ส่อง 3 มาตรการพรรค รทสช.ใช้เงินแค่ 1.51 แสนล้านบาทที่สำคัญเสี่ยงโกงต่ำ!

ส่องมาตรการของพรรครวมไทยสร้างชาติ 3 โครงการ 'สวัสดิการพลัส-คนละครึ่งภาค 2- เบี้ยสูงอายุ' ใช้งบประมาณรวม 1.51 แสนล้านบาทต่อปี พร้อมย้ำตรวจสอบได้เสี่ยงทุจริตต่ำ

20 เม.ย.2566 – รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งถึงการรายงานรายละเอียดการกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองที่ต้องให้จ่ายเงินตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่ามีทั้งสิ้น 41 หน้า โดยโครงการที่น่าสนใจประกอบด้วย โครงการบัตรสวัสดิการพลัส ซึ่งพรรค รทสช.ระบุวงเงินที่ต้องใช้ว่า 1.การจัดประชารัฐสวัสดิการมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม กระจายรายได้อย่างเป็นธรรม ยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนผู้มีรายได้น้อยอย่างยั่งยืน ซึ่งให้สิทธิแก่ผู้มีสิทธิ ได้แก่ ซื้อสินค้าอุปโภค สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม ค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และมาตรการอื่นๆ ที่จะจัดให้ในอนาคตในวงเงิน 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน และ 2.โครงการบัตรสวัสดิการพลัสคาดว่าจะเริ่มใช้ในปะงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีวงเงินงบประมาณที่จะต้องใช้ในโครงการประมาณ 71,000 ล้านบาทต่อปี

ที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ พรรค รทสช.แจ้งว่าโครงการบัตรสวัสดิการพลัสใช้เงินจากกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม (กองทุนฯ) ซึ่งประกอบด้วยเงินอุดหนุนจากงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล ในวงเงินงบประมาณ 71,000 ล้านบาท

ด้านความคุมค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย พรรค รทสช.แจ้งว่าช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนผู้มีรายได้น้อยอย่างยั่งยืน ผู้ถือบัตรสวัสดิการพลัสสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ส่วนผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย พรรค รทสช.ระบุว่า 1.ไม่มีความเสี่ยง แต่มีข้อจำกัดในงบประมาณแผ่นดิน แต่ยังอยู่ในช่วงที่สามารถบริหารจัดการได้ 2.เป็นการใช้เงินจากกองทุนฯ ภายใต้การกำกับดูแลและบริหารงานของคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลตามปกติเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว และ 3.เป็นการให้วงเงินสิทธิและตรวจสอบคุณสมบัติของผู้มีสิทธิผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ จึงมีความเสี่ยงด้านการทุจริตต่ำ

พรรค รทสช.ยังได้เสนอโครงการคนละครึ่งภาค 2 จำนวน 26 ล้านสิทธิ์ วงเงินปีบะ 40,000 ล้านบาท เน้นร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอยด้วย โดยวงเงินที่ต้องใช้ พรรค รทสช.ระบุว่าเป็นการดำเนินการต่อจากโครงการคนละครึ่งระยะ 5 ตั้งแต่ 1 กันยายน 2565 ถึง 31 ตุลาคม 2565 จำนวน 26 ล้านสิทธิ์ วงเงินงบประมาณ 40,000 ล้านบาท ส่วนที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการระบุว่า มาจากงบประมาณประจำปี ส่วนความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบายนั้น พรรค รทสช.ระบุว่ากระตุ้นการบริโภคและขยายกิจกรรมการใช้จ่ายของประชาชนกับผู้ค้ารายจ่าย ขณะที่ผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย พรรค รทสช.ระบุว่า แก้ไขผลกระทบและความเสี่ยงโครงการโดยการปรับเพิ่มระบบกำกับและระบบการยืนยันการใช้งานให้มีความรัดกุมมากขึ้น

นอกจากนี้ พรรค รทสช.ยังมีโครงการเพิ่มเบี้ยยีงชีพผู้สูงอายุ โดยระวงเงินที่ต้องใช้ว่า เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้เท่ากันทุกช่วงอายุเป็น 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน (ยกเว้นคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) วงเงินงบประมาณปีละ 40,000 ล้านบาท โดยที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินเป็นเงินงบประมาณประจำปี ส่วนความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย พรรค รทสช.ระบุว่าผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย พรรค รทสช.ระบุว่า ข้อจำกัดของวงเงินงบประมาณประจำปี แต่ยังอยู่ในช่วงที่สามารถบริหารจัดการได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พีระพันธุ์' เยือนซาอุดีอาระเบีย ปิดดีลใหญ่ ยกระดับความร่วมมือด้านพลังงาน 'ไทย-ซาอุฯ'

ภาคต่อความสัมพันธ์ครั้งประวัติศาสตร์!! 'พีระพันธุ์' นำทีมเยือนซาอุดีอาระเบีย ถกความร่วมมือด้านพลังงานอย่างจริงใจและจริงจัง เผย‘ซาอุฯ’พร้อมลงทุนไทยในทุกมิติ นำร่องผลิตพลังงานไฮโดรเจนระดับ ‘บิ๊กดีล’ ไฟเขียวถ่ายทอดองค์ความรู้ ‘วิทยาลัยพลังงาน’ หนุนการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันของไทย

'สมชาย' กระทุ้ง กกต. ไล่บี้สอย สว. ที่มีลักษณะต้องห้าม

นายสมชาย แสวงการ อดีตสภาวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย มีเนื้อหาทำงาน จดหมายเปิดผนึก:ข้อเสนอสาธารณะถึงคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต. เพื่อพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ของสว.กลุ่ม18 สื่อสารมวลชน และสวกลุ่มต่างๆทั้ง 20 กลุ่ม

'กรพด' ลั่น! ไม่เคยเข้าคุก ยินดีให้กกต.ตรวจสอบ เล็งฟ้องคนทำเสียหาย

ที่รัฐสภา ว่าที่ พ.ต.กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ สว.กลุ่ม18 สื่อสารมวลชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)สั่งสอบห

'ดิเรกฤทธิ์' พ้อ! ไร้องค์กรตรวจสอบ กกต. ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ 'เลือก สว.'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ประชาธิปไตยต้องไม่มีอำนาจใดไม่ถูกตรวจสอบ"