ถึงบางอ้อ 'จตุพร' ประจานเพื่อไทย แจกเงินดิจิทัล ให้คนรวย 32 ล้านคน

“จตุพร” ลั่นต้านสุดตัว ค้านแจก 3.2 แสนล้านให้คนรวย 32 ล้านคนไม่เดือดร้อน ไม่ส่งผลกระตุ้นเศรษฐกิจจริง แต่ทำประเทศแบกหนี้สิน ย้ำแจกให้คนจน 22 ล้านคน กระตุ้นปากท้อง ได้ลืมตาอ้าปาก มั่นใจแบงค์ชาติไม่ยอมให้แจกเงินดิจิทัลแน่ จับสัญญาณ กกต.ไป ตปท.ยกชุด เชื่อคนแก่หมดวัยเที่ยว คาดซุ่มคิดพูด กลัวเสียลับ รอแบงก์ชาติเชือดเงินดิจิทัล บี้เพื่อไทย-เศรษฐา ขอโชคดีแล้วกัน

13 เม.ย. 2566 -​ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ร่วมต่อต้านการหาเสียง แจกเงินคนรวยเท่าคนจน" โดยยืนยันแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทต้องจ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจคนจนเท่านั้น พร้อมคัดค้านแจกคนรวย และเชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยจะไม่ให้โครงการแจกเงินของพรรคเพื่อไทยผ่านไปได้ด้วยดี

นายจตุพร มั่นใจว่า โครงการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทของพรรคเพื่อไทย จะไม่มีทางเกิดขึ้นเป็นจริงได้ โดยมีข้อสังเกตุคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อาจส่งเรื่องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือธนาคารชาติพิจารณาว่า ทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้ตามที่เพื่อไทยแถลงธนาคารชาติคงปล่อยให้ทำกันไปแล้ว

อีกทั้ง คาดว่า ดาบเชือดจะออกมาจากธนาคารชาติ แล้วส่งผ่าน กกต. ดังนั้น เรื่องนี้จะพิจารณากันอย่างรวดเร็ว อีกอย่าง กกต.ไปต่างประเทศ อาจหลีกเลี่ยงจะเป็นข่าว แล้วไปซุ่มพูดคุยกันก็ได้ กกต. 6 คนแก่แล้ว คงหมดวัยเที่ยว และอาจไม่ได้ไปเที่ยวก็เป็นได้ จึงอย่าคิดชั้นเดียว

นายจตุพร กล่าวว่า ความอยากได้คะแนนเสียงแบบง่ายๆ จึงเป็นเรื่องใหญ่ เพราะการอธิบายกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สมเหตุสมผล โดยพรรคเพื่อไทยใช้เงิน 5.4 แสนล้านจะกระตุ้นได้แค่แจกคนจน 22 ล้านคนเท่านั้น ส่วนคนรวย 32 ล้านคนที่ได้รับแจกด้วย ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจเลย เพราะพวกนี้ยังใช้ชีวิตตามปกติ ไม่มีเดือดร้อนเรื่องปากท้องอดอยาก

"การพยายามกล่าวอ้างเอาเงินประเทศไปแจกให้คนรวยแล้วตัวเอง (นายเศรษฐา ทวีสิน) ได้รับด้วย จึงเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากเคยมีตัวอย่างแก้ รธน. ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่กล้าโหวตวาระสาม ในประเด็น ส.ว. สมัครเลือกตั้งได้สองสมัยติดต่อกัน ซึ่งศาล รธน.ชี้ว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะแก้ รธน.เพื่อตัวเอง ถ้ากลับกันเมื่อแจกหมื่นบาทแล้ว นายเศรษฐา ก็ได้ จะตอบอย่างไรกับการแจกเงินเพื่อตัวเอง"

พร้อมยกตัวอย่างให้เงินกู้กับพม่าว่า หลักการดี ไทยเป็นประเทศผู้ให้กู้ แต่พม่าได้รับเงินกู้นำมาซื้อสินค้าในเครือ AIS ก็เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนทันที อีกทั้งโครงการรับจำนำข้าวที่ชาวนาได้ประโยชน์กันจริง แต่พ่อค้าไม่ได้นำไปขายจีทูจีจริง และได้ประโยชน์ที่มากกว่าอีก ประเทศและประชาชนจึงเสียหาย

นายจตุพร ย้ำว่า ถึงที่สุดต้องยืนหยัดต่อสู้กับความอยากได้อยากมีของคนรวยบางคนจึงเป็นสิ่งที่ยากที่สุด เพราะเงินค่าวิ่งรถผ่านสะพาน 10-20 บาทยังเก็บ ย่อมแสดงถึงพฤติกรรมเอาประโยชน์ส่วนตัว ไม่เผื่อแผ่สังคม

ดังนั้น ขณะที่ประเทศเป็นหนี้สาธารณะ 10 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือนยังแบกอีก 14 ล้านล้านบาท แล้วบ้านเมืองอยู่ในสภาพใกล้ล้มละลาย แต่นายเศรษฐา คิดแจกเงินหมื่นบาท ตัวเองก็ได้รับแจกด้วย และยังเอาอีก สิ่งนี้จึงเป็นพฤติกรรมเห็นแก่ตัวแล้วมาเสนอแจกให้คนรวยเห็นแก่ตัวตามนักการเมืองไปด้วย

"หลักคิดการแจกเงินหมื่นบาทต้องเพื่อคนจนเท่านั้น จะไปกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อคนรวยก็ต้องเป็นอีกเศรษฐกิจหนึ่ง หรือคิดโครงการธุรกิจเอสเอ็มอี ก็ว่ากันไป แต่การแจกคนจนโดยคิดการตลาดการเมืองระยะสั้น จะเกิดความฉิบหายระยะยาว ซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง”

นายจตุพร มั่นใจว่า นายเศรษฐาและเพื่อไทย ไม่มีโอกาสได้แจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทแน่ เพราะจะพังก่อน เนื่องจากธนาคารชาติจะไม่มีวันยอมให้ทำสกุลเงินดิจิทัลแน่ เพราะพฤติกรรมนักการเมืองเพื่อไทยเป็นเครื่องชี้เจตนา ที่จะบอกถึงจิตใจต้องการอะไร

อีกทั้ง เสนอว่า คนรวยไทยต้องกล้าที่สวนทางการแจกเงิน ถ้ารักชาติบ้านเมือง ต้องไม่เอาเงินบ้าๆ แบบนี้ โดยให้คนจน 22 ล้านคนไปเลย ส่วนคนรวย 32 ล้านคนต้องปฏิเสธ ต้องกล้าประกาศไม่รับ เนื่องจากสภาพประเทศยังย่ำแย่ แบกหนี้สินจนล้นพ้นตัวกันแบบนี้

รวมทั้ง เห็นว่า การแจกเงินหมื่นบาทนั้นทำให้พรรคก้าวไกลและไทยสร้างไทยได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะคะแนนเสียงอยู่บนฐานการเมืองเดียวกัน นอกจากนี้พรรคการเมืองอื่นก็มีการแจกเงินเช่นกัน แต่เป็นการแจกเฉพาะกลุ่มบุคคลที่รับ เช่น คนสูงวัย คนจนในบัตรคนจน หรือบัตรประชารัฐ และบัตรสวัสดิการรัฐ แล้วแต่จะเรียกชื่อกันไป แต่สิ่งสำคัญไม่ได้แจกให้คนรวยนำเงินไปละลายเล่น ก่อหนี้ให้ประเทศเสียหาย และประชาชนต้องแบกหนี้สินเพิ่มขึ้นอีก

"เราต้องกล้าหวังให้ประเทศนี้เกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อที่มาของเงินแจกไม่สุจริต เราจะไปหวังว่า เขาจะบริหารประเทศโดยสุจริตได้อย่างไร การอ้าง รธน.เท่าเทียมก็ยังแจกไม่ครบ เด็กแรกเกิดถึงอายุ 16 ปีไม่ได้รับ อย่างไรก็ตาม หัวเด็ดตีนขาด ผมไม่เห็นด้วย และต้องต่อต้านการแจกเงินหมื่นบาทให้คนรวยจนถึงที่สุด"

นายจตุพร ประชดว่า นายเศรษฐา แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย เป็นคนรวยระดับสูงเช่นกัน ยังกล้าพูดหน้าบานว่า ก็ได้รับเงินหมื่นบ้านด้วย ดังนั้น ประเทศนี้ไม่มีใครมีสิทธิ์จะมาปล้นได้ปล้นเอา แต่เรามีสิทธิ์จะพาประเทศให้รอดพ้นได้อย่างไร ส่วนหลักคิดการแจกเงินดิจิทัลคือการนำพาหายนะมาให้ประเทศอย่างชัดเจน

พร้อมย้ำว่า การแจกเงินครั้งนี้ เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน แล้วหวังผลทางการเมืองระยะสั้น แต่ประเทศฉิบหายระยะยาว จึงถามนักการเมืองพรรคนี้ว่า ยังไม่เข็ดอีกหรือกับพฤติการอ้างประชาชนมาหาประโยชน์ส่วนตน

"ผมยืนยันคนที่สมควรได้เงินแจกหมื่นบาทในจำนวนทั้งประเทศประมาณ 54 ล้านคน คือคนจน 22 ล้านคน อีก 32 ล้านคนเป็นคนรวยไม่สมควรได้ และไม่มีเหตุผลมีผลต้องไปแจกเงินให้คนไม่เดือดร้อนด้วย เพราะพวกนี้ไม่ใช่คนจน แต่เงินนี้ต้องช่วยให้เฉพาะคนจนเท่านั้น"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แฉอีโม่ง วิ่งเต้นล้มปมชั้น 14 เตือนหยุดทำเถอะ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2568 ให้จับตาดูวันที่ 15 ม.ค.ที่แพทยสภาขีดเส้นตายให้แพทย์รักษาทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 ส่งรายงานการรักษามาตรวจสอบการเอื้อหนีติดคุก แล้วยังต้องติดตามผลตรวจสอบของ ป.ป.ช.กรณีชั้น

พระเจ้า! 'จตุพร' ซัด 'ทักษิณ' กร่างเกินเบอร์ ระวังจบไม่สวย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ระบุว่า ทักษิณ ชินวัตร เริ่มขู่พรรคร่วมรัฐบาลกรณีไม่เข้าประชุม ครม

3 นายกฯ 'อิ๊งค์-ทักษิณ-เศรษฐา' ร่วมเปิดงานสัมมนาพรรคเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทยจัดสัมนาภายใต้โครงการ เสริมศักยภาพ สส. และบุคลากรทางการเมือง มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯในฐานะหัวหน้าพรรค นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ รวมถึงแกนนำ