เปิดเนื้อหาที่มาเงินพรรคเพื่อไทยนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท วงเงิน 5.6 แสนล้านบาท เหมือนซื้อหวยหวังรวยเอาดาบหน้า บอกประมาณรายได้ที่เพิ่มขึ้นเอย ผลคูณเศรษฐกิจ พร้อมแย้มตัดสวัสดิการรัฐ
20 เม.ย.2566 - รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงกรณีการกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองที่ต้องให้จ่ายเงิน ตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติประกอบร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ที่พรรคการเมืองต้องส่งให้ กกต.นั้น พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ส่งเอกสารชี้แจงมาแล้วทั้งสิ้น 60 หน้า โดยนโยบายที่เป็นที่จับตาถึงที่มาของเงินมากที่สุดคือ นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้กับประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
ทั้งนี้เอกสารชี้แจงของพรรค พท.ทั้ง 60 หน้าจะมีการกล่าวอ้างถึงนโยบายดังกล่าวซ้ำถึง 3 ส่วน แต่จะมีรายละเอียดมากที่สุดอยู่ที่หน้า 59 โดยระบุชื่อนโยบายว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยมีวงเงินที่ต้องใช้ 560,000 ล้านบาท
ที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ พรรคเพื่อไทยระบุว่า จากการบริหารระบบงบประมาณและภาษี ประกอบด้วย 1. ประมาณการรายได้รัฐที่เพิ่มขึ้นในปี 67 : 260,000 ล้านบาท 2.ภาษีที่ได้มาจากผลคูณต่อเศรษฐกิจจากนโยบาย : 100,000 ล้านบาท 3.การบริหารจัดการงบประมาณ 110,000 ล้านบาท และ 4.การบริหารงบประมาณด้านสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน 90,000 ล้านบาท ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยยังระบุว่าด้วยสามารถปรับเปลี่ยนตามความเหมะสมตามสถานการณ์ด้านการคลังของประเทศ
สำหรับความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบายนั้น พรรคเพื่อไทยชี้แจงว่า ประชาชนได้รับเงินดิจิทัลก้นถุง ที่มีเงื่อนไขเป็นประโยชน์สูงสุดต่อการกระตุ้นและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เกิดเงินหมุนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างเท่าเทียม และขยายตัวสูงกว่าเม็ดเงินที่ใช้
ประชาชนทุกคนมีกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งจะทำให้เป็นประโยชน์ต่อมาตรการทางการคลังในอนาคต เพราะสามารถใส่โปรแกรมเพื่อระบุเงื่อนไขไปในเงินดิจิทัลได้ ทำให้มาตรการทางการคลังมีประสิทธิภาพสูงสุด
ประเทศเข้าสู่ระบบการเงินรูปแบบใหม่ผ่านเทคโนโลยี Blockchain เพื่อรองรับการเปลี่ยนของระบบการเงินโลก
ภาคธุรกิจได้รับอานิสงศ์จากกำลังซื้อประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างเท่าเทียม ทั่วถึงในทุกพื้นที่
ส่วนผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบายนั้น พรรค พท.ชี้แจงว่า สามารถยกระดับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศให้พร้อมรับการขับเคลื่อนจากนโยบายด้านอื่นๆ ของพรรค เพื่อสร้าวการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระระยาว ซึ่งมีผลตอบแทนสูงกว่างบประมาณที่ใช้
เกิดการกระจายตัวของเม็ดเงินในระดับชุมชนทั่วประเทศพร้อมกัร สร้างเงินหมุนและการขยายตัวทางเศรษฐกิต
ประเทศก้าวสู่เศรษฐกิตดิจิทัล ซึ่งมีการขยายตัวสูงเปิดโอกาสร้างรายได้ สร้างงานจำนวนมหาศาล ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่างบประมาณที่ใช้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สส.เพื่อไทย ดี๊ด๊า ประเทศไทยมีระบบที่เป็นมาตรฐาน!
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าประชาชนที่ติดตามเรื่องนี้คงสบายใจขึ้นที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับ
สาวกเพื่อไทย ยื่นศาลรธน.สอบ 'ธนพร' ละเมิดอำนาจศาล
ที่บริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญ นายนิยม นพรัตน์ หรือเค สามถุยส์ และนายทันกวินท์ รัฐวัฒก์อังกูร เดินทางมายังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยื่นหนังสือร้อง นายธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์
'ชูศักดิ์' เผย 'เพื่อไทย' ได้รับความเป็นธรรม ศาลรธน. ไม่รับคำร้องปมล้มล้างการปกครอง
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายอิสระ ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย(พท.) ยุติการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองจะผูกพันไปยังกรณีที่มีการยื่นคำร้องเดียว
'อิ๊งค์' ยิ้มรับ 'พ่อ-เพื่อไทย' รอดล้มล้างปกครอง ชาวเน็ตชี้จากนี้ไป 'ทักษิณ' ใส่เกียร์เหลิง
จากกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย คำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ
2 ตุลาการศาลรธน.เสียงข้างน้อย รับคำร้อง 'ทักษิณ' สั่งรัฐบาลเอื้อประโยชน์ฮุนเซน น่าจะเกิดผลใช้สิทธิล้มล้างปกครองฯ
จากกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2567 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูก
'แก้วสรร' แนะ 'ธีรยุทธ' ปรับยุทธวิธี เสริมความแกร่งของสำนวนมุ่งไปที่ กกต.-ปปช.
หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ