2 สตางค์/หน่วย ว่า มีผลบังคับใช้ได้เลย ไม่ต้องนำเข้าที่ประชุมครม. ส่วนการขออนุมติงบกลาง เพื่อช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุมัติก่อน ส่วนตัวเลขจะอยู่ที่วงเงิน 8,000 ล้านบาทหรือไม่ต้องรอดู
“ผมได้ทำเรื่องเพื่อของบประมาณเข้ามาแล้วที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ซึ่งต้องรอดูตัวเลขงบประมาณ คงจะมีการพิจารณากันวันนี้ รอฟังผลแล้วกัน ผมทำเรื่องมาแล้ว ถ้าไม่ได้ติดเรื่องขั้นตอนอะไร อยากให้เข้าเร็ว เพราะถึงรอบแล้ว ปกติต้องของบในช่วงต้นเมษายนเพราะต้องบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะสามารถนำมาคำนวณได้ว่ายอดที่จะใช้ช่วยเท่าไหร่ แต่ยุบสภาก่อน ทำให้ไม่สามารถเร่งได้เร็วกว่ากำหนดไว้ จึงต้องมาของบกลางในช่วงนี้ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ มาตรการที่จะดูกลุ่มเปราะบางพยายามดูแลอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด”นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะช่วยลดภาระประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า อย่างน้อยกลุ่มผู้เปราะบาง หลักการก็จะเป็นเหมือนเดิม ส่วนวิธีการก็ควรจะเป็นโครงการต่อเนื่องจากเดิมที่รัฐบาลทำมาโดยตลอด ดูแลผู้เปราะบางเหมือนเดิม ส่วนที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนกันว่า ค่าไฟฟ้าแพง ต้องแยกระหว่างอัตราค่าไฟเดือนมกราคมถึงเมษายนอัตราเดิมตลอด นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า สำหรับงวดถัดไปในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2566 ตนเชื่อว่า หากราคาน้ำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีมีแนวโน้มทรงตัวและอ่อนตัวเช่นนี้ คาดว่าค่าไฟฟ้าจะลดลงได้อีก
“กระทรวงพลังงานไม่ได้อยู่นิ่ง ทำงานกันทุกวัน พยายามหาแหล่งพลังงานที่ไม่แพงมาทดแทนหรือการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีราคาถูกทำให้ลดลงมาเหลือ 4.70 บาทต่อหน่วยได้ ไม่เช่นนั้นมันก็จะสูงกว่านี้”นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
เมื่อถามว่า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้าท้วงติงว่า ลด 2 สตางค์ต่อหน่วยน้อยเกินไปและเสนอว่าควรยกเลิกคิดค่าเอฟทีเอระยะเวลา 3 เดือน นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า การยกเลิกค่าเอฟที 3 เดือน คือ ต้นทุนของประเทศ ก็ต้องดูว่าใครจะรับผิดชอบไป ลดค่าเอฟที 0.93 สตางค์เป็นเงินจำนวนไม่น้อย ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบาง แต่ถ้าให้กันทั้งหมดก็จะใช้งบประมาณจำนวนมาก เกิดเป็นปัญหาวินัยการเงินการคลัง นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
“ผู้ที่เสนอไม่ให้มีเอฟทีเลย ก็ต้องถามคำถามว่า แล้วส่วนนี้ใครจะรับผิดชอบไป เพราะเอฟทีคือต้นทุนเชื้อเพลิง ไม่ใช่ค่าพร้อมจ่าย”นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
เมื่อถามว่า นางรสนา โตสิตระกูล ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดโรงไฟฟ้าจึงผลิตเกินความต้องการใช้จริงกว่า 50 % นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า เกิดจากการคำนวณคลาดเคลื่อน วิธีการคำนวณไม่ได้ใช้ในสากล ผิดตรรกะ เพราะคำนวณบนพื้นฐานการนำตัวเลขกำลังการผลิตของเชื้อเพลิงทุกประเภทมารวมกันตรง ๆ แต่วิธีการคำนวณที่ถูกหลักวิชาการ ตัวเลขกำลังการผลิตที่เรียกว่าพึ่งพาได้ ใช้ประโยชน์ได้ ไม่ได้สูงขนาดที่จะทำให้กำลังสำรองการผลิตสูงถึง 50-60 % แต่ต่ำกว่านั้นเหลือเพียง 30 % ณ สิ้นปี 65
“สิ้นปี 66 จะมีกำลังการผลิตโรงไฟฟ้ารุ่นเก่า ๆ ที่ปลดระวางลงไปบางส่วนก็จะหายไปอีก แนวโน้วก็จะต่ำกว่า 30 % และจะต่ำลงไปเรื่อย ๆ เพราะจะมีการปลดระวางโรงไฟฟ้าตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 68”นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
เมื่อถามว่า ค่าพร้อมจ่ายจะจ่ายน้อยลงใช่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า โดยหลักก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะพลังงานที่จะมาทดแทนเป็นพลังงานสะอาด แต่ก็ต้องมาดูความสามารถที่จะมารองรับพลังงานสะอาดด้วยเช่นเดียวกัน จึงต้องดูว่ากำลังการผลิตสำรองควรจะเป็นเท่าไหร่ ซึ่งโดยปกติมักจะมีกำลังการผลิตสำรองสูงกว่าปกติ ขณะนี้กำลังหาค่ามาตรฐานควรจะเป็นเท่าไหร่” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่านายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติประกาศนโยบายว่า หากพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาล ค่าไฟฟ้าจะมีการกำหนดราคาให้กับผู้มีรายได้น้อยหรือเกษตรกร ยูนิตละ 3.90 บาท นายสุพัฒนพงษ์ ในฐานะทีมเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าวว่า นโยบายคือ ค่าเอฟทีเป็นศูนย์ ซึ่งปัจจุบันในส่วนของผู้เปราะบางค่าเอฟทีก็เกือบจะเป็นศูนย์ หรือ ประมาณ 1 สตางค์ ถ้าจะช่วยกลุ่มเปราะบางอีก 1 สตางค์ก็น่าจะทำได้ อยู่ในวิสัยที่จะทำได้อยู่แล้ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'พีระพันธุ์' นั่งหัวโต๊ะ กพช. สั่งชะลอรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 3,668 เมกะวัตต์
การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้รับมอบหมายจาก นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
'มท.1' ชงครม.แต่งตั้งโยกย้ายผจว. หลายตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองล้วงลูก
ที่ทำเนียบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ทางก
แก้ข่าวสทร.! 'อิ๊งค์- เสี่ยหนู' เดินคุยโชว์ปึ๊กหลังประชุมครม.
ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินลงมาจากจากตึกบัญชาการ 1 พร้อมกั
'พีระพันธ์ุ' ลงใต้ เยียวยาผู้ประสบอุทกภัยสงขลา-พัทลุง
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เดินทางลงพื้นที่ จังหวัดสงขลาและจังหวัดพัทลุง เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์และช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย
ครม. หนุน 'โครงการบ้านเพื่อคนไทย' ใช้พื้นที่การรถไฟฯ นำร่องเชียงใหม่-เชียงราก-บางซื่อ
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบ “โครงการบ้านเพื่อคนไทย” โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชน โดยนำที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่ไม่ได้ใช้เพื่อการเดินรถมาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยภายใต้ชื่อโครงการบ้านเพื่อไทย
ครม. อนุมัติสร้างทางด่วนยกระดับ บางขุนเทียน-บางบัวทอง คาดแล้วเสร็จปี 71
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ตอน ทางยกระดับบางขุนเทียน - บางบัวทอง ของกรมทางหลวงกระทรวงคมนาคม (โครงการ M9)